พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 314 ค่ำคืนแห่งการร่วมหอและการปรับความเข้าใจ
บทที่ 314 ค่ำคืนแห่งการร่วมหอและการปรับความเข้าใจ
ความรู้สึกของเย่ชิงเฉิงในตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด ในฐานะลูกสาวเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้คนนับล้านต้องแหงนมองดูนาง แต่แล้วทำไมชะตาชีวิตของนางถึงต้องกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ทำไมนางต้องมาถูกบังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ที่นางเพิ่งรู้จักกับเขาได้ไม่เท่าไหร่แถมนางยังไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาอีกต่างหาก?
สำหรับนางแล้วนี่เป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับ อย่างไรก็ตามบุคคลที่อยู่ตรงหน้านางได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีทักษะที่ทรงพลังจนถึงขั้นที่ตอนนี้นางเชื่ออย่างสนิทใจว่า หลิงตู้ฉิงสามารถแก้ปัญหาของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ และถึงแม้ว่านางจะดึงดันไม่ยินยอมเขาตอนนี้ แต่ในเวลาไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องแต่งงานกับเขาอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเขาดูเหมือนจะมีอะไรในใจบางอย่างจนรีบอยากได้นางมาก นางจึงยอมประนีประนอม
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เนื่องจากเย่ชิงเฉิงตอบตกลง เขาจึงจัดเตรียมห้องหอทันที สำหรับผู้บ่มเพาะการแต่งงานไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองหรือต้องมีการผูกแถบผ้าสีแดงใด ๆ ให้มันวุ่นวาย บางครั้งพิธีการแต่งงานมันก็เป็นอะไรที่เรียบง่าย คือเพียงแค่ทั้งสองคนเข้าไปในห้องหอแล้วจากนั้นก็เป็นอันจบพิธี
เนื่องจากเย่ชิงเฉิงตอนนี้กำลังรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก อาจพูดได้ว่านางไม่พอใจกับการบีบบังคับของหลิงตู้ฉิง นางนั่งเฉย ๆ นิ่ง ๆ ไม่แสดงออกอะไรทั้งนั้นและปล่อยให้หลิงตู้ฉิงทำตามสิ่งที่เขาต้องการ
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้รู้เลยว่าการแสดงออกของนางในตอนนี้ มันจะเป็นสิ่งที่หลิงตู้ฉิงต้องการเป็นที่สุด
สิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คือความเชื่อมโยงลึกลับระหว่างความปรารถนาและอารมณ์
ด้วยน้ำตาในดวงตาของนางที่ไหลออกจากดวงตาโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ค้นพบความลึกลับของอารมณ์และความปรารถนาจากเย่ชิงเฉิง
จากนั้นพิธีร่วมหอก็เริ่มอย่างเป็นทางการ…เย่ชิงเฉิงรู้สึกได้ว่าตอนนี้สถานะตัวตนของนางเปลี่ยนไปแล้ว
ด้วยความเศร้าในใจ นางจึงหลั่งน้ำตาออกมาให้กับโชคชะตาที่อับจนอย่างเงียบ ๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่สังเกตเห็นเลย…นั่นคือในขณะนี้ได้มีกระแสพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลกำลังบ้าคลั่งหมุนวนอยู่ในห้องหอ
หลังจากนั้นไม่นานการร่วมหอก็จบสิ้นอย่างเป็นทางการ หลิงตู้ฉิงในเวลานี้ก็ได้กอดเย่ชิงเฉิงไว้ในอ้อมแขน
หลังจากสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์อันลึกลับระหว่างอารมณ์และความปรารถนาแล้วเขาก็เข้าใจวิถีทางของโลกมากขึ้น เขายังไม่ได้ลุกจากไปไหน แต่กลับรั้งอยู่บนเตียงและกอดเย่ชิงเฉิงเอาไว้
“เจ้าเศร้า และเจ้าก็เกลียดข้าด้วย!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางอีกครั้ง นางเอ่ยถามขึ้นด้วยความคับข้องใจ “ข้าไม่ควรเศร้างั้นเหรอ?” นางถามเสียงดัง “ข้าไม่ควรจะเคียดแค้นเจ้างั้นเหรอไง!?”
“แล้วเจ้าจะเศร้าทำไม แล้วจะไม่พอใจทำไม?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ก็ข้าเกลียดเจ้าและเจ้าก็ทำให้ข้าเสียใจ!” เย่ชิงเฉิงร้องไห้ “เจ้าบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า เจ้าอาศัยความสามารถที่ข้าจำเป็นต้องพึ่งเจ้ามาบังคับฝืนใจข้า ข้าไม่ควรเกลียดเจ้า ข้าไม่ควรเสียใจงั้นเหรอไง?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าเชื่อรึเปล่าว่าที่ข้าต้องบังคับเจ้า นั่นก็เพราะข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริง ๆ เจ้าคิดว่าเพียงเพราะเจ้ามีสมบัติวิเศษระดับสูงมากมายอยู่กับตัวข้าถึงสนใจเจ้างั้นเหรอ? หรือเจ้าคิดว่าเป็นเพราะฐานะของเจ้าที่สูงส่งเป็นถึงลูกสาวของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเลยคิดว่าข้อนี้มันส่งผลให้ข้าสนใจเจ้าใช่ไหม? ข้าอยากจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ เมื่อเจ้ารู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า เจ้าจะพบว่าสิ่งที่เจ้าพึ่งพาทั้งหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าพวกมันล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ ถ้าข้าอยากจะชิงอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิของเจ้า ข้าสามารถแย่งมันมาได้โดยที่เจ้าไม่มีทางจะต่อต้านเลยด้วยซ้ำ”
“ในฐานะที่เจ้าเป็นลูกสาวของเจ้าสำนัก สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคงเคยได้ยินทักษะในตำนานของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นทักษะระดับสูงที่สุดในการใช้ปรับแต่งสมบัติวิเศษ แถมยังสามารถใช้ควบคุมศาสตราวุธต่าง ๆ ได้ชั่วคราวอีกด้วยใช่ไหม? ข้าขอบอกกับเจ้าว่าข้าเองก็สามารถใช้ทักษะนั้นได้เช่นกัน”
เย่ชิงเฉิงตกใจและหยุดรู้สึกเศร้าทันที นางถามอย่างงุนงง “นี่เจ้ารู้จักทักษะนั้นได้อย่างไรเจ้าเป็นใครกันแน่?”
“อันที่จริงเจ้าก็กำลังพยายามเดาภูมิหลังของข้าอยู่ใช่ไหมล่ะ” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องได้รับเศษเสี้ยวความทรงจำของผู้เชี่ยวชาญในอดีตระหว่างที่เจ้าเกิดแน่ ๆ แต่ความทรงจำของใครกันที่เจ้าได้รับมา? ตลอดประวัติศาสตร์นับร้อยนับพันปีหรือนับหมื่นปีไม่เคยมีใครเรียนรู้วิถีการบ่มเพาะมากมายเช่นเจ้า! เอ๊ะ! ข้าเข้าใจแล้ว ในระหว่างที่เจ้าวนเวียนอยู่ในวัฏจักรเวียนว่ายตายแล้วเกิดใหม่ เจ้าก็เปลี่ยนแปลงตัวตนอยู่ตลอดเวลาไปเรื่อย ๆ จนเจ้ามาเกิดใหม่และกลายเป็นคนที่รู้วิชาของทุกสำนักงั้นสิใช่ไหม?”
“เจ้าเดาไม่ถูกหรอก แต่ไม่ต้องห่วงต่อไปเจ้าจะรู้เองว่าข้าเป็นใคร” หลิงตู้ฉิงพูด “ตอนนี้เจ้ารู้กลเม็ดทั้งหมดของข้าแล้ว เจ้ายังคิดว่าข้าบังคับเจ้าอยู่ไหม?”
“ข้ายังคิดว่าเจ้าบังคับข้าอยู่!” เย่ชิงเฉิงพูดอย่างขมขื่น “ข้าไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเจ้า ข้าพบกับเจ้าแค่สี่ครั้งแต่เจ้ากลับบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า นี่มันไม่ได้เรียกว่าเจ้าบังคับงั้นเหรอไง?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวโดยไม่รู้จะพูดอะไร
เขาไม่ถนัดในเรื่องการเอาอกเอาใจใครอยู่แล้ว แถมตอนนี้เขากลับต้องมารับมือกับผู้หญิงที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเคือง ซึ่งมันยิ่งทำให้เขารับมือยากไปใหญ่
“ทำไมไม่ยกเหตุผลอะไรมาอ้างอีกล่ะ? รู้ตัวแล้วใช่ไหมว่าเจ้ามันแย่!” เย่ชิงเฉิงขึ้นสียง “ถ้าหากเจ้ารู้แล้วว่าสิ่งที่เจ้าทำมันผิด ในอนาคตเจ้าก็ต้องทำดีกับข้าให้มากที่สุดเจ้าเข้าใจไหม?”
อันที่จริงนางยอมรับคำอธิบายของหลิงตู้ฉิงแล้ว แต่อารมณ์โกรธในใจของนางยังคงทำให้นางไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้
อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ได้มาถึงจุดนี้แล้ว แม้แต่การร่วมหอก็ผ่านมาแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับหลิงตู้ฉิงในฐานะสามีของนาง ไม่เช่นนั้นนางจะทำอะไรได้อีก?
นางทำได้แค่โน้มน้าวตัวเองให้ยอมรับหลิงตู้ฉิง
นางดึงผ้าห่มคลุมร่างของนางและถามว่า “ตอนนี้ข้าเป็น ‘คนของเจ้า’ แล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ควรบอกอะไรหลาย ๆ อย่างให้ข้าได้เข้าใจบ้างซะที ตัวอย่างเช่นหมอกหนาทึบในภูเขาที่อยู่ด้านหลังสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าคืออะไรกันแน่?”
หลิงตู้ฉิงพูดช้า ๆ “ข้าบอกเจ้าได้ แต่เจ้าต้องอย่าไปบอกใครต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ทันที”
“หืม? เจ้ารู้ใช่ไหมว่าสำนักของข้าแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นมันจะมีใครกันที่กล้าสร้างปัญหาให้กับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้า?” เย่ชิงเฉิงพูดอย่างไม่มั่นใจ “เอาล่ะบอกข้ามาได้แล้วสิ่งนั้นมันคืออะไร?”
“เขตแดน!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“เขตแดนงั้นเหรอ? จากอาวุธศักดิ์สิทธิ์?” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยความประหลาดใจ ในฐานะที่นางเป็นคนของสำนักมหาอำนาจนางจึงมีความรู้เกี่ยวกับมันและทำให้นางเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าเข้าใจผิดไปเองรึเปล่า? สำนักของข้าไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์สักหน่อยแล้วมันจะมีเขตแดนนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง?” เย่ชิงเฉิงหันกลับมาและมองไปที่หลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มเยาะ “ข้าแค่พูดถึงเขตแดน ข้าไม่ได้บอกว่ามันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเขตแดนนี้ถึงปรากฏขึ้นได้ แต่มันก็เป็นพลังในด้านลบ ไม่อย่างนั้นมันพลังของมันจะต้องไม่ขัดแย้งกับเส้นทางเต๋าของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า แต่ไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อเจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้วข้าจะช่วยจัดการกับมันในอนาคตเมื่อข้าพร้อม”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นข้าหวังว่าสามีของข้าจะช่วยสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้านะ!”
เสียงของนางลดต่ำลงโดยเฉพาะเมื่อนางพูดคำว่า ‘สามี’ ซึ่งแม้แต่หลิงตู้ฉิงเองก็ได้ยินมันแทบจะไม่ชัดเจน
“อืม!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
ทันใดนั้นเย่ชิงเฉิงก็ถามอย่างกระวนกระวายว่า “สามี พ่อของข้าได้เข้าไปอยู่ในนั้นก็นานแล้ว เขาคงน่าจะทนอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านช่วยพ่อของข้าก่อนได้ไหม ท่านมีความสามารถที่วิเศษมากท่านต้องทำได้แน่ ๆ ใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหมดหนทาง “เจ้าไม่รู้เหรอว่าวิธีการจัดการกับเขตแดนจะใช้วิธีมั่ว ๆ ไม่ได้”
“แล้วเราจะทำยังไงดี พ่อของข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากที่สุดเพียง 500 ปีและยังมีคนที่ต้องการล้มล้างเราอีกด้วย!” เย่ชิงเฉิงรีบพูด “ข้ารู้นะว่าท่านต้องเป็นใครสักคนที่กลับชาติมาเกิด ฉะนั้นท่านต้องมีวิธีที่ฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วกว่านี้แน่นอน ถ้าหากว่าท่านติดปัญหาหรือเงื่อนไขตรงไหนท่านก็บอกข้ามาก่อนก็ได้ หากมีอะไรที่ข้าทำหรือมอบให้ท่านได้ ข้าจะให้มันกับท่านทุกอย่างอย่างแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงพูดแปลก ๆ “สิ่งที่ข้าทำกับเจ้าเมื่อครู่นี้คือวิธีการฝึกปัจจุบันของข้า ข้าฝึกด้วยพลังแห่งอารมณ์ เจ้าเข้าใจรึยัง?”
ได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงถึงกับงุนงง วิธีการบ่มเพาะโดยใช้อารมณ์? มันเป็นวิธีการแบบไหนกัน? แล้วมันสามารถช่วยให้พลังวิญญาณในร่างกายเพิ่มขึ้นได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อหลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้นางก็เริ่มเข้าใจเหตุผลที่หลิงตู้ฉิงต้องทำสิ่งนั้นกับนาง นางเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดอย่างเขิน ๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้สามียังเหนื่อยอยู่รึเปล่า? เมื่อครู่นี้ข้าแค้นท่านนิดหน่อย ข้าเลยไม่ได้ตั้งใจปรนนิบัติท่าน เอาอย่างนี้ไหมท่านลองให้ข้าปรนนิบัติท่านอีกรอบ ท่านว่ามันจะดีรึเปล่า?”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนี้ทำให้หลิงตู้ฉิงตกตะลึง
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงทำหน้าตางุนงงและไม่ยอมโต้ตอบอะไร เย่ชิงเฉิงจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “มาเร็ว ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องทำเพื่อฝึกฝนหรือไง? รีบ ๆ มาบ่มเพาะกับข้าได้แล้ว พ่อของข้ายังรอการช่วยเหลือของท่านอยู่นะ!”
เมื่อพูดจบรอบนี้และยังเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยังไม่เคลื่อนไหว นางจึงดึงหลิงตู้ฉิงเข้ามาและเป็นฝ่ายเริ่มด้วยตัวเอง ซึ่งครั้งนี้หลิงตู้ฉิงได้สัมผัสกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความปรารถนาและอารมณ์อย่างแท้จริง…