พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 319 การแสดงออกอันแปลกประหลาดของสำนักอักขระวิญญาณ
บทที่ 319 การแสดงออกอันแปลกประหลาดของสำนักอักขระวิญญาณ
ขณะนี้บรรดาคนในหมู่ตึกหยูอี่ต่างรีบเก็บข้าวของ และเตรียมตัวออกเดินทาง
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขากำลังรอการกลับมาของเย่หยูหลัน หลิงตู้ฉิง และคนอื่น ๆ ก็คงจะออกจากเมืองเจินไห่ไปแล้ว
ในขณะที่กำลังรอให้เย่หยูหลันกลับมา หลิงตู้ฉิงก็วาดภาพร่างต่าง ๆ ลงบนยันต์เคลือบหยกหรือสร้างสมบัติวิเศษอื่น ๆ และทำการบ่มเพาะแบบคู่กับภรรยาทั้งสามเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
เย่หยูหลันที่จากไปเป็นเวลากว่า 8 เดือน ในที่สุดนางก็กลับมาถึงหมู่ตึกหยูอี่
ทันทีที่นางกลับมา นางก็เข้ามาหาเย่ชิงเฉิง
“ป้าหลัน นี่ถ้าเราไม่รอให้ท่านกลับมาก่อน พวกเราคงออกเดินทางไปเมืองหยูหลันเรียบร้อยแล้ว” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ “สามี นี่ป้าหลัน นางเป็นผู้ติดตามแม่ของข้ามาตั้งแต่นางยังเด็ก ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางอยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว สาเหตุที่นางมาที่นี่กับข้าก็เพราะนางได้รับคำสั่งจากแม่ของข้าให้มาปกป้องความปลอดภัยของข้า”
“ป้าหลันนี่คือสามีของข้า หลิงตู้ฉิง ข้าได้แต่งงานกับเขาแล้ว”
เย่หยูหลัน เมื่อได้ยินเย่ชิงเฉิงใช้คำว่า ‘สามี’ อย่างเต็มปากเต็มคำ นางจึงเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกรู้สึกขัดแย้ง “เฮ้อ…คุณหนู ข้า…”
นางเข้าใจว่าเย่ชิงเฉิงหมายถึงอะไร เย่ชิงเฉิงไม่เพียงแต่ตกลงที่จะแต่งงานกับชายผู้นี้ แต่นางยังนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเขาอีกด้วย
เมื่อพวกเขาอยู่ในห้องเดียวกัน มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะย้อนกลับไปอยู่ในสถานะเดิมก่อนหน้า
จริง ๆ แล้วในใจของนางคิดว่าหลิงตู้ฉิงไม่คู่ควรกับเย่ชิงเฉิง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสามารถ ระดับการบ่มเพาะ ภูมิหลังครอบครัว และอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาเข้าหอด้วยกันแล้ว นางจึงไม่สามารถทำอะไรได้
เย่ชิงเฉิงหัวเราะ “ป้าหลัน ข้าไม่เสียใจหรอกนะที่ได้แต่งงานกับสามีของข้า ว่าแต่ป้าหลันท่านไปที่สำนักอักขระวิญญาณและคืนสมบัติระดับเซียนให้พวกเขาแล้วใช่ไหม? แล้วพวกเขาตกลงที่จะละทิ้งความแค้นที่มีต่อสามีของข้าด้วยรึเปล่า?”
ทันทีที่นางพูดถึงเรื่องนี้ท่าทีของเย่หยูหลันก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณหนู ข้าล่ะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ!” เย่หยูหลันพูดด้วยสีหน้าโมโห “หลังจากที่ข้าส่งสมบัติวิเศษชิ้นนั้นคืนไปให้กับพวกเขาและย้ำกับกับพวกเขาในเรื่องความแค้นที่พวกเขามีต่อท่านหลิงจะต้องยุติลง แต่ไอ้เจ้าสำนักบ้านั่นมันกลับเหน็บแนมข้า และมันพูดว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรานั้นเนรคุณ และลืมไปแล้วว่าสำนักอักขระวิญญาณของมันได้เคยช่วยเหลือเราในอดีต”
“มันยังพูดอีกว่าพวกเราทั้งสองสำนักล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่บ่มเพาะในเส้นทางเต๋าอักขระเวทย์เหมือนกัน ดังนั้นพวกเราควรต้องเข้าข้างและสนับสนุนพวกมัน ไม่ใช่นำชื่อเสียงของสำนักเราที่เป็นสำนักมหาอำนาจไปกดขี่พวกมันแบบนี้ นี่ถ้าข้าไม่มีความอดทนมากพอ ข้าคงฆ่าไอ้นั่นไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็รู้สึกโกรธเช่นกัน “นี่พวกมันไม่ขอบคุณในความปราณีของข้ายังไม่พอ แถมกลับยังกล้าใช้วาจาสามหาวกับสำนักของข้าอีกงั้นเหรอ? ได้เลย! ข้าจะไปทำลายสำนักของพวกมันเดี๋ยวนี้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกมันไปกินอะไรมาถึงกล้าหยิ่งผยองได้ขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อตอนที่พวกมันมาสำนักของเรา ตรงกันข้ามเป็นเพราะพวกมันด้วยซ้ำที่ทำให้ผู้อาวุโสคนหนึ่งของเราตกเข้าไปอยู่ในหมอกบ้านั่น สามี ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรดีกับพวกมัน…”
ในขณะที่นางเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ การแสดงออกเช่นเดิมของคุณหนูอันสูงส่งแห่งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เผยขึ้นออกมา อย่างไรก็ตามเมื่อนางเห็นหลิงตู้ฉิงจ้องมองนาง และคิดถึงสิ่งที่หลิงตู้ฉิงเคยเตือนนางไว้ นางก็รีบดึงอารมณ์ตัวเองกลับทันทีและถามว่า “สามี เราจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี?”
หลิงตู้ฉิงตอบว่า “ถ้าพวกมันไม่มายุ่งกับข้า เราก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจพวกมัน! แต่ถ้ามันกล้ามาสร้างความรำคาญให้ข้าอีกครั้ง เราค่อยไปจัดการกับพวกมันให้เด็ดขาด! เอาล่ะในเมื่อตอนนี้คนที่เจ้ารอก็กลับมาแล้ว พวกเราควรรีบออกเดินทางไปเมืองหยูหลันกันได้แล้ว!”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้า “โม่เอ๋อไปแจ้งเหล่าศิษย์พี่ของข้าและคนอื่น ๆ ว่าเราจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหยูหลัน”
โม่เอ๋อพยักหน้าทันทีและพูดว่า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
เย่หยูหลันมองไปที่เย่ชิงเฉิงด้วยสายตาแปลกประหลาด นี่คือคุณหนูที่นางรู้จักจริงงั้นเหรอ?
ทำไมหลังจากที่นางแต่งงาน นางก็กลายเป็นคนละคนได้ถึงขนาดนี้กัน?
ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังถอดค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เย่หยูหลันก็แอบถามเย่ชิงเฉิงผ่านการส่งข้อความโทรจิตว่า “คุณหนู เขารังแกท่านหรือเปล่า? ทำไมท่านถึงดูกลัวเขาได้ถึงขนาดนี้?”
“ไม่นี่!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ “ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างดีมาก ๆ ทีเดียวเลยล่ะ! แต่มันเป็นไปได้ที่เจ้าจะมองว่ามันออกจะแปลกไปสักหน่อย เนื่องจากบางทีนิสัยของเขาก็จะดูประหลาด ๆ และค่อนข้างแข็งทื่อไปสักหน่อย แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่วิเศษมากคนหนึ่งเลยล่ะ ฉะนั้นเพื่อที่จะรับมือกับเขาในบางครั้งข้าก็เลยต้องตามใจเขาบ้างน่ะ!”
“นี่ท่านต้องยอมลดตัวทำให้เขาถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” เย่หยูหลันกระซิบ
“ก็ในเมื่อเขาดีกับข้า ฉะนั้นทำไมข้าถึงจะไม่ยอมเขากันล่ะ?” เย่ชิงเฉิงยิ้ม “เอาล่ะป้าหลัน ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกหยุดพูดเรื่องนี้เถอะ ยังไงซะนี่มันก็เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขา บางทีท่านอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยท่านถึงจะเข้าใจ”
ไม่นานต่อมาหลิงตู้ฉิงก็ถอดค่ายกลกระบี่เหินเมฆาออกมาจากสวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่ และมอบมันพร้อมกับกระบี่บินทั้งชุดให้เย่ชิงเฉิง “ให้เจ้า!”
“ขอบคุณ สามี!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงคืนอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิให้เย่ชิงเฉิง เย่หยูหลันก็พูดไม่ออกอีกครั้ง
อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดินั่นมันเป็นของของนางตั้งแตกแรกอยู่แล้ว เมื่อเขาคืนให้แล้วยังต้องไปขอบคุณเขาที่คืนให้อีกเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เย่ชิงเฉิงได้บอกกับนางแล้วว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวของนาง ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะสมที่นางจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
ในเวลานี้ หลิงตู้ฉิงกำลังมองไปที่หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว ในเวลาที่ผ่านมาเด็กสาวทั้งสองในที่สุดก็ทะลวงขอบเขตเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณได้แล้ว และอายุของพวกนางก็ได้เพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 ปี
เมื่อถูกหลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งมาแบบนั้น พวกนางก็เริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก
หลิงตู้ฉิงเกาหัวของเขาและพูดว่า “เฟิง ให้น้องของเจ้าและเด็กทั้งสองนั่งที่ด้านหน้ารถกับเจ้าและดูแลพวกเขาด้วย”
ความตั้งใจเดิมของเขาคือเก็บชุดค่ายกลกระบี่ไว้ในหมู่ตึกหยูอี่เพื่อให้เด็กทั้งสองได้ใช้มันเพื่อดูแลที่นี่ จริง ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะพาเด็กทั้งสองไปที่อื่นกับเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อค่ายกลกระบี่เหินเมฆาและอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้อำนาจของมันเพิ่มมากขึ้น แต่ข้อเสียที่ตามมาก็คือพวกมันจะไม่สามารถถูกแยกออกจากกันได้
สำหรับเด็กทั้งสองที่คอยรับใช้พวกเขามานาน หากปล่อยให้พวกนางอยู่ที่หมู่ตึกหยูอี่กันเพียงลำพังสองคนมันจะต้องมีปัญหาเกิดกับพวกนางอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าครอบครัวของเขาฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจให้เด็กน้อยทั้งสองนั่งที่ตรงที่นั่งหน้ารถกับเฟิงไปเพื่อแก้ปัญหา
“ไม่ต้องห่วงนายท่าน ข้าจะดูแลพวกนางเป็นอย่างดี!” เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง บรรดาครอบครัวของหลิงตู้ฉิงก็ทยอยกันเดินขึ้นรถม้า ซึ่งโม่เอ๋อและเย่หยูหลันต่างก็เดินตามขึ้นไปด้วยเช่นกัน แต่ก่อนที่พวกนางจะได้ก้าวขึ้นไปบนรถม้า พวกนางก็ได้ถูกเย่ชิงเฉิงหยุดเอาไว้
“ป้าหลัน ข้าเกรงว่าการเดินทางครั้งนี้ท่านอาจจะต้องลำบากกว่าข้าสักหน่อย…” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
เย่ชิงเฉิงรู้ดีว่าความลับที่อยู่ด้านในรถไม่สามารถเปิดเผยได้ แม้กระทั่งโม่เอ๋อที่ทำสัญญากฎสวรรค์ไปแล้วนางก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้การมีอยู่ของวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ซึ่งมันชี้ให้เห็นชัดเจนว่าหลิงตู้ฉิงต้องการเก็บความลับนี้ไว้มากขนาดไหน
เย่หยูหลันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าสถานะของนางจะเป็นเพียงผู้ติดตามแม่ของเย่ชิงเฉิง แต่ด้วยความผูกพันธ์และความสนิทสนมกันนั้นจริง ๆ แล้วนางก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นญาติคนหนึ่ง แต่แล้วเมื่อคุณหนูของนางแต่งงานไป คุณหนูของนางกลับทำตัวห่างเหินเช่นนี้มันทำให้นางรู้สึกเศร้าอยู่ลึก ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่หยูหลันได้เห็นสีหน้าอันกระอักกระอ่วนของเย่ชิงเฉิง นางจึงตัดสินใจที่จะไม่ดึงดันร้องขอเข้าไปนั่งในรถด้วย และทำได้แค่เพียงเก็บความสงสัยไว้ในใจว่ามีอะไรที่อยู่ในรถม้าคันนี้กันแน่?
เมื่อทุกคนพร้อมออกเดินทาง กงหนิวก็กลายร่างเป็นปีศาจกระทิงอเวจีและเชื่อมตัวเองกับรถม้า ซึ่งทำให้คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยเห็นเขาตกตะลึงไปชั่วขณะ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะประหลาดใจที่ได้เห็นปีศาจกระทิงอเวจี แต่พวกเขาประหลาดใจที่หลิงตู้ฉิงสามารถทำให้ปีศาจกระทิงอเวจีเชื่อฟังและลากรถม้าให้กับเขาได้ ซึ่งภาพเช่นนี้พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา 2 คนในกลุ่ม กงหนิวจึงต้องชะลอความเร็วลงเพื่อให้หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงสามารถไล่ตามได้ทัน
ในทางกลับกัน หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวที่นั่งอยู่ข้างเสี่ยวเยว่เฟิงอย่างเชื่อฟัง พวกนางในตอนนี้มีสีหน้าที่ตื่นเต้นมาก
พวกนางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากงหนิวที่ไม่ค่อยจะปรากฎตัวให้พวกนางเห็นนั้น จริง ๆ แล้วเขาเป็นกระทิง? และสิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือตอนนี้พวกนางที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณ แต่พวกนางกลับมีโอกาสได้ลอยอยู่ในอากาศ!