พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 403 ดาวสามพันดวง
บทที่ 403 ดาวสามพันดวง
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้มาถึงจุดหมายแล้ว หวงเซียะก็ยังไม่หายงุนงง
นางยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่บ่มเพาะคาถาวัฎจักรศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงขั้นสำแดงร่างเสมือนได้ถึงไม่ใช่ บรรพบุรุษของภูเขาฟีนิกซ์ของนาง?
ในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีการก่อตั้งภูเขาฟีนิกซ์ขึ้นมา มันยังไม่เคยมีคนนอกคนไหนที่ได้เรียนรู้คาถาวัฎจักรศักดิ์สิทธิ์แม้แต่คนเดียว
เนื่องจากคาถานี้คือวิชาระดับสุดยอดที่สุดของภูเขาฟีนิกซ์ ซึ่งมันเป็นวิชาลับที่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดมันให้กับคนนอกเป็นอันขาด หรือแม้แต่สายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ก็ยังไม่มีสิทธิ์จะได้เรียนรู้มันด้วยซ้ำ
“สาวน้อย นี่คือเพลิงคงกระพันที่สายเลือดฟีนิกซ์ของเจ้าต้องดูดซับ” หลิงตู้ฉิงชี้ไปยังดวงดาวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา “ข้าจะทำให้ระดับบ่มเพาะที่ 14 ของขอบเขตรวมแสงดาราของเจ้าเสถียรซะก่อน ไม่เช่นนั้นในอนาคตเจ้าอาจจะมีปัญหาได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็สั่งให้หลิงเทียนหยุนรออยู่ด้านนอก ในระหว่างที่เขาพาหวงเซียะเข้าไปในดาวที่เต็มไปด้วยเพลิงคงกระพัน
จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงและหวงเซียะเข้าด้านในดวงดาว หลิงตู้ฉิงก็ควบแน่นเพลิงคงกระพันที่อยู่รอบ ๆ กายเขาจนมันกลายเป็นอักขระสีแดงอยู่บนมือ
หวงเซียะ เมื่อได้เห็นอักขระนี้นางก็รู้ได้ทันทีว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร
อักขระนี้คือ อักขระที่เป็นตัวแทนของแสงดาวในขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถดูดซับมันได้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเอง
ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คือ ถ้าในตอนนี้นางอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 13 หากนางได้ดูดซับอักขระแสงดาวดวงนี้แล้ว นางจะบรรลุระดับการบ่มเพาะไปอยู่ที่ระดับ 14 ทันที
ซึ่งถ้าหากเป็นคนอื่นในภูเขาฟีนิกซ์ได้มาเห็นภาพนี้คนผู้นั้นคงจะตื่นเต้นจนคลั่งตายแน่นอน แต่ในทางกลับกันนางคือผู้เชี่ยวชาญที่บรรลุระดับ 14 ไปแล้ว ดังนั้นแสงดาวนี้สำหรับนางแล้วมันเรียกได้ว่าไม่มีค่าอะไรเลย
“รีบนำอักขระนี้ไปดูดซับเข้ากับร่างกายเจ้าเร็ว ๆ สิ” หลิงตู้ฉิงเร่งเร้านาง
“แต่ข้ามีมันอยู่แล้ว!” หวงเซียะไม่รู้จะทำอะไรต่อจึงย้ำเตือนเขาให้เข้าใจ
หรือว่าเขาจะไม่เห็นจริง ๆ ว่าระดับบ่มเพาะของนางในตอนนี้นั้นอยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 แล้ว?
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีอักขระแสงดาวอยู่แล้ว 14 ดวง แต่อักขระแสงดาวของเจ้ามัน… มันกำลังจะไร้ประโยชน์ในอีกไม่นานนี้” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะดูดซับอักขระนี้เข้าไปในร่างซะ อักขระนี้จะกลืนกินอักขระแสงดาวอันเดิมของเจ้า ซึ่งมันจะทำให้ระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดาราของเจ้ายิ่งมั่นคงขึ้น และจงอย่าลืมว่าเรามีเวลาจำกัดในการอยู่ที่นี่แถมเรายังมีอีกหลายที่ที่ต้องไป ดังนั้นรีบ ๆ ดูดซับมันเข้าไปเร็ว ๆ”
ภายใต้การเร่งเร้าของหลิงตู้ฉิง หวงเซียะก็ทำได้แต่ยอมดูดซับดูดซับอักขระแสงดาวในมือของเขา
ซึ่งมันน่าแปลกเป็นอย่างมาก พอนางได้ดูดซับมันเข้าไปในร่างของนางแล้ว อักขระแสงดาวดวงนั้นมันกลับดูดซับเข้ากับอักขระแสงดาวดวงที่ 14 ของนาง ส่งผลให้หวงเซียะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากที่มันดูดซับกันจนสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
มันทำให้นางรู้สึกราวกับว่าระดับการบ่มเพาะก่อนหน้านี้ของนางนั้นเป็นของปลอม และระดับการบ่มเพาะของนางในตอนนี้นั้นคือของจริง
“ผู้อาวุโส…” หวงเซียะมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยอาการพูดอะไรไม่ออก
หลิงตู้ฉิงลูบหัวของนางและพูดว่า “จงตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่นี่ไปก่อน ใช้อักขระแสงดาวทั้งสิบสี่ของเจ้าดูดซับเพลิงคงกระพันของที่นี่ พวกข้าต้องไปทำธุระของพวกข้าต่อ อย่างมากที่สุด 2 ปีพวกข้าจะกลับมารับเจ้า อ๋อ แล้วอีกอย่างเนื้อหาของคาถาวัฎจักรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าที่ฝึกอยู่มันไม่ครบถ้วนสักเท่าไหร่ ข้าได้ถ่ายทอดเนื้อหาที่สมบูรณ์ใส่ไว้ในห้วงความทรงจำของเจ้าแล้ว เจ้าจงค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมันดูก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็จากไป
หวงเซียะรู้สึกได้ว่าในใจของนางรู้สึกขมขื่นเมื่อเห็นเขาจากไป จากการกระทำของหลิงตู้ฉิง นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลิงตู้ฉิงเอ็นดูนางอยู่พอสมควร ดังนั้นเขาจะไม่ใช่คนของภูเขาฟีนิกซ์ได้ยังไง? และอีกอย่างทำไมก่อนหน้าเขาถึงต้องรุนแรงกับนางถึงขนาดนั้นเพียงแค่เพราะเขาต้องการให้นางเปลี่ยนชื่อ?
จากนั้นนางจึงทำตามที่หลิงตู้ฉิงบอก นางลองค้นห้วงความทรงจำของตัวเอง ซึ่งนางก็ได้เจอกับเนื้อหาของคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ฉบับสมบูรณ์ ที่หลิงตู้ฉิงทิ้งไว้ให้ เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและเริ่มทำตั้งใจบ่มเพาะทันทีโดยทิ้งความสงสัยต่าง ๆ เอาไว้เบื้องหลังก่อน
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง หลังจากที่ส่งคนอื่นไปบ่มเพาะเรียบร้อย ตอนนี้มันจึงเหลือแค่เขากับหลิงเทียนหยุนเพียงสองคน เขายิ้มและพูดกับลูกชายของเขาว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้ว ในโลกขอบเขตรวมแสงดารานี้ มันก็คงจะมีแค่ดาวเพียงดวงเดียวที่จะให้ประโยชน์กับเจ้าได้ ซึ่งมันก็คือดาวเงามายา แต่น่าเสียดายอยู่อย่างตรงที่ระดับการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้นั้นอยู่แค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ ซึ่งต่อให้เจ้าไปที่ดาวเงามายาในตอนนี้มันก็คงไม่มีประโยชน์กับเจ้ามากนัก ส่วนทางด้านของพ่อเอง พ่อก็จำเป็นที่จะต้องท่องไปยังดาวดวงอื่น ๆ อีกหลายดวงเพื่อตามหาสิ่งของที่จะมาทำให้ร่างกายของพ่อกลายเป็นร่างเบญจธาตุ ดังนั้นพ่อจึงวางแผนไว้ว่า หลังจากที่พ่อเสร็จจากการปรับแต่งร่างกายของพ่อแล้ว พ่อถึงจะค่อยพาเจ้าไปที่ดาวเงามายา พวกเรายังมีเวลาเหลืออยู่อีกมากพอ พ่อคิดว่ามันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
หลิงเทียนหยุนพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านจัดการเรื่องของท่านเองก่อนได้เลย ข้าไม่มีปัญหาอะไร ว่าแต่ข้ามีบางอย่างที่อยากจะรู้ ทำไมที่โลกนี้ถึงได้มีดวงดาวมากมายและทำไมดาวแต่ละดวงถึงมีพลังไม่เหมือนกัน?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่นี่มีดวงดาวอยู่ 3,000 ดวง ซึ่งแต่ละดวงนั้นก็คือตัวแทนของเต๋า 3,000 รูปแบบ”
หลิงเทียนหยุนถามขึ้นต่อด้วยความรู้สึกตกตะลึง “พวกมันทั้งหมดคือเต๋างั้นเหรอ? แล้วถ้าหากข้าเข้าไปบ่มเพาะบนดาวทุกดวง นั่นมันก็ไม่เท่ากับว่าข้าจะสามารถบรรลุเต๋าได้ถึง 3,000 รูปแบบเลยงั้นเหรอ?”
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่ได้สังเกตเหรอว่าดาวแต่ละดวงมีขนาดไม่เท่ากัน? เต๋าทั้ง 3,000 ดวงนี้คือเต๋าที่ยังไม่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น ดาวอเวจีที่พ่อพึ่งพาเจ้าไป ดาวดวงนั้นมันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวมหาวิถีแห่งอเวจีเพียงเท่านั้น ด้วยขนาดของมัน มันไม่มีทางที่จะรองรับอำนาจอันยิ่งใหญ่ของมหาวิถีแห่งอเวจีได้หมด”
หลิงเทียนหยุน ตอนนี้ยิ่งสับสนมากไปกันใหญ่ เขาจึงถามต่ออีก “ท่านพ่อ แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นล่ะ? ทำไมดาวดวงเล็กแค่นั้นมันถึงต้องมีอยู่? ทำไมดาวทุกดวงถึงไม่ใหญ่เท่า ๆ กันและมีเต๋าที่สมบูรณ์ทุกดวงไปเลย?”
“ทำไมถึงมีดาวดวงเล็ก ๆ พวกนั้นอยู่น่ะเหรอ?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ก็เพราะว่าทั้งเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลผู้หนึ่งยังไงล่ะ!”
หลิงเทียนหยุน ตอนนี้ยิ่งงงมากขึ้นไปอีก เขาถามขึ้นอย่างงุนงงว่า “เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้หนึ่ง?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เมื่อนานแสนนานมาแล้ว มันได้มี…เทพบรรพกาลองค์หนึ่งต้องการที่จะสร้างโลกอีกใบหนึ่งขึ้นมา แต่ในระหว่างการสร้างโลกนั้น เขากลับตายลงก่อนที่มันจะเสร็จ และจากนั้นเต๋าของเขาทั้งหมดก็แตกกระจัดกระจายออกไปกลายเป็นเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับที่เราอยู่กันตอนนี้”
“ซึ่งโลกขอบเขตประสานทะเลปราณ โลกขอบเขตรวมแสงดารา และโลกขอบเขตนภาที่เรากำลังจะไปกันต่อไป ทุกโลกก็คือโลกที่ยังสร้างไม่เสร็จของเทพบรรพกาลองค์นั้นที่ตายลงไปก่อน”
“ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นก็ยังตายได้เลยงั้นเหรอ?” หลิงเทียนหยุนรู้สึกตกตะลึง
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากที่ตัวตนที่สูงส่งระดับสร้างโลกได้จะตกตายลง หลิงเทียนหยุนไม่สามารถเข้าใจหรือจินตนาการออกได้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจและพูดว่า “แน่นอนว่าตัวตนระดับนั้นตายได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่สูงส่งเพียงใดในท้ายที่สุดพวกเขาจะต้องตาย การที่พวกเขามีพลังที่สูงส่งมันก็แค่ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น เอาล่ะตอนนี้เรามาถึงดาวแห่งพงไพรแล้ว ที่นี่คือจุดหมายของเราที่จำเป็นต้องมา”