พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 446 หนีตาย
บทที่ 446 หนีตาย
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง ทุกคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกเข้าปอด
เพียงแค่ฝั่งตรงข้ามขู่ว่าจะไม่ปล่อยเขาไปแม้ว่าตัวเองจะกลายเป็นผีก็ตาม ดังนั้นเขาเลยปรับแต่งคน ๆ นั้นให้กลายเป็น วิญญาณเก้ายมโลก เสียเลย?
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่หยูเจิ้งหมิงเองก็ตกตะลึงจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ
หลังจากกลายเป็นวิญญาณเก้ายมโลก เขารู้สึกว่าตัวเองมีพลังที่เหนือล้ำกว่าเดิมนับหมื่นเท่าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยจินตนาการได้เลยว่าจะมีพลังถึงระดับนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้ตัวเองว่าตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว
คนที่อยู่ตรงหน้าเขายังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ
อย่างไรก็ตาม หยูเจิ้งหมิงแน่ใจว่าการที่คนผู้นี้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นวิญญาณเก้ายมโลก นั้นคงจะไม่ใช่เป็นการให้ประโยชน์แก่เขาแน่นอน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หยูเจิ้งหมิง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นว่า “แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นผี แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้!”
หลังจากนั้น เขาโบกหลิงจู้สร้างกรงขังหยูเจิ้งหมิงที่กลายเป็นวิญญาณเก้ายมโลก ส่งให้ หลิงยี่เทียนและพูดว่า “นี่สำหรับเจ้า ตอนนี้เขาเป็นวิญญาณเก้ายมโลก ซึ่งแพ้ทางพลังธาตุหยางเป็นอย่างมาก ในเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ลงมือทำอะไร เจ้าก็จงปล่อยให้เขาไปเกิดใหม่ซะ!”
“รับทราบ ท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า
หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญสองคนมาพาหยูเจิ้งหมิงที่กลายเป็นวิญญาณไป
“เอาล่ะ ไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรหลงซานเพื่อค้นหาหยูเฉิงฮุยกันต่อ!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้นและกลับไปที่รถม้า
หลิงฟ่างหัวที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองไปที่หยูเจิ้งหมิง จากนั้นนางก็จับศพของหยูเจิ้งหมิงและยัดมันเข้าไปในประตูมิติ ก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง ทุกคนก็ได้เห็นความปั่นป่วนของมิติที่ทับซ้อนกันจนนับไม่ถ้วนอยู่เบื้องหลังประตูมิติ ซึ่งฉีกกระชากศพของหยูเจิ้งหมิงออกเป็นชิ้น ๆ
หลังจากจัดการกับศพของหยูเจิ้งหมิงแล้ว หลิงฟ่างหัวก็วิ่งกลับไปที่รถม้าอย่างตื่นเต้นและพูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อ ข้าต้องการเรียนรู้วิชาที่ท่านใช้เมื่อกี้นี้ ไอ้วิชาที่ท่านคว้าวิญญาณของผู้อื่นออกมา ถึงเวลาถ้าใครกล้ายั่วโมโหข้าเมื่อไหร่ ข้าจะดึงวิญญาณของพวกเขาให้หลุดออกจากร่างเลย!”
เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ นางไม่รู้สึกกลัวพ่อของนางแม้แต่น้อย
“เจ้าไม่สามารถเรียนรู้ได้!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “สิ่งนี้ต้องการความเชี่ยวชาญในวิถีแห่งดวงวิญญาณเพื่อที่จะจับวิญญาณของผู้อื่น”
“ข้าต้องการเรียนรู้!” หลิงฟ่างหัวกระเง้ากระงอด “ถ้าท่านค่อย ๆ สอนข้าช้า ๆ ข้ามั่นใจว่าข้าจะเรียนรู้มันได้อย่างแน่นอน”
เมื่อถูกรบเร้าอย่างหนัก หลิงตู้ฉิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดกับหลิงฟ่างหัวว่า “เอาล่ะก็ได้ ๆ พ่อจะสอนวิชากรงเล็บวิญญาณเทวะให้ เจ้าห้ามใช้วิชานี้กับคนอื่นมั่วซั่วนะ เข้าใจไหม?”
“ข้ารู้!” หลิงฟ่างหัวพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดวิชากรงเล็บวิญญาณเทวะให้นางทันที
หลังจากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถม้า และหลงเฉิงก็ลากรถมุ่งหน้าไปยังเมื่อหลวงของอาณาจักรหลงซานต่อ
ตอนนี้หลงเฉินไม่กล้าเอ่ยปากบ่นเกี่ยวกับหน้าที่ลากรถม้าของเขาแม้แต่น้อย
เนื่องจากวิธีการของหลิงตู้ฉิงนั้นทำให้เขากลัวจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก่อนหน้านี้ที่หลิงตู้ฉิงสามารถต้านทานผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญได้มากกว่า 100 คนด้วยตัวคนเดียวมันอาจพูดได้ว่าหลิงตู้ฉิงอาศัยพลังของสมบัติวิเศษ
อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่ที่เขาได้เห็นภาพการกระชากวิญญาณของผู้อื่นออกมาจากร่างดื้อ ๆ และทำมันให้กลายเป็นวิญญาณผีร้ายที่น่ากลัวแบบนั้นได้ มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหลิงตู้ฉิงมีความสามารถที่เหนือเกินกว่าขอบเขตที่เขาเข้าใจไปไกลโข
ซึ่งมันทำให้เขาคิดว่าแม้ว่าเขาจะมีหน้าที่ลากรถม้า มันก็ยังดีกว่าตาย
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาจักรจันทราที่เห็นภาพการกระชาดวิญญาณเช่นกัน พวกเขาต่างก็พึมพำในใจอย่างเงียบ ๆ จากสิ่งที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่ มันเป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคณบดีศาลาศักดิ์สิทธิ์ในตำนานผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้!
ส่วนทางด้านผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาจักรหลงซาน เมื่อพวกเขาได้เห็นหยูเจิ้งหมิงที่ถูกทำให้กลายเป็นวิญญาณเก้ายมโลก พวกเขาก็พากันหนีตายกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
วิธีการที่พวกเขาเห็นมันได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่พวกเขาสามารถต่อกรได้อย่างสิ้นเชิง ถ้าพวกเขาไม่หนีตอนนี้แล้วจะพวกเขาจะหนีตอนไหน?
จากผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายร้อยคน บางคนไม่ได้กลับไปที่อาณาจักรหลงซาน แต่กลับหนีออกนอกทะเลชางหมางในทันที
พวกเขาส่วนใหญ่ต่างคิดว่าการที่พวกเขาต้องใช้ชีวิตร่วมอยู่กับตัวตนที่น่ากลัวขนาดนี้ในทะเลชางหมางนั้นเสี่ยงและไม่ปลอดภัยมากเกินไป
ในขณะนี้ที่เมืองหลวงของอาณาจักรหลงซาน หยูเฉิงฮุยที่กำลังรออยู่ เมื่อเขาเห็นว่าบรรดาผู้ติดตามของพี่ชายเขาบางส่วนได้กลับมาแล้ว เขาจึงรีบเดินไปถามด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเจรจากับอาณาจักรจันทราเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? ได้สมบัติลับอะไรกลับมาบ้างหรือเปล่า? ว่าแต่พี่ของข้าล่ะ เขาอยู่ที่ไหน?”
บรรดาผู้ติดตามของหยูเจิ้งหมิงที่กลับมาพร้อมกับความหวาดกลัว เมื่อพวกเขาได้ยินคำถามของหยูเฉิงฮุยเช่นนี้ พวกเขาจึงตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือ “ฝ่าบาท พวกเราต้องรีบหนีออกจากทะเลชางหมางทันที! ตอนนี้องค์จักรพรรดิได้…สิ้นพระชนม์ไปแล้ว หากเราไม่รีบหนีไปไหนตอนนี้ทุกอย่างมันจะสายเกินไป!”
หยูเฉิงฮุยตกตะลึงอย่างรุนแรง และถามกลับด้วยสีหน้าสับสน “พวกมันกล้าที่จะฆ่าท่านพี่ของข้าได้ไง? แล้วตอนที่พวกมันฆ่าพี่ชายของข้า พวกเจ้ามัวทำบ้าอะไรกันอยู่!?”
“ฝ่าบาท เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาพูดอะไรกันอีกแล้ว เราต้องไปจากที่นี่ทันที!” เมื่อพูดจบผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญสองคนหิ้วปีกหยูเฉิงฮุย บินออกจากเมืองหลวงไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับเกาะสำริดทันที
สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือรีบพาหยูเฉิงฮุยออกไป
มิฉะนั้นหากพวกเขาปกป้องหยูเฉิงฮุยไม่ได้ พวกเขาอาจจะถูกไล่ล่าโดยภูเขาเอ้อหลง
หน้าที่ของพวกเขาคือปกป้อง หยูเฉิงฮุยและหยูเจิ้งหมิง
ตอนนี้หยูเจิ้งหมิงได้กลายเป็นวิญญาณเก้ายมโลก และตกไปอยู่ในมือของศัตรูที่พวกเขาไม่มีทางต่อกรได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือพาหยูเฉิงฮุยจากไป
นอกจากนี้ที่ผ่านมาหยูเฉิงฮุยปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตอบแทนหยูเฉิงฮุย
ในระหว่างที่พวกเขากำลังบินหนี ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งสองก็ค่อย ๆ อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หยูเฉิงฮุยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเขา
เมื่อได้ยินวิธีการที่โหดร้ายของหลิงตู้ฉิง หยูเฉิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวิธีการที่วิปริตเช่นนี้
ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ถ้าเพียงแต่เขาไม่ได้ไปที่อาณาจักรจันทราในตอนนั้น…หรือ จะดีแค่ไหนถ้าเขาปฏิบัติต่อหลิงว่านถิงด้วยความจริงใจ? แต่น่าเสียดายที่มันสายไปแล้วที่จะนึกย้อนอะไรในตอนนี้
ภายใต้การคุ้มครองของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งสอง พวกเขาก็บินออกจากทะเลชางหมางได้อย่างไม่มีปัญหา โดยหวังว่าจะกลับไปที่อาณาจักรมังกรทะยานโดยเร็ว
ในใจของหยุเฉิงฮุยนั้นเอาแต่ครุ่นคิด เมื่อเขากลับไปที่อาณาจักรมังกรทะยานเมื่อไหร่ เขาจะรายงานเรื่องเหล่านี้ให้บิดาของเขาทราบทันทีและจะต้องพาคนมาแก้แค้นแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เวลานี้อาณาจักรหลงซานก็วุ่นวายปั่นป่วน
เนื่องจากหลังจากการกลับมาของบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่ไปกับหยูเจิ้งหมิง ข่าวการตายของหยูเจิ้งหมิงก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งอาณาจักร ส่งผลให้เหล่าตัวตนระดับสูงของอาณาจักรหลงซานต่างรีบหนีตายออกจากเมืองอย่างอลหม่าน
หลังจากที่หยูเฉิงฮุยจากไปได้ไม่นาน รถม้าของหลิงตู้ฉิงที่ถูกลากโดยหลงเฉิงก็ได้มาถึงพระราชวังของอาณาจักรหลงซานในที่สุด
เมื่อเห็นว่ากองทหารจากอาณาจักรจันทรามาถึงบรรดาคนที่ยังตกค้างอยู่ในพระราชวังต่างก็ตื่นตระหนกวุ่นวายร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ คนพวกนี้ทั้งหมดรู้ดีว่าชะตากรรมของพวกเขาคงจะไม่ดีแน่นอน เพราะการถูกยึดครองโดยศัตรูนั้นหมายถึงว่าขั้วอำนาจเดิมทั้งหมดจะต้องถูกถอนรากถอนโคน
เมื่อเห็นฉากที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ขมวดคิ้วและถามสาวใช้ในวัง “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”
เมื่อถูกถามขึ้นโดยคนที่เหมือนจะมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาผู้ที่มาบุกรุก ขาของสาวใช้ผู้นั้นก็สั่นระริกและตอบด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ขะ ขะข้าไม่รู้…ปะ โปรดอย่าฆ่าข้าเลย!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว จากนั้นเขาพูดกับหลิงยี่เทียน “หาเบาะแสของหยูเฉิงฮุย หรือไปจับตัวผู้ติดตามหยูเฉิงฮุยมาให้พ่อเดี๋ยวนี้!”
“รับทราบท่านพ่อ! ข้าจะจัดการให้ทันที!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า
หลังจากนั้นเขาก็ส่งคนไปค้นหาร่องรอยของหยูเฉิงฮุยทันที
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกัน ร่างเงากว่าสิบร่างก็แยกออกจากร่างของหลิงเทียนหยุนเช่นกัน และพุ่งหายเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่กำลังตื่นตระหนก