พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 46 เรื่องเล่าอันน่าฉงน[รีไรท์]
บทที่ 46 เรื่องเล่าอันน่าฉงน[รีไรท์]
จ้าวปาเทียนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา เขามีระดับที่เหนือกว่าจ้าวเหมิงลู่หนึ่งขอบเขตเต็ม ๆ มันจึงไม่ยากเลยที่เขาจะสามารถเห็นระดับการบ่มเพาะของจ้าวเหมิงลู่แม้เพียงมองแค่เพียงปราดเดียว
เขารู้สึกเหลือเชื่อ เพราะสำหรับคนทั่วไปการเพิ่มระดับจากระดับ 3 ไปจนถึงระดับ 7 ของขอบเขตประสานทะเลปราณอย่างน้อยต้องทำการสะสมพลังวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับไม่ต่ำกว่าสิบเท่า
แค่การสะสมพลังวิญญาณจำนวนขนาดนั้นก็ต้องใช้เวลาสะสมนานหลายปี แล้วนี่ยังไม่นับที่ผู้บ่มเพาะจะต้องหลอมรวมความเข้าใจในพลังของตนเองและยังต้องวางรากฐานให้มั่นคงก่อนที่จะทะลวงขั้นต่อ ๆ ไปอีก แต่หลานสาวของเขาเพิ่งหายไปเพียงไม่ถึง 3 เดือน ทำไมระดับของนางถึงก้าวหน้ากว่าคนอื่นหลายปีได้
จ้าวเหมิงลู่ยังอยู่ในวัยเพียง 20 ปี หากการบำเพ็ญเพียรของนางยังคงดำเนินต่อไปด้วยความเร็วระดับนี้ นางจะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดไหนกันในอนาคต
จ้าวปาเทียนได้แต่ข้องใจว่าเขาดูระดับการบ่มเพาะของหลานสาวเขาผิดไปหรือไม่?
“ท่านปู่พูดถูก ข้าอยู่ในระดับ 7 ของขอบเขตประสานทะเลปราณ!” จ้าวเหมิงลู่ตอบอย่างมีความสุข
จ้าวปาเทียนรู้สึกประหลาดใจและถามอย่างรีบเร่ง “เจ้าบ่มเพาะเร็วแบบนี้ได้อย่างไร เจ้าบอกปู่ได้ไหม?”
จ้าวเหมิงลู่พูดพร้อมกับรอยยิ้มในดวงตาของนาง “เรื่องนี้ซับซ้อนมาก ข้าจะเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยแล้วกัน แต่ว่าก่อนที่ข้าจะเล่า ท่านปู่ข้าว่าเราควรมาพูดเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งกันก่อน”
จ้าวปาเทียนถามอย่างจนใจ “ได้ เจ้ามีเรื่องอะไรว่ามาเลย”
“ข้าจะพูดเกี่ยวกับเรื่องการทดสอบของสถาบันกันก่อน” จ้าวเหมิงลู่นำสัตว์อสูรเกราะเหล็กที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ออกจากวงแหวนมิติ แล้วจากนั้นนางได้คลายผนึกย่อส่วนและขยายมันให้กลายเป็นขนาดจริงเท่าเดิม “ข้าได้นำผลการทดสอบกลับมาแล้ว นั่นหมายความว่าข้าผ่านการสอบจบการศึกษาใช่หรือไม่?”
จ้าวปาเทียนจ้องสัตว์อสูรเกราะเหล็กขนาดมหึมาอย่างไม่กะพริบตา เขาเห็นชัดเจนเต็มสองลูกตาว่าจ้าวเหมิงลู่นำสัตว์อสูรเกราะเหล็กออกมาและขยายขนาดมัน แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมเขาไม่เคยได้ยินว่ามีเคล็ดวิชาเช่นนี้?
จ้าวเหมิงลู่พูดเสียงต่ำ “ท่านปู่ ข้ากำลังคุยอยู่กับท่าน!”
ตอนนี้นางรู้สึกลำพองใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าปู่ของนางประหลาดใจกับวิชาตราประทับย่อส่วนที่นางพึ่งใช้มันขยายขนาดศพของอสูรเกราะเหล็ก และอันที่จริงที่นางทำเช่นนี้เพราะนางมีจุดประสงค์เพื่อจะได้พูดถึงเรื่องของหลิงตู้ฉิงในภายหลัง
หลังจากถูกจ้าวเหมิงลู่เรียก 2-3 ครั้ง ในที่สุดจ้าวปาเทียนก็กลับมามีสติ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “เป้าหมายของการทดสอบคือการฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งและตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็นขอบเขตประสานปราณทะเลระดับ 7 แล้ว เพียงแค่มาถึงจุดนี้แม้ว่าเจ้าจะไม่นำศพของอสูรเกราะเหล็กกลับมา เจ้าก็ยังคงได้สถานะจบการศึกษาโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว ข้าจะออกใบรับรองสำเร็จการศึกษาแก่เจ้า”
“เสี่ยวเหมิงเอ๋อ ว่าแต่เจ้าบอกปู่หน่อยได้ไหม ว่าเจ้าเลื่อนระดับเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?” จ้าวปาเทียนพูดพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหมิงลู่พูด “ท่านปู่ เรื่องระดับการบ่มเพาะข้าจะบอกท่านในภายหลัง แต่ข้าอยากให้ท่านลองวินิจฉัยสัตว์อสูรเกราะเหล็กตรงหน้านี้ก่อน ในตอนแรกข้าคิดว่ามันตายเพราะอาวุธวิเศษ แต่หลังจากข้าตรวจดูอย่างใกล้ชิด บาดแผลของเจ้าตัวนี้ไม่ได้ตายจากอาวุธแน่นอน”
จ้าวปาเทียนมองจ้าวเหมิงลู่หมดหนทาง ตอนนี้เขาอยากรู้เป็นอย่างมากว่าจ้าวเหมิงลู่ลดและขยายขนาดของสัตว์อสูรเกราะเหล็กได้อย่างไร? และระดับการบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้เพราะอะไร?
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจ้าวเหมิงลู่พยายามเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น เขาก็ทำอะไรไม่ได้ “เจ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์อสูรเกราะเหล็กตัวนี้ด้วยตัวเองหรือ?” จ้าวปาเทียนตรวจสอบซากสัตว์อสูรเกราะเหล็กอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็พบบาดแผลเล็ก ๆ ในดวงตาของมัน
จ้าวปาเทียนมองไปที่แผลของสัตว์อสูรเกราะเหล็ก พร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางที่จริงจัง “ดูจากจากสภาพบาดแผล มันถูกสังหารโดยการใช้พลังวิญญาณยิงเข้าสู่สมองโดยตรงผ่านทางดวงตา”
“ผู้ที่ทำได้เช่นนี้ต้องบรรลุระดับความชำนาญการควบคุมระดับพลังวิญญาณและความเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์อสูรเกราะเหล็กสูงมาก ซึ่งแม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับขอบเขตรวมแสงดาราทั่วไปก็ไม่สามารถทำได้ เหมิงเอ๋อเจ้าเจอผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ที่ไหน?”
เขาไม่คิดว่าจ้าวเหมิงลู่จะสามารถสังหารสัตว์อสูรได้อย่างหมดจดขนาดนี้ ต่อให้นางจะอยู่ในระดับขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 7 นางก็ไม่มีทางทำได้แน่นอน
จ้าวเหมิงลู่พยักหน้าและตอบกลับว่า “ท่านปู่ เมื่อระหว่างที่ข้าอยู่ในป่าสัตว์เวทย์ ข้าพบกับชายลึกลับผู้หนึ่งตอนที่กำลังต่อสู้กับอสูรเกราะเหล็ก แต่ท่านอย่าเข้าใจผิดว่าชายลึกลับผู้นี้จะอยู่ในระดับรวมแสงดาราเหมือนท่าน เพราะคนผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตหลอมรวมลมปราณเพียงเท่านั้นเองตอนที่สัตว์อสูรตัวนี้ตาย”
“เป็นไปไม่ได้!” จ้าวปาเทียนพูดขึ้นมาในทันที “ผู้ที่อยู่แค่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณจะมีการตัดสินใจที่แม่นยำและความเข้าใจเกี่ยวกับพลังวิญญาณขนาดนี้ได้ยังไง? เจ้าได้เห็นการต่อสู้กับตาเจ้ารึเปล่า?”
จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างอาย ๆ “ที่จริงข้าไม่เห็นฉากการสังหาร เพราะข้าถูกอสูรเกราะเหล็กโจมตีจนทำให้หมดสติไป แต่เมื่อข้าตื่นขึ้นมา เขาก็ได้มาอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว ส่วนอสูรเกราะเหล็กก็ได้ตายไปแล้ว”
จ้าวปาเทียนไม่เชื่อนาง แต่เขาไม่ได้ขัดจังหวะนางและอนุญาตให้จ้าวเหมิงลู่พูดต่อไป
“เขาสอนเคล็ดวิชาย่อส่วนสิ่งของต่าง ๆ ให้ข้า นอกจากนี้ยังสอนเคล็ดวิชาพลังชีพหวนคืนเพื่อรักษาบาดแผลของข้าและช่วยยกระดับการบ่มเพาะให้ข้าอีกด้วย” จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับวิธีที่หลิงตู้ฉิง ‘ชี้แนะ’ นาง นางไม่ต้องการที่จะจำมัน แค่คิดถึงนางก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย
จ้าวปาเทียนพูดอย่างสงสัย “เจ้าจะบอกว่า คนที่ทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมด เป็นคน คนเดียวกับที่ช่วยชีวิตเจ้า? เขาเป็นใครกันแน่?”
จ้าวเหมิงลู่หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์มาก ๆ และในเวลาเดียวกันก็เป็นคนที่แปลกมาก ๆ เช่นกัน…”
จากนั้นนางเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิง
แน่นอนในเรื่องที่นางเล่า นางได้พูดเกินจริงไปหลายอย่าง เนื่องจากนางคิดว่าหลิงตู้ฉิงเป็นคนที่มีความมหัศจรรย์มาก นอกจากนี้นางยังมีความรู้สึกพิเศษต่อหลิงตู้ฉิงในหัวใจ ดังนั้นนางจึงต้องยกย่องหลิงตู้ฉิงเป็นธรรมดา
จ้าวปาเทียนพูดด้วยความสับสนว่า “มีคนแบบนี้จริง ๆ งั้นเหรอ? ว่าแต่หลานรัก…เจ้าสอนวิชาย่อส่วนที่เจ้าใช้กับอสูรเกราะเหล็กให้ปู่ได้ไหม?”
จ้าวเหมิงลู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดนางก็สอนให้จ้าวปาเทียน
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ได้ห้ามนางให้สอนคนอื่น แต่จิตใต้สำนึกของนางก็ยังไม่อยากสอนใครจนกว่าจะได้รับอนุญาต แต่จ้าวปาเทียนเป็นปู่ของนางดังนั้นนางจึงยอมบอกทุกอย่าง
เมื่อเวลาผ่านไป จ้าวเหมิงลู่ได้สอนไปถึง 3 ครั้งแต่ จ้าวปาเทียนก็ยังไม่เข้าใจ
จ้าวเหมิงลู่ไม่คิดว่าการสอนปู่ของนางจะยากขนาดนี้! นางจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิใส่ จ้าวปาเทียน “ท่านปู่! ท่านโง่กว่าข้าเสียอีก! ข้าเรียนรู้ได้ภายในการฟัง 3 ครั้ง แต่นี่ข้าสอนให้ท่าน 3 รอบแล้ว แต่ท่านยังไม่แม้แต่จะเข้าใจมันเลย!”
หลังจากที่นางถูกตำหนิอย่างป่าเถื่อนโดยหลิงตู้ฉิงมา ในที่สุดนางก็เริ่มดึงความมั่นใจในตัวเองของนางกลับมาได้บ้างหลังจากเห็นสภาพของปู่ตัวเอง
แม้แต่ปู่ของนางที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ภายในการฟัง 3 รอบ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เพราะนางโง่เกินไป แต่มันเป็นเพราะคนในเรือนหลิงนั้นผิดปกติมากเกินไปต่างหาก
กว่าที่จ้าวปาเทียนจะเข้าใจถึงการใช้วิชาตราประทับย่อส่วน จ้าวเหมิงลู่ต้องสอนเขาถึง 7 รอบ กว่าที่เขาจะสามารถเข้าใจได้
ตราประทับนี้ จ้าวปาเทียนไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่เข้าใจมัน แต่พอเขาเริ่มเข้าใจเคล็ดวิชานี้แล้ว เขาก็พูดกับจ้าวเหมิงลู่ทันทีด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก “เจ้ายังมีหน้ามาว่าปู่โง่เง่าได้ยังไง นี่เป็นเพราะเจ้าสอนไม่ดีต่างหากข้าเลยไม่เข้าใจมันสักที!”
จ้าวเหมิงลู่หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ข้าเรียนแค่ 3 ครั้งก็เข้าใจแล้ว แต่ท่านปู่เรียนตั้ง 7 ครั้ง ท่านโง่กว่าข้าแน่นอน!”
“ในเมื่อท่านรู้ว่าหลิงตู้ฉิงเก่งขนาดไหนแล้ว ข้าคิดว่าท่านปู่ควรเชิญเขามาเป็นอาจารย์ที่สถาบันราชวงศ์ ส่วนลูก ๆ ของเขานั้นก็เหมือนขุมทรัพย์ทั้งหมด แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องมีอนาคตที่สดใส ข้าว่าเราควรพาพวกเขาทั้งหมดมายังสถาบันราชวงศ์ ข้ารับรองว่าเมื่อสถาบันเราได้ตัวพวกเขามา สถาบันเราจะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งทวีปแน่นอน!”
จ้าวปาเทียนขมวดคิ้วและแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย
“ท่านปู่ ท่านมีอะไรหรือเปล่า?” จ้าวเหมิงลู่ทำอะไรไม่ได้นอกจากถาม ในความคิดของนางเรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาด้วยหรือ?