พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 468 ถึงเวลาร่ำลา
บทที่ 468 ถึงเวลาร่ำลา
ครึ่งเดือนต่อมา มีผู้คนจำนวนมากมาที่คฤหาสน์สราญรมย์
ทุกคนมาที่นี่เพื่อฟังการบรรยายของหลิงตู้ฉิง
การบรรยายนี้เร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก
ถึงกระนั้นเขาก็ยังใช้เวลากว่าครึ่งเดือน
การบรรยายของหลิงตู้ฉิงสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนมากมายในอาณาจักรจันทราอีกครั้ง แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดคือผู้อยู่ในระดับสวรรค์สามัญขั้นสูงสุดเช่น โม่หยูถัง เสี่ยวเยว่เฟิง และคนอื่น ๆ อีกหลายคน
สิ่งที่พวกเขาขาดก็คือโอกาสที่จะบุกทะลวง
หลังจากการบรรยายจบลง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป ส่วนหลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงก็เตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง
แน่นอนว่าก่อนที่จะไป หลิงตู้ฉิงถูกเหลียงเฟ่ยเอ๋อเรียกให้ไปพบที่เรือนเพื่อรับหยดน้ำที่ควบแน่นจากหม้อเอกภพ และเนื่องจากมันมีเพียงหยดเดียว เย่ชิงเฉิงจึงไม่ได้รับมันไป
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ทำอะไรไม่ถูก
อย่างไรก็ตามด้วยท่าทีที่แน่วแน่ของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ ดังนั้นเขาจึงยอมรับมันไว้
หลังจากนั้น หลงเฉิน เสี่ยวเยว่เฟิง หลิงตู้ฉิง เย่ชิงเฉิง หยุนจื่อรุ่ย และ เปียนเฉียวเฉียว ก็ออกจากทะเลชางหมาง
อันที่จริงตามความตั้งใจเดิมของหลิงตู้ฉิง เขาตั้งใจว่าจะไม่พาใครไปเพิ่มด้วยอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับการคะยั้นคะยอจากบรรดาภรรยาว่าให้เขาต้องนำหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวไปด้วย เพื่อคอยปรนนิบัตรรับใช้เขาตลอดทาง เขาเองก็จำใจต้องพาทั้งสองสาวน้อยนี้มาด้วย
สำหรับหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว มันดูเหมือนว่าพวกนางได้รับคำแนะนำอะไรบางอย่างจากเหล่าภรรยาของหลิงตู้ฉิง ส่งผลให้ในขณะที่พวกนางเดินตามหลิงตู้ฉิงขึ้นไปบนรถม้า ในหน้าอันงดงามของพวกนางก็แดงซะจนเหมือนกับผลท้อและไม่กล้ามองไปที่หลิงตู้ฉิง
หลังจากนั้นภายใต้การตจ้องมองของทุกคน หลงเฉินก็ลากรถม้าคันเล็กมุ่งหน้าไปยังทางออกที่มีเมืองเจินไห่ดูแล
แน่นอนว่าเนื่องจากระยะทางของการเดินทางครั้งนี้นั้นไกล มันจึงไม่สะดวกที่จะนำรถม้าค้นเดิมที่แสนจะหนักอึ้งไปด้วย ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงใช้เพียงรถม้าวิเศษธรรมดาในการเดินทางเท่านั้น แน่นอนว่าการลากพาหนะวิเศษธรรมดาเช่นนี้มันทำให้ความเร็วของหลงเฉินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของหลิงตู้ฉิงความเร็วของหลงเฉินก็ยังคงช้าเกินไป
“หลงเฉิน แสดงสายเลือดของเจ้าให้ข้าดูสิว่าเจ้าเป็นมังกรสายเลือดไหน” หลิงตู้ฉิงสั่ง
“รับทราบ นายท่าน!” หลงเฉินรีบตอบ
เมื่อเขาถูกจับมาที่นี่เพื่อลากรถม้า หลงเฉินรู้สึกโกรธจริง ๆ
แต่หลังจากการเดินทางไปยังอาณาจักรมังกรทะยานและการบรรยายในคฤหาสน์สราญรมย์ เขาเข้าใจแล้วว่าการที่ได้เป็นผู้ติดตามรับใช้หลิงตู้ฉิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแถมยังได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่น ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น เขาเองได้รับโอกาสในการฟังการบรรยายแถมยังได้รับคำชี้แนะในการบ่มเพาะในระดับหลุดพ้นสามัญที่ต่อให้บรรพบุรุษของเขามาอธิบายเองก็คงไม่ละเอียดและยอดเยี่ยมเท่าของหลิงตู้ฉิง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ถ้าตัวเขาในตอนนี้ถูกย้อนกลับไปให้เลือกอีกครั้งว่าจะยอมมาลากรถม้าหรือไม่ เขาจะตอบตกลงในทันทีโดยไม่มีทางลังเลแม้แต่พริบตาหรือต่อให้เขาต้องต่อสู้กับผู้อื่นเพื่อได้ตำแหน่งลากรถม้าเขาก็ยอม
ดังนั้นในตอนนี้ เมื่อเขาได้รับคำสั่งจากหลิงตู้ฉิงไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เขาก็เชื่อฟังและตกลงอย่างว่าง่าย
หลิงตู้ฉิงเอาเลือดหนึ่งหยดจากหลงเฉินมาและศึกษามันสักพักก่อนจะพูดว่า “ไม่เลวนี่ สายเลือดมังกรสีคราม!”
หลงเฉินถามด้วยความประหลาดใจ “นายท่านเคยศึกษาสายเลือดของเผ่ามังกร?”
“ข้าได้ศึกษามาบ้างพอสมควร” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ในเมื่อเจ้ามีสายเลือดของมังกรสีคราม ดังนั้นข้าจะสอนเคล็ดวิชาบางอย่างให้กับเจ้า! เจ้าควรเข้าใจมันให้เร็วที่สุดและฝึกฝนมันอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้จะสามารถปลุกพลังของสายเลือดมังกรสีครามของเจ้า ซึ่งมันจะทำให้ความเร็วของเจ้าไม่ด้อยไปกว่ากงหนิวมากนัก ไม่เช่นนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่กงหนิวสามารถทะลวงไปถึงระดับสวรรค์สามัญได้ ข้าจะให้กงหนิวมาแทนที่เจ้าหรือไม่ข้าก็อาจจะแวะไปที่ดินแดนทมิฬทางตอนเหนือ เพื่อจับปีศาจกระทิงอเวจีระดับสูงมาสักตัวเพื่อมาลากรถม้าให้ข้าแทนเจ้า”
หลงเฉินไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวเมื่อเขาได้ยินว่าเขาอาจจะถูกแทนที่
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้จากหลิงตู้ฉิง เพราะเขาไม่อยากที่จะต้องมาลากรถม้า!
แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ฟังการบรรยายของหลิงตู้ฉิง แถมยังได้รับการถ่ายเคล็ดวิชาของมังกรสีครามให้ เขาก็เกือบที่จะกระดิกหางและร้องขอความเมตตาให้หลิงตู้ฉิงเก็บเขาไว้
ดังนั้นในความคิดของเขาตอนนี้ก็คือ เขาต้องทำความเข้าใจกับเคล็ดวิชาที่พึ่งได้รับการถ่ายทอดมาโดยเร็วที่สุดเพื่อเร่งความเร็วของเขาเอง! มิฉะนั้นเขาจะถูกเขี่ยทิ้งออกจากตำแหน่งของเขาแน่นอน
ในขณะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้าออกจากทะเลชางหมาง ก็มีกลุ่มกองกำลังที่กำลังรอคำสั่งการเคลื่อนไหวอยู่ที่สันเขาหมื่นอสูร
ต่อหน้าฝูงชน ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้พูดกับเหล่าสมาชิกของสันเขาหมื่นอสูร “คราวนี้มีเพียงภารกิจเดียวที่พวกเจ้าจะต้องทำในทะเลชางหมางก็คือการทำลายล้างทุกชีวิตที่อยู่ในนั้นทั้งหมด! พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจว่าไอ้พวกคนที่อยู่ในนั้นมันจะเป็นคนที่กำลังค้นหาขุมทรัพย์ในทะเลชางหมางหรือคนที่กำลังสำรวจความลับของทะเลชางหมาง ในเมื่อไอ้พวกมนุษย์ในนั้นมันกล้าที่จะกินเผ่าของข้า พวกมันจะต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด!”
“บุตรแห่งคุนเป้ง ข้าได้ยินมาว่าทะเลชางหมางนั้นได้รับการปกป้องโดยสำนักเบญจธาตุ เมืองปาเสี่ย สำนักแสงศักดิ์สิทธิ์และสำนักอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีผู้คนในทะเลชางหมางจำนวนไม่น้อยที่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา พวกเราจะไปทำให้พวกเขาขุ่นเคืองจริง ๆ งั้นหรือ?” อสูรหินร่างยักษ์พูดขึ้น
ด้วยผิวหนังของอสูรตนนี้ที่เต็มไปด้วยหินจนทั่วตัว ดังนั้นจึงไม่ต้องบอกเลยว่าเขาคือโกเล็มหินจากสันเขาหมื่นอสูร
ถ้าหวงเซียะอยู่ที่นี่ นางจะจำอสูรตนนี้ได้ทันที เนื่องจากว่ามันเป็นตัวเดียวกับที่เคยพูดล่วงเกินนางตอนอยู่ด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
บุตรแห่งคุนเป้งตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ผู้คนในอาณาเขตนภาเป็นเพียงสาขาเล็ก ๆ ของสำนักเหล่านั้นเท่านั้น พวกมันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับสำนักของพวกมันสักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สันเขาหมื่นอสูรของเราเป็นฝ่ายถูกล่วงเกินก่อน ดังนั้นพวกมันจะตำหนิเราไม่ได้ถ้าหากโดนลูกหลงไปด้วย”
“การบุกในครั้งนี้ข้าจะให้หยินฮูเป็นผู้นำการบุกทั้งหมด ส่วนเจ้า ฉีฮ่าว ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้นำเผ่าโกเล็มหิน 300 ตนไว้คอยสนับสนุนหยินฮู นอกเหนือจากนั้นข้าจะส่งเผ่ามนุษย์ต้นไม้อีก 300 ตน และเผ่ามนุษย์วิหคอีก 300 ตน และชนชั้นสูงของทั้งเผ่าเสือและเผ่างูอีกเผ่าละ 50 ตน ซึ่งโดยรวมแล้วพวกเจ้าจะมีกำลังรบกว่า 1,000 ชีวิต ด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ หากพวกเจ้ายังไม่สามารถทำงานนี้ให้สำเร็จได้ ข้าคงจะต้องพิจารณาความสามารถของพวกเจ้าใหม่”
“พวกเราจะทำภารกิจให้สำเร็จแน่นอน!” หยินฮูรีบพูดขึ้น
บุตรแห่งคุนเป้งโยนตราสัญลักษณ์เบา ๆ และรอให้หยินฮูจับมันได้ก่อนที่จะพูดว่า “เมื่อพวกเจ้าไปถึงอาณาเขตนภา จงใช้ตรานี้เพื่อติดต่อกับคนของเรา ไม่ว่าเจ้าจะฆ่าคนในทะเลชางหมางไปกี่คนก็ตาม ทั้งหมดจะไม่เป็นปัญหา”
“รับทราบ!” หยินฮูรีบพูด
“พวกเจ้าจงไปกันได้แล้ว!” บุตรแห่งคุนเป้งโบกมือ
เมื่อได้รับคำสั่ง สมาชิกเผ่าอสูรปีศาจกว่าพันตนก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นแต่ละตนก็ใช้พาหนะวิเศษของตนเองบินไปยังอาณาเขตนภาทันที
ในเวลาเดียวกันที่ภูเขาฟีนิกซ์ หวงเซียะก็กำลังพูดอยู่กับบรรดาชายชรากลุ่มหนึ่ง
“บรรพบุรุษ ที่ผ่านมาข้าได้รับการดูแลจากภูเขาฟีนิกซ์มากเกินไป ข้าจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบแทนภูเขาฟีนิกซ์บ้าง คราวนี้โปรดพวกท่านอนุญาตให้ข้าจัดการเรื่องเกี่ยวกับเมืองขนนกอัคคีด้วยเถอะ!” หวงเซียะพูดอย่างหนักแน่น
บรรดากลุ่มชายชราของภูเขาฟีนิกซ์ต่างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเด็กสาวคนนี้กลับมาจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ นางก็กลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแค่ความแข็งแกร่งของนางที่แตกต่างไปจากเดิมเท่านั้นที่น่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่นางยังกลายเป็นคนที่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในความตั้งใจของพวกเขานั้นหวังไว้เพียงแค่ให้หวงเซียะตั้งใจบ่มเพาะตามที่สมควร และรั้งอยู่ที่นี่เฉย ๆ เพื่อรอเวลาครอบครองมหาวิถีของสำนักในอนาคตเท่านั้นก็พอ
ถึงแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นกว่าคนอื่น แต่ถ้านางตายลงก่อนวัยอันควรทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นสูญเปล่าทันที
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ เด็กสาวคนนี้กลับต้องการที่จะออกไปสืบสวนเรื่องของเมืองขนนกอัคคีด้วยความแน่วแน่ ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่มีใครรู้ว่าจะห้ามนางอย่างไรเพราะนางเองก็มีเหตุผลที่ดี
ชายชราถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้าต้องการไป งั้นเจ้าก็จงนำองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย 500 นายเพื่อปกป้องความปลอดภัยของเจ้า!”
“ขอบคุณมาก ท่านผู้อาวุโสสูงสุด!” หวงเซียะประสานมือขอบคุณ จากนั้นนางก็เดินจากไปพร้อมกับองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ 500 นาย และมุ่งหน้าไปที่เมืองขนนกอัคคีทันที
เมื่อเห็นว่าหวงเซียะบินจากไปแล้ว ชายชราสองคนต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นทั้งสองก็ส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับทำให้ร่างของพวกเขาไม่สามารถถูกเห็นได้ด้วยตาเปล่าและบินตามหลังของหวงเซียะไป
หวงเซียะที่เพิ่งทะลวงขึ้นไปยังขอบเขตนภาได้ไม่นานเท่าไหร่ ไม่รู้อะไรเลยว่าตอนนี้นางถูกคุ้มครองโดยผู้อาวุโสชั้นสูงอีกสองคนที่ติดตามนางไปอยู่ไม่ห่าง ในตอนนี้นางสนใจแต่เพียงว่านางต้องตรวจสอบเรื่องของเมืองขนนกอัคคีอย่างละเอียด