พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 471 ยื่นข้อตกลงกับอารามนวดารา
บทที่ 471 ยื่นข้อตกลงกับอารามนวดารา
การปรากฏตัวของโม่เอ๋อทำให้สีหน้าของฉีหู่ และผู้อาวุโสระดับนักบุญมืดลงทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาเดาได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในรถม้าจะต้องไม่ธรรมดา เนื่องจากทั้งคนขับรถม้า ทั้งสาวใช้ที่ออกมาจากในรถม้าต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญขึ้นไปทั้งนั้น
โดยเฉพาะระดับการบ่มเพาะของสาวใช้ที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นอยู่ถึงระดับเหนือล้ำเลยด้วยซ้ำ (ขอบเขตสวรรค์ระดับ3)
ใครกันที่เป็นเจ้าของรถม้า?
ความตั้งใจของพวกเขานั้นมีเพียงแค่จับมือร่วมกับสำนักอื่น ๆ เพื่อปล้นยึดอารามนวดาราที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ แต่ตอนนี้กลับต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง จิตใจของพวกเขาจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ต่อให้เสี่ยวเยว่เฟิงจะย้ำแล้วว่าพวกนางไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอารามนวดารา แต่พวกเขาเองจะมั่นใจในคำพูดของนางได้ยังไง?
แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดที่อยากจะต่อต้านอยู่ในใจ แต่ฉีหู่และผู้อาวุโสของเขาก็ไม่กล้าที่จะหยุดพวกของหลิงตู้ฉิง เพราะพวกเขากลัวว่าสถานะของคนในรถม้าจะไม่ธรรมดาและกลายเป็นล่วงเกินตัวตนที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้
สำนักหมอกเมฆาของพวกเขาไม่ใช่สำนักที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่รอโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของอารามนวดาราตกตายลงก่อนถึงจะลงมือแบบนี้
ตอนนี้โม่เอ๋อได้แสดงท่าทีข่มขวัญแล้วพวกเขาก็ยิ่งระมัดระวังการกระทำของพวกเขามากขึ้น
ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวถอยออกไปโดยไม่เอ่ยอะไรต่อ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาจากไป ผู้อาวุโสผู้นั้นก็สั่งกับฉีหู่ทันที “แจ้งให้สำนักอื่นทราบโดยเร็วถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ฉีหู่ก็รีบบินกลับไปแจ้งคนอื่น ๆ ทันที ซึ่งมันทำให้คนของสำนักอื่น ๆ โกรธกันเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกเขาก็รีบเรียกประชุมกันอย่างลับ ๆ ทันที
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาได้ผ่านแนวป้องกันของสำนักอื่น ๆ มาเรียบร้อยแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังอารามนวดารา
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้อารามนวดารา ค่ายกลป้องกันสำนักของอารามนวดาราก็ถูกเปิดใช้งานทันที ซึ่งทำให้หลิงตู้ฉิงและคนของเขาต้องยืนรออยู่ด้านนอกไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
“เจ้าเป็นใคร? มาที่สำนักของข้าทำไม?” ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญที่อยู่ด้านในตะโกนออกมาด้วยสีหน้าประหม่า
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงเดินออกมาจากรถและถามผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญผู้นั้นว่า “เจ้าสำนักของเจ้าคือใคร หรือใครเป็นผู้ดูแลอารามนวดาราตอนนี้?”
“เจ้าเป็นใครถึงมาถามอะไรแบบนี้? ไสหัวไปซะ!” ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญตะคอกกลับ
ถึงแม้ว่าเขาจะเบาใจลงที่เห็นว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงอยู่เพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 แต่สถานการณ์ในตอนนี้ที่คนจากสี่สำนักใหญ่กำลังปิดล้อมพวกเขาอยู่ เขาจะเปิดค่ายกลง่าย ๆ เพื่อนำหลิงตู้ฉิงเข้ามาได้อย่างไร?
ในเวลาเดียวกัน มีชายผู้หนึ่งที่อยู่ด้านในค่ายกลป้องกันของสำนักอารามนวดารา กำลังยืนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ชายผู้นั้นคือ หวางหมิงหยวน
หวางหมิงหยวน คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่เมืองหยูหลันตอนที่วิญญาณปีศาจอาละวาด ซึ่งเขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้เลย
ภาพของเจ้าสำนักของเขาที่อยู่ในระดับนภาครามถูกวิญญาณปีศาจสังหารอย่างง่ายดายยังคงตราตรึงอยู่ในสมอง และในตอนนี้คนที่จัดการกับวิญญาณปีศาจที่น่ากลัวตนนั้นได้กับมาปรากฎที่หน้าทางเข้าสำนักของเขาซะงั้น?
เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้มาที่นี่เพราะต้องการชำระแค้นที่ในตอนนั้นสำนักของเขามีส่วนร่วมในการปลดปล่อยวิญญาณปีศาจ?
ถ้าแม้แต่วิญญาณปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังถูกสยบ แล้วอารามนวดาราของพวกเขาจะเอาอะไรไปต่อต้าน?
เมื่อนึกได้เช่นนี้ สีหน้าของหวางหมิงหยวนก็ซีดลงทันที
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงที่ต้องการจะส่งคืนสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นให้กับอารามนวดารา แต่กลับได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นมิตรกลับมา เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่แยแสกับคนเหล่านี้โดยการโยนสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นลงไปที่พื้นหน้าค้ายกลป้องกันของสำนักอารามนวดาราแทนพร้อมกับพูดว่า “ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าได้รับปากคนของสำนักเจ้าไว้คนหนึ่งให้ช่วยส่งสมบัติระดับเซียนทั้งสองชิ้นนี้ให้กับพวกเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะต้อนรับข้า งั้นข้าจะโยนมันทิ้งไว้แบบนี้ก็แล้วกัน จากนั้นพวกเจ้าจะทำยังไงกับพวกมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอีกต่อไป!”
เมื่อโยนของเสร็จและพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หันหลังเดินกลับไปที่รถม้าทันที
“เอ๋…นั่นมัน! นั่นมันคือสมบัติระดับเซียนของผู้อาวุโสจิว!” บรรดาศิษย์ของอารามนวดาราจำสมบัติที่ถูกโยนลงทิ้งไว้ที่พื้นได้ทันที
“ผู้อาวุโสจิว? ผู้อาวุโสจิวยังไม่ตายงั้นเหรอ?”
“ระวังมันจะเป็นหลุมพลาง! ใครมันจะยินดีคืนสมบัติระดับเซียนให้กับพวกเราง่าย ๆ กัน? มันคงรอให้เราเปิดค่ายกลป้องกันสำนัก แล้วจากนั้นพวกของมันที่ซ่อนอยู่แถวนี้จะต้องบุกเข้ามาหาพวกเราแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจในสิ่งที่คนในอารามนวดาราพูดกันแม้แต่น้อย
เมื่อเขาเดินมาถึงรถม้า เขาก็สั่งให้หลงเฉินออกเดินทางต่อในทันที
ซึ่งในเวลาเดียวกัน หวางหมิงหยวนก็พุ่งออกมาจากอารามนวดาราและตะโกนเสียงดัง “ผู้อาวุโสโปรดรอก่อน!”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา แต่มาที่นี่เพื่อส่งคืนสมบัติแทน หัวใจของหวางหมิงหยวนก็ลุกโชนไปด้วยความหวัง
เนื่องจากผู้อาวุโสผู้นี้มาคืนสมบัติให้กับพวกเขา นั่นก็หมายความว่าเขามีความปรารถนาดีต่ออารามนวดารา ซึ่งถ้าหากผู้อาวุโสผู้นี้ตกลงช่วยเหลืออารามนวดาราแล้วล่ะก็ อารามนวดาราของพวกเขาจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป หวางหมิงหยวนจึงรีบออกมาตะโกนขอให้หลิงตู้ฉิงอยู่ต่อทันที
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน หลิงตู้ฉิงจึงหันกลับมามองไปยังต้นเสียง
หวางหมิงหยวนรีบพุ่งมายืนโค้งคำนับอยู่ตรงหน้าของหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าตื่นเต้น และพูดว่า “ผู้อาวุโส ข้าคือผู้อาวุโสของอารามนวดารา หวางหมิงหยวน ข้าคือหนึ่งในผู้ที่เคยได้เห็นถึงความเกรียงไกรของผู้อาวุโสในเมืองหยูหลัน ซึ่งผู้อาวุโสน่าจะเห็นอยู่แล้วว่าในตอนนั้นวิญญาณปีศาจได้ล่อลวงคนของสำนักของข้าที่เมืองหยูหลัน สังหารทั้งเจ้าสำนักและผู้อาวุโสจำนวนมากของเราลงไป และด้วยเหตุนี้ เมื่อความแข็งแกร่งของสำนักข้าลดลง บรรดาสำนักต่าง ๆ จึงคิดฉวยโอกาสนี้ปล้นทำลายพวกเรา ผู้อาวุโส ข้าขอร้องท่านโปรดช่วยเราด้วย”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หวางหมิงหยวนด้วยสีหน้าเรียบเฉย และพูดขึ้นว่า “นั่นเป็นเรื่องของอารามนวดาราของเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะบังเอิญข้าได้ไปตกลงรับคำขอแลกเปลี่ยนจากผู้อาวุโสของเจ้าเพียงคนเดียว ส่วนสิ่งอื่น ๆ ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า”
เมื่อหวางหมิงหยวนได้ยินหลิงตู้ฉิงเอ่ยถึงคำว่าแลกเปลี่ยน เขาจึงนึกอะไรบางอย่างออกทันที “ผู้อาวุโส ถ้าอารามนวดาราของเราขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส พวกเราต้องจ่ายให้ท่านเท่าไหร่?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หวางหมิงหยวน และพูดว่า “เจ้ามีอำนาจตัดสินใจได้งั้นเหรอ?”
หวางหมิงหยวนรีบหัวเราะ “ข้าเป็นผู้อาวุโสของอารามนวดารา ดังนั้นคำพูดของข้าแน่นอนว่ามีน้ำหนักอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักคนใหม่ของเราตอนนี้นั้นเป็นคนที่คุยด้วยง่ายมาก หากผู้อาวุโสช่วยให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ข้าคิดว่าตราบใดที่มันไม่ใช่เงื่อนไขที่มากเกินไป เจ้าสำนักของข้าจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”
“ถ้าอารามนวดาราของเจ้ายินยอมให้ข้าเข้าไปในคลังของสำนักเพื่อเลือกสมบัติวิเศษ 10 ชิ้น ข้าก็จะช่วยอารามนวดาราของเจ้า!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ข้าจะให้เวลาเจ้าไปปรึกษากับคนสำนักเจ้าสองชั่วโมง หากไม่มีการตอบกลับภายในสองชั่วโมง ข้าจะจากไปทันที”
หวางหมิงหยวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และรีบพูดว่า “งั้นโปรดรอสักครู่ผู้อาวุโส!”
หลังจากที่หวางหมิงหยวนพูดจบ เขาก็รีบบินกลับเข้าไปด้านในอารามนวดาราทันทีเพื่อหารือกับเจ้าสำนัก เขารีบถึงขนาดที่ไม่ได้หยิบสมบัติระดับเซียนทั้งสองกลับไปด้วยซ้ำ
ภาพเช่นนี้ทำให้บรรดาศิษย์อารามนวดาราคนอื่น ๆ ที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างรู้สึกตกตะลึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสของพวกเขา? เหตุใดเขาจึงสุภาพกับชายหนุ่มที่มีระดับการบ่มเพาะแค่เพียงขอบเขตประสานทะเลปราณด้วยกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติระดับเซียนทั้งสองชิ้นยังกองอยู่ที่พื้นอยู่เลย ทำไมเขาถึงไม่เอามันกลับเข้าไปในสำนักด้วย?
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็รออยู่ที่หน้าทางเข้าอารามนวดาราอย่างใจเย็น และเตรียมดูว่าอารามนวดาราจะให้คำตอบกับเขาว่ายังไง
ด้วยเวลาแค่สองชั่วโมงที่เขาต้องรอ แม้ว่าอารามนวดาราจะไม่ตอบตกลง มันก็ไม่ถือว่าเขาเสียหายอะไรมากมาย
แน่นอนว่าหากอารามนวดาราตกลงแลกเปลี่ยนกับเขา เขาก็ยินยอมที่จะลงมือช่วยแก้ปัญหาให้เช่นกัน
ส่วนจะช่วยแค่ไหนนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับมูลค่าของสมบัติวิเศษในคลังสมบัติของอารามนวดาราเช่นกัน
เย่ชิงเฉิงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางเดินมาที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง และพูดด้วยรอยยิ้ม “สามี อารามนวดาราแห่งนี้เป็นเพียงสำนักธรรมดาภายในคลังสมบัติของพวกเขาอาจไม่มีสมบัติใด ๆ ที่ควรค่าแก่การที่เราต้องเสียเวลาก็ได้”
หลิงตู้ฉิงเอียงศีรษะ และยิ้มให้เย่ชิงเฉิง “หินจันทราศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนเช่นกัน”
ความหมายในคำพูดของเขาคืออารามนวดาราแห่งนี้อาจมีสิ่งของดี ๆ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็ทำได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ครั้งนั้นท่านอาจจะโชคดีมากก็ได้ เพราะจากที่ข้าประเมินแล้วอารามนวดาราน่าจะมีแต่พวกของวิเศษระดับไม่น่าจะเกินเซียนแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงยิ้มพลางส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องโชคดี ข้าแน่ใจว่าโชคของข้านั้นไม่แย่สักเท่าไหร่หรอก”
สิ่งที่เย่ชิงเฉิงไม่รู้ก็คือก่อนที่พวกเขาจะออกจากทะเลชางหมาง เหลียงเฟ่ยเอ๋อได้มอบหยดน้ำที่มีสรรพคุณนำโชคมหาศาลให้กับหลิงตู้ฉิงไว้แล้ว