พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 52 ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด[รีไรท์]
บทที่ 52 ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด[รีไรท์]
การมาเยือนของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตดูเหมือนจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อเรือนหลิงเลย
แต่สำหรับโลกภายนอกมันทำให้เกิดเสียงฮือฮามากมาย
แม้แต่คนธรรมดาก็รู้จักชื่อเสียงของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต พวกเขารู้ว่าหากคนกลุ่มนี้ตั้งเป้าไว้ที่ผู้ใดแล้วคนผู้นั้นไม่มีวันรอดแน่นอน
เหตุการณ์ในวันนี้ มีผู้คนเป็นจำนวนไม่น้อยที่เห็นกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเดินหายเข้าไปในเรือนหลิง
ชาวบ้านที่อยู่ในระแวกนั้นต่างก็คิดว่าวันนี้หลิงตู้ฉิงแห่งเมืองฟินิกซ์คงเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ
แต่แทนที่จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายภายในเรือนหลิง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเงียบเชียบ กลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่หายเข้าไปในเรือนนั้น เปรียบเหมือนก้อนหินที่จมลงสู่มหาสมุทรโดยไร้ซึ่งสุ้มเสียงใด ๆ
สำหรับผู้คนทั่วไป เหตุการณ์แบบนี้พวกเขาแค่มีความรู้สึกสงสัยและแปลกใจ แต่สำหรับตระกูลที่เป็นคู่อริกับหลิงตู้ฉิงพวกเขากลับออกอาการร้อนรุ่ม
ซึ่งตระกูลนั้นจะเป็นตระกูลอื่นใดไม่ได้นอกซะจากตระกูลเจิ้น ในตอนนี้ความเกลียดชังระหว่างตระกูลเจิ้นกับหลิงตู้ฉิงเริ่มหยั่งลึกขึ้นเรื่อย ๆ สายตาของพวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างจดจ่อ เมื่อเห็นกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่แข็งแกร่งบุกเข้าในเรือนหลิงแต่กลับเงียบหายไปเฉย ๆ เจิ้นป่าเจ่าจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกกังวลในความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิง
“ไอ้หลิงตู้ฉิงมันมีใครหนุนหลังอย่างลับ ๆ อยู่หรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นญาติมันที่เมืองหลวง?” เจิ้นป่าเจ่านั้นครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงแต่ก็ยังหาคำอธิบายตัวตนของหลิงตู้ฉิงไม่ได้สักที เขาไม่เชื่อว่าความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิงจะมีอะไรมากมายนัก
“หรือว่าเป็นไปได้ไหมที่ตระกูลมี่ส่งผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในตระกูลไปคุ้มกันตระกูลหลิง? แต่พวกตระกูลมี่มันไม่กลัวที่จะแหย่หนวดเสืออย่างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเสื้อคลุมโลหิตหรืออย่างไร?”
เหล่าตระกูลใหญ่ส่วนมากมักหลีกเลี่ยงที่จะปะทะโดยตรงกับองค์กรลอบสังหารที่ทรงพลัง เพราะองค์กรเหล่านี้หากเป็นศัตรูด้วยแล้วค่อนข้างยากที่จะรับมือ
ส่วนทางด้านตระกูลมี่ มี่ตั้วตั้วนั้นแตกต่างจากเจิ้นป่าเจ่า มี่ตั้วตั้วเข้าใจในความแกร่งของหลิงตู้ฉิงมากกว่าตระกูลเจิ้น เขาจึงไม่ค่อยห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนในเรือนหลิงสักท่าไหร่
แต่ไม่ว่าเขาจะวางใจอย่างไร เขาก็ยังส่งคนไปลอบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนหลิง ถึงยังไงซะลูกสาวของเขาก็อยู่ที่นั่น หากมีอะไรเกิดผิดพลาดขึ้นมา เขาก็สามารถส่งคนไปสนับสนุนที่เรือนหลิงได้ในทันที
หลังจากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเรือนหลิง มี่ตั้วตั้วก็ถอนหายใจ “ตามที่คาดไว้ ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์นั้นทรงพลังจริง ๆ ปรมาจารย์หลิงสามารถจัดการกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตได้อย่างง่ายดาย”
ที่ผ่านมาเขาแน่ใจว่าหลิงตู้ฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มี่ไลได้เล่าเรื่องที่นางแอบได้ยินบทสนทนาของหลิงตู้ฉิงกับถังชี่หยุนแล้ว มี่ตั้วตั้วก็ยิ่งประเมินค่าหลิงตู้ฉิงสูงขึ้น
เมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ในตำนาน พวกกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตจะนับเป็นตัวอะไรได้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงตู้ฉิง
“เจ้าได้รวบรวมวัตถุดิบที่ปรมาจารย์หลิงร้องขอแล้วหรือยัง?” มี่ตั้วตั้วพูดกับที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ของเขา “ถ้าเจ้ารวบรวมเสร็จแล้วก็ส่งไปให้ปรมาจารย์หลิงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เมื่อเผชิญความกดดันจากการร่วมมือของหอการค้าหมอกเมฆาและหอการค้าอื่น ๆ มี่ตั้วตั้วก็ได้แต่ส่งคนไปซื้อวัตถุดิบสำหรับโอสถกำเนิดรากฐานอย่างลับ ๆ
เขามั่นใจว่าเมื่อหอการค้าของเขาเปิดตัวโอสถกำเนิดรากฐานเมื่อไหร่ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการวิเคราะห์กับผลกระทบของโอสถกำเนิดรากฐาน ที่ปรึกษาของเขาตอบว่า “นายท่าน ขณะนี้ทางเรายังคงแอบซื้อวัตถุดิบสำหรับโอสถกำเนิดรากฐานอยู่ แต่การกระทำของเราทำให้ราคาวัตถุดิบของทั้งทวีปกำลังพุ่งสูงขึ้น ส่วนวัตถุดิบที่ปรมาจารย์หลิงร้องขอเราเตรียมได้แค่เพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นนอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบบางอย่างที่ไม่สามารถหาได้ในทวีปของเรา ข้าได้สั่งให้คนของเราเดินทางไปยังทวีปอื่น ๆ เพื่อหาซื้อเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของที่ปรึกษา มี่ตั้วตั้วอดไม่ได้ที่จะเริ่มหัวเราะอย่างขมขื่น
ในตอนที่พวกเขาได้รับสูตรสำหรับโอสถกำเนิดรากฐานพวกเขาล้วนตื่นเต้นดีใจเป็นการใหญ่
แต่ทุกสิ่งในโลกล้วนมีราคาของมัน และราคาของสูตรโอสถกำเนิดรากฐาน ก็คือรายการวัตถุดิบที่หลิงตู้ฉิงต้องการให้พวกเขาหามาให้ รายการวัตถุดิบเหล่านั้นทำให้พวกเขารู้สึกโศกเศร้า เพราะมูลค่าของวัตถุดิบที่หลิงตู้ฉิงต้องการนั้นมีมูลค่ารวมกันก็ปาเข้าไปเกิน 20 ล้านเหรียญทองแล้ว และสิ่งที่หนักใจที่สุดไม่ใช่มูลค่าของมัน แต่มันคือวัตถุดิบบางอย่างนั้นไม่สามารถหาได้ในทวีปเทียนหยวน
ในขณะนี้พวกเขาจึงมีสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจอยู่ 2 ประการ ประการแรกคือซื้อวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถกำเนิดรากฐานและประการที่สองคือพวกเขายังต้องหาซื้อวัตถุดิบที่หลิงตู้ฉิงร้องขอ
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ต้องทำตามคำร้องขอของหลิงตู้ฉิงก่อน เพราะตัวตนของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มีความสำคัญกับพวกเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากคิดมาสักพักหนึ่ง มี่ตั้วตั้วเปลี่ยนการตัดสินใจและพูดว่า “รวบรวมวัตถุดิบที่ซื้อมารวมถึงส่วนผสมของโอสถกำเนิดรากฐานและโอสถชนิดต่าง ๆ ที่เรามีบางส่วนมาให้ข้า ข้าจะไปมอบให้ปรมาจารย์หลิงในวันพรุ่งนี้ด้วยตัวเอง นี่อาจจะถือว่าเป็นข้ออ้างที่ดี ในการได้ไปเจอกับเขาสัก 2-3 ครั้งในช่วงเวลาการส่งวัตถุดิบ”
มี่ตั้วตั้วคิดว่าการโผล่หน้าไปให้อีกฝ่ายเห็นหน้าบ่อย ๆ จะยิ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และไม่แน่หลิงตู้ฉิงอาจจะให้ผลประโยชน์อื่น ๆ อีกเวลาเจอกันครั้งหน้าก็ได้
หลักการแบบนี้มี่ตั้วตั้วนำมาใช้ในการทำธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง
ในวันถัดมา หลังจากรวบรวมวัตถุดิบจำนวนมาก เขาได้บรรจุวัตถุดิบทั้งหมดลงในแหวนมิติจนครบและนำกลุ่มผู้คุ้มกันไปยังเรือนหลิง
นอกจากวัตถุดิบที่หลิงตู้ฉิงร้องขอแล้วเขายังนำวัตถุดิบหลอมโอสถมาเป็นจำนวนมากและยังเรียกหวงอี้เฟยให้ไปด้วยกัน
มี่ตั้วตั้วให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดหยุดรออยู่หน้าประตูเรือนหลิง เหลือแต่เขากับหวงยี่เฟยเดินเข้าไปในเรือน
หลังจากเปิดตระตูเข้าไป เมื่อเขาเห็นหลิงตู้ฉิงนั่งอยู่ที่ลานกลางเรือน เขาก็เดินเข้าไปหาและโค้งคำนับ “ปรมาจารย์หลิง เราได้นำวัตถุดิบบางส่วนที่ท่านต้องการมามอบให้ท่านก่อน แต่ยังเหลือวัตถุดิบบางชนิดที่หาไม่ได้จากในทวีปนี้ เรายังซื้อไม่ได้ทั้งหมด เช่น เส้นใยไหมจากด้วงเปลวเพลิง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีเฉพาะในทวีปหลีฮัวเท่านั้นและระยะทางจากทวีปของเราไปยังทวีปหลีฮัวนั้นค่อนข้างไกลเป็นอย่างมาก นอกจากวัตถุดิบที่ท่านต้องการ ข้ายังได้นำวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการหลอมโอสถหลายชนิดมาให้ท่านปรมาจารย์หลิงด้วย”
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่พวกเขาสองคนแล้วหันไปสั่งหลิงว่านถิง “ไปเอาเก้าอี้สองตัวมาให้ผู้นำมี่และคนของเขาที”
หลิงว่านถิงรีบลุกขึ้นและวิ่งไปยกเก้าอี้มาวางไว้ให้กับมี่ตั้วตั้วและหวงยี่เฟย
มี่ตั้วตั้วและหวงยี่เฟยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะ 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้ เขาทั้งสองได้แต่ยืนอยู่ที่ลานกลางเรือน หลิงตู้ฉิงไม่เคยเอ่ยชวนให้พวกเขาได้นั่งคุยมาก่อน นี่นับได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับหลิงตู้ฉิงเริ่มพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงรีบนั่งลงอย่างสุภาพ
หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงหลิงตู้ฉิงกล่าวว่า “เกี่ยวกับวัตถุดิบ เพียงหาพวกมันให้ครบ ภายใน 5 ปีก็พอ เพราะข้ายังไม่ต้องการใช้มันในตอนนี้ แต่ในเมื่อบางส่วนหามาได้แล้ว ก็นำออกมาให้ข้าเก็บไว้ก่อน”
“ข้าเข้าใจแล้วปรมาจารย์หลิง!” มี่ตั้วตั้วรีบส่งวัตถุดิบที่หลิงตู้ฉิงต้องการรวมถึงวัตถุดิบในการหลอมโอสถประเภทต่าง ๆ มากมายให้หลิงตู้ฉิง
หลังจากหลิงตู้ฉิงได้รับวัตถุดิบ เขามองไปที่มี่ตั้วตั้วและหวงยี่เฟยแล้วพูดว่า “พวกท่านนั่งรอสักเดี๋ยว ข้าขอเวลาหลอมโอสถสักครู่นึงก่อน”
มี่ตั้วตั้วรีบพูด “ท่านปรมาจารย์หลิงโปรดอย่าเกรงใจ ทำตามที่ท่านต้องการได้เลย”
สำหรับหวงยี่เฟย เขาจ้องมองการกระทำของหลิงตู้ฉิงด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะเป้าหมายของเขาคือการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะการหลอมโอสถ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะอ้าปากพูด หลิงตู้ฉิงก็เริ่มกระบวนการหลอมโอสถไปแล้ว
“ข้าจะหลอมโอสถกำเนิดรากฐาน 3 ชุด และจากนั้นจะหลอมโอสถผสานลมปราณอีก 3 ชุด” หลิงตู้ฉิงกล่าวช้า ๆ “วิธีการหลอมโอสถของข้าเรียกว่า ‘นวโคจรกำเนิดโอสถ’ และเคล็ดลับของ ‘นวโคจรกำเนิดโอสถ’ คือการเข้าใจคุณสมบัติอย่างท่องแท้ของสมุนไพรรวมถึงการควบคุมอุณหภูมิของไฟ….” ในขณะที่หลิงตู้ฉิงบรรยายเกี่ยวกับเคล็ดการหลอมโอสถ เขาเริ่มโยนสมุนไพรทุกประเภทเข้าไปในเตา และการกลั่นโอสถก็เริ่มขึ้น
หวงยี่เฟยรู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงหมายถึงอะไร เขามองมือของหลิงตู้ฉิงตาไม่กระพริบ จดจำทุกขั้นตอนและทุกคำพูดของหลิงตู้ฉิง สำหรับในขั้นตอนที่ยังไม่เข้าใจ เขายังไม่กล้าเอ่ยถามขึ้นมาในตอนนี้เพราะเกรงว่าจะพลาดขั้นตอนสำคัญที่อยู่ตรงหน้าไป
ในเวลาไม่นานหลิงตู้ฉิงได้หลอมโอสถกำเนิดรากฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จำนวนของโอสถกำเนิดรากฐานชุดแรกที่หลิงตู้ฉิงหลอมออกมานั้นมีอยู่ถึง 81 เม็ด ทุกเม็ดจะปล่อยหมอกสีเขียว ซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่หนาแน่นออกมา จากนั้นเขาจึงเริ่มทำการหลอมโอสถชุดที่สองและชุดที่สามของโอสถกำเนิดรากฐานต่อตามลำดับจนเสร็จ
เมื่อโอสถกำเนิดรากฐานเสร็จสิ้น เขาจึงเริ่มหลอมโอสถผสานลมปราณอีก 3 ชุดต่อ เมื่อเรียบร้อยกับการหลอมโอสถแล้ว หลิงตู้ฉิงเหลือบไปมองหวงยี่เฟยและพูดกับมี่ตั้วตั้วว่า “ข้าจะเก็บโอสถกำเนิดรากฐานและโอสถผสานลมปราณไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับส่วนที่เหลือพวกท่านก็เอาพวกมันกลับไปก็แล้วกัน จะเอาพวกมันไปขายหรือทำอะไรก็แล้วแต่พวกท่าน”