พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 600 ความแข็งแกร่งใหม่ของมู่หลงหยาน
เมื่อมู่หลงหยานเปิดใช้งานไม้บรรทัดหยกดำของนาง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆจู่ ๆ ก็มีดวงดาวมากมายปรากฏขึ้น ซึ่งมันเหมือนกับว่าค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนของนางโดยเฉพาะ
ภายใต้แสงดวงดาวที่สาดส่อง มู่หลงหยานตะโกนเสียงดัง “หมื่นดาราสังหาร!”
เมื่อเสียงของนางดังขึ้น แสงของเหล่าหมู่ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าก็สาดส่องไปยังเหล่ากลุ่มคนของสำนักมหาพฤกษา ซึ่งแต่ละดวงดาวที่สาดส่องแสงนั้นเป็นตัวแทนของกฎต่าง ๆ แต่ละกฎที่ต่างกันออกไป
แสงของดวงดาวเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกรงขังล้อมรอบเหล่าผู้คนของสำนักมหาพฤกษาเอาไว้ไม่ให้หนีออกไปไหน
จากนั้นเมื่อกรงขังถูกสร้างขึ้น แสงของดวงดาวก็เริ่มเข้มข้นขึ้นส่งผลให้ผู้ที่ติดอยู่ด้านในเริ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิต
โดยเฉพาะหลินฉี ผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสำนักมหาพฤกษาที่ในตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบตะโกนขึ้นทันที “เร็วเข้า ทำลายกรงนี่เดี๋ยวนี้!”
หลินฉี คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิเพียงคนเดียวของสำนักมหาพฤกษา
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของสำนักมหาพฤกษาจะยังคงห่างไกลจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อพวกเขาคำนวณแล้วว่าในกลุ่มของมู่หลงหยานจะต้องมีสมบัติติดตัวอยู่เป็นจำนวนมากที่ได้มาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมที่จะเสี่ยง
พวกเขาคาดหวังเอาไว้ว่าหลังจากได้สมบัติมาแล้วและลบร่องรอยของพวกเขา พวกเขาจะเก็บตัวและใช้ทรัพยากรที่ได้มาเอามาพัฒนาสำนักตัวเองให้ทัดเทียมกับสำนักมหาอำนาจต่าง ๆ
ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนกันมาดักเส้นทางกลับไปยังสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลงหยาน ซึ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง เพราะพวกเขาได้มาดักนางในจุดที่พวกเขาคาดเอาไว้พอดี
แต่มันยังมีสิ่งหนึ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงก็คือ พวกเขาไม่คาดคิดว่ามู่หลงหยานจะสามารถสำแดงอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่นางเพิ่งได้มาได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้มันต้องอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาแน่นอน เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรืออาวุธใด ๆ ที่ได้มาจากต้นเทวะศาสตรา อาวุธและสมบัติเหล่านั้นจะมาสามารถถูกใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบทันทีที่มันเชื่อมโยงกับเจ้าของ ไม่เหมือนกับอาวุธหรือสมบัติที่ไปปล้นชิงมาจากผู้อื่นที่จะต้องเสียเวลามาทำการลบการเชื่อมโยงของเจ้าของเก่าออกก่อน หรือไม่ก็ต้องพยายามโน้มน้าวให้จิตศาสตราที่สถิตอยู่ในสมบัติให้ทำตามคำสั่งและยังไม่รวมไปถึงต้องพยายามทำความเข้าใจในความลับของมันอีก ซึ่งต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้เมื่อกลุ่มคนของสำนักมหาพฤกษาถูกขังไว้ด้วยแสงดาวที่ดูอันตราย พวกเขาก็ไม่คิดถึงการแย่งชิงสมบัติอีกต่อไป ในตอนนี้ในหัวของพวกเขามีความคิดแค่อย่างเดียวคือหนีออกไปจากกรงนี้ให้ได้!
บรรดาผู้คนของสำนักมหาพฤกษาเกือบ 20 คนที่ระดับการบ่มเพาะต่ำสุดในพวกเขาคือขอบเขตราชันต่างช่วยกันพยายามสร้างความเสียหายให้กับกรงแสงดาวอย่างสุดฤทธิ์
แต่น่าเสียดายที่ต่อให้พวกเขาจะทำลายกรงไปได้ชั้นหนึ่ง แต่กรงเหล่านี้มันไม่ได้มีเพียงชั้นเดียว มันประกอบไปด้วยกรงหลายชั้น ซึ่งแต่ละชั้นนั้นก็เป็นอำนาจของกฎที่แตกต่างกัน
เมื่อเผชิญกับพลังแห่งกฎหลายชั้นขนาดนี้พวกเขาจะหนีไปได้ยังไง?
จากนั้นจู่ ๆ กฎที่อยู่ด้านในกรงแสงดาวก็ผันผวนและค่อย ๆ ระเบิดออกทีละกฏ ๆ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งการระเบิดแต่ละครั้งมันส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญของสำนักมหาพฤกษาตายไปทีละคนสองคน
จนในท้ายที่สุดมันก็เหลือแต่หลินฉีที่สามารถหาโอกาสจากในช่วงเวลาที่กฎระเบิดเล็ดรอดออกมาจากกรงแสงดาวโดยใช้ความพิเศษของร่างกายที่เขาบ่มเพาะหนีออกมาได้
ก่อนจะจากไป หลินฉีทิ้งคำลาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นว่า “ในอนาคตสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะต้องชดใช้!”
อันที่จริงเขาหนีเร็วกว่าคำพูดของเขาด้วยซ้ำ เมื่อจบประโยคร่างของหลินฉีก็หายไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนคนอื่น ๆ ที่กำลังจะเข้าไปช่วยมู่หลงหยาน เมื่อพวกเขาเห็นผลงานของมู่หลงหยานเช่นนี้พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
อาวุธศักดิ์สิทธิ์นั่นมีอำนาจขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
“ท่านแม่ ท่านเก่งสุด ๆ ไปเลย!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน
แม้แต่มู่หลงหยานยังรู้สึกพึงพอใจในตัวเองเป็นอย่างมากตอนนี้ พลังการโจมตีของนางเมื่อครู่ที่ใช้ออกไปนั้นมันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เลว แต่ว่าระดับการใช้งานกฎของเจ้ายังหยาบเกินไป หากเจ้าเรียกใช้กฎต่าง ๆ ให้เรียงจนเกื้อหนุนกัน มันจะยิ่งทำให้การโจมตีเมื่อครู่ยิ่งทรงอำนาจมากขึ้นไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็ 2 เท่า ยกตัวอย่างเช่นหากเจ้าระเบิดกฎธาตุไม้ไปก่อนให้มวลของธาตุไม้แพร่กระจายอยู่ด้านในกรงแสงดาว จากนั้นถ้าเจ้าระเบิดกฎธาตุไฟเป็นลำดับต่อไป มวลธาตุไฟจะมีมวลธาตุไม้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการเกื้อหนุนกันและยิ่งทำให้การโจมตีของรุนแรงมากขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างก็จดจำเอาไว้ในใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถใช้กฎได้แบบนั้นก็ตาม
ส่วนมู่หลงหยาน ในตอนนี้ก็ไม่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว เพราะนางพบว่านางเองยังอยู่ห่างจากการใช้งานเคล็ดวิชานี้ได้อย่างเต็มที่อีกมากโข
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนต่าง ๆ ที่แอบดูสถานการณ์อยู่และหวังจะร่วมการปล้นชิงก็ถูกภาพการโจมตีของมู่หลงหยานเมื่อครู่ทำให้ความกล้าของพวกเขาแตกกระเจิงไปในทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ การเดินทางของหลิงตู้ฉิงจึงราบลื่นไปตลอดจนไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่พวกเขาถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยหนานเทียนก็รีบขอใช้ประตูเคลื่อนย้ายเพื่อกลับสำนักของเขาเองทันที
ถึงแม้ว่าจะมีคนคิดไม่ซื่อกับเขาจริง ๆ และต่อให้เขามีร่างที่เป็นอมตะ เขาก็ไม่อยากจะรั้งอยู่ที่นี่นานเพื่อรอให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นและเขาก็ไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเขามีร่างอมตะโดยไม่จำเป็น
ทางด้านของเหล่าผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้พยายามรั้งเสี่ยหนานเทียนเอาไว้เช่นกัน เพราะพวกเขาเองก็ได้สมบัติจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนมาไม่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปยุ่มย่ามกับเสี่ยหนานเทียน
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ไม่มีแผนจะรั้งอยู่ที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นานเช่นกัน หลังจากที่พวกเขามาถึงและให้มู่หลงหยานติดต่อกับทางนิกายไท่อี้เสร็จ พวกเขาก็เตรียมเดินทางออกไปทันที
“สามี รอบนี้พวกเราได้สมบัติมามากมายเลยทีเดียว เมื่อไหร่ที่เรากลับไปครอบครัวของเราคงพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวเลยล่ะ” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “รอบนี้ทุกคนต่างได้รับผลประโยชน์แน่นอนโดยเฉพาะชาน ข้าได้เตรียมเลือดไว้ให้กับเขามากมาย ซึ่งข้ามั่นใจว่ามันจะต้องเพียงพอให้เขาปลุกสายเลือดของเขาได้มากขึ้นอีกขนานใหญ่แน่นอน”
“อื้ม!” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า
แต่แล้วหลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบประโยคเพียงครู่เดียว จู่ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วทันที
“สามีท่านเป็นอะไร?” เย่ชิงเฉิงรีบถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและตอบกลับทันที “พวกเราต้องรีบไปที่นิกายไท่อี้ทันทีเพื่อไปยังสำนักเต๋าสวรรค์ และหลังจากนั้นพวกเราจะกลับบ้านกันทันที!”
เมื่อครู่ที่เขาเอ่ยถึงหลิงยู่ชาน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้องในทันที
เขารู้สึกได้ว่ามันจะต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่ในเมื่อความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเอ่ยถึงลูกชายคนโตของเขา ดังนั้นปัญหามันจะต้องเกิดกับลูกชายคนโตแน่นอน
ตั้งแต่ที่เขากลับมาเกิดในชีวิตนี้ เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นไม่ว่ามันจะเป็นอะไรเขาจึงต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด
ในเวลาเดียวกัน บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นกับหลิงยู่ชานจริง ๆ