พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 623 ทายาทที่แท้จริงของสวรรค
นับจากวันที่หลิงตู้ฉิงตื่นขึ้น เวลาก็ได้ผ่านไปอีก 2 เดือน
ใน 2 เดือนมานี้ หลิงตู้ฉิงได้ใช้เวลาอยู่กับเหล่าภรรยาของเขาจนครบทุกคน
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปที่ทำให้เหล่าภรรยาของเขามีความสุขมากก็คือพวกนางสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ร่วมของหลิงตู้ฉิงอย่างแท้จริง
ถ้าจะว่ากันตามตรง ก่อนหน้านี้หากพวกเขาจะร่วมเตียงกันมันจะเป็นพวกนางเสมอที่เป็นคนร้องขอ น้อยครั้งมากที่หลิงตู้ฉิงจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน นอกซะจากเขาจะต้องการศึกษาอารมณ์เพิ่มเติมจากพวกนาง
แน่นอนว่าถึงแม้หลิงตู้ฉิงจะมอบสิ่งต่าง ๆ ให้กับพวกนางมากมายไม่ว่าจะเป็น โอสถ สมบัติ เคล็ดวิชา หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ แต่สิ่งเหล่านั้นเขาก็ให้กับพวกนางด้วยเหตุและผลที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ซึ่งมันไม่ใช่อารมณ์เสน่หาที่แท้จริง
ดังนั้นในตอนนี้เมื่อพวกนางสัมผัสได้ว่า หลิงตู้ฉิงมีอารมณ์ความรู้สึกกับพวกนางจริง ๆ พวกนางจึงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก
หลังจากได้ใช้เวลาอยู่เหล่าภรรยาจนพอใจ ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็เข้ามาเยี่ยมหลิงยู่ชานถึงที่เรือนและได้เห็นวิถีชีวิตของทั้งสามพ่อแม่ลูกอันอบอุ่น
แต่แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงยังคงเห็นร่องรอยความเศร้าที่แฝงอยู่ในแววตาของหลิงยู่ชาน
ไม่ว่าจะยังไงการสูญเสียพลังของสายเลือดไปรวมไปถึงการที่เขายังคงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิดของเขา มันทำให้ความรู้สึกของเขาถูกบั่นทอน
แต่มันยังโชคดีที่ในตอนนี้ภรรยาของเขาเพิ่งให้กำเนิดลูกชาย ดังนั้นเขาจึงยังคงสามารถยิ้มได้อยู่บ้าง
“ท่านพ่อ เชิญนั่งลงก่อน!” หลิงยู่ชานและหมิงจู้รีบเอ่ยชักชวนทันทีเมื่อเห็นหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พวกเราครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองกับพ่อให้มากนักหรอก! เอ่อ… หมิงจู้ เจ้าพาเจิ้นฮุยออกไปเล่นก่อนได้ไหม พ่อมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับชานเป็นการส่วนตัวสักหน่อย”
“เข้าใจแล้วท่านพ่อ!” หมิงจู้พยักหน้า จากนั้นนางก็อุ้มลูกเดินออกไป
หลิงตู้ฉิงสร้างกำแพงพลังวิญญาณปกคุลมเขาและหลิงยู่ชานทันที จากนั้นเขายิ้มและพูดกับหลิงยู่ชานว่า “อันดับแรกพ่อขอสารภาพว่า พ่อเองก็ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกลายมาเป็นลูกของพ่อ! เอาล่ะ ถ้าเจ้ามีคำถามใด ๆ ที่ต้องการจะถามตอนนี้เจ้าถามมาได้เลย พ่อจะตอบมันทุกอย่าง!”
หลิงยู่ชานครุ่นคิดอยุ่พักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวท่านกันแน่ ทำไมข้ารู้สึกว่าในบางครั้งท่านก็น่ากลัวมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่นตอนที่อยู่ในเมืองสันเขาทรราช”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เจ้าน่าจะพอเดาออกว่าพ่อคือตัวตนที่กลับมาเกิดใหม่”
หลิงยู่ชานพยักหน้า “พวกเราทุกคนต่างเดาเรื่องนี้ได้ทั้งหมด แต่ว่าท่านพ่อ ทำไมตอนแรกที่ข้าพบกับท่าน ท่านยังดูเหมือนคนปกติอยู่เลย แต่แล้วต่อมาการกระทำของท่านมันก็กลายเป็นแปลกประหลาด แถมจู่ ๆ ท่านกลับแสดงความสามารถที่เหนือล้ำมากมายออกมาได้อีก ท่านเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยหลังจากนั้น”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “บังเอิญว่าในตอนแรกความทรงจำของพ่อยังคงไม่กลับมาน่ะ แต่หลังจากที่ความทรงจำของพ่อกลับมา บุคลิกเดิมของพ่อมันก็เลยกลับมาด้วย ดังนั้นการกระทำของพ่อมันจึงดูประหลาดไปสักหน่อย ส่วนเรื่องความสามารถนั้นพ่อของเจ้าเก่งสุดยอดมาตั้งแต่เดิมอยู่แล้ว!”
“งั้นในอดีตท่านบรรลุไปถึงระดับไหนเหรอท่านพ่อ?” หลิงยู่ชานถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“อืม…ในอดีต…ต่อให้พ่อไม่เป็นอันดับหนึ่งภายในแดนสวรรค์ พ่อก็น่าจะอยู่ที่อันดับสองนั่นแหละ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลิงยู่ชานถึงกับสูดหายใจลึกเมื่อได้ยินเช่นนี้ “แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย!?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ก็ประมาณนั้นนั่นแหละ! แต่เนื่องจากวิถีการบ่มเพาะในชีวิตก่อนหน้านี้ของพ่อมันมีปัญหา พ่อก็เลยต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อเปลี่ยนวิถีการบ่มเพาะ ซึ่งวิถีการบ่มเพาะใหม่ของพ่อนั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่พ่อรับอุปการะพวกเจ้ามาเลี้ยงดู ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองสันเขาทรราชมันเกิดขึ้นเพราะในตอนนั้นหัวใจเต๋าของชีวิตที่แล้วของพ่อมันตื่นขึ้นและเข้าครอบงำพ่อ พ่อก็เลยมีอาการแบบนั้น”
หลิงยู่ชานมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวลและถามว่า “มันจะเกิดขึ้นอีกไหมท่านพ่อ?”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบว่า “พ่อคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้วนะ จากระดับความเข้าใจในเต๋าที่พ่อบ่มเพาะในตอนนี้บวกกับขอบเขตการบ่มเพาะที่พ่อได้ก้าวมาถึง มันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสเลย”
ในตอนนี้เต๋าอารมณ์และไร้อารมณ์ของเขาได้หลอมรวมกันจนสามารถอยู่ร่วมกันได้ และขึ้นรูปทรงเป็นดั่งสัญลักษณ์หยินหยางขาวดำ
ถึงแม้เต๋าทั้งสองจะขัดแย้งกัน แต่มันก็เกื้อหนุนกันและกันไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้
“ค่อยยังชั่วหน่อย!” หลิงยู่ชานพยักหน้า “พูดตามตรง พวกเรากลัวกันมาก ๆ เลยตอนที่เห็นท่านพ่อเป็นแบบนั้น”
หลิงตู้ฉิงได้แต่ยิ้มอย่างเข้าใจ เขาเข้าใจดีว่าตัวตนเก่าของเขานั้นน่ากลัวมาก ๆ ต่อสรรพชีวิตทั้งมวล
หลิงยู่ชานเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาถามต่อ “ท่านพ่อข้ามีอีกคำถามหนึ่ง สรุปแล้วเรื่องของสายเลือดข้ามันยังไงกันแน่? หากข้าไม่ใช่คนของตระกูลเทียนแล้ว ข้าเป็นลูกของใครกัน?”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและตอบกลับ “เจ้าจำได้ไหมว่าพ่อเคยเรียกสายเลือดของเจ้าว่ายังไง?”
หลิงยู่ชานพยักหน้า “ข้าจำได้ ท่านเรียกสายเลือดของข้าว่าสายเลือดทรราชสวรรค์”
“ดีแล้วที่เจ้าจำได้!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “จงอย่าได้ลืมชื่อสายเลือดของเจ้าเชียวล่ะ! ส่วนผู้คนของตระกูลเทียนนั้นที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นลูกหลานของสวรรค์ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย”
“ในความเป็นจริงสายเลือดของพวกเขาถูกสืบทอดมาจากผู้เชี่ยวชาญจากบรรพกาลที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งซึ่งต้องการจะสร้างโลกใบใหม่ แต่เขากลับล้มเหลวจนโลกที่เขาสร้างแตกสลายจนเหลือแต่สถานที่ที่เรียกว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นก็ไม่อาจก้าวข้ามขึ้นไปถึงสวรรค์ได้และตายลงในที่สุด นี่คือเรื่องราวของต้นกำเนิดสายเลือดของตระกูลเทียน”
“ส่วนเจ้าสายเลือดทรราชย์สวรรค์ของเจ้านั้นนับได้ว่าเป็นสายเลือดที่มาจากสวรรค์และนับได้ว่าเป็นทายาทแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง การกำเนิดเกิดขึ้นของตัวเจ้านั้นไม่ใช่การกำเนิดแบบมนุษย์ธรรมดาปกติที่ต้องมีพ่อแม่ในการให้กำเนิด เจ้าคือสิ่งที่สวรรค์ส่งลงมาให้กำเนิดขึ้นหรือไม่อย่างมากที่สุด เจ้าก็อาจจะถูกส่งลงมาสวมชะตาของใครสักคนเพื่อกำเนิดขึ้นมา”
หลิงยู่ชานแสดงสีหน้าอึ้งและหดหู่ในเวลาเดียวกัน หลังจากนั่งนิ่งอยู่สักพักเขาก็ค่อย ๆ ถามว่า “สรุปแล้วข้าไม่มีพ่อแม่งั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับทันที “นี่เจ้าไม่เห็นว่าภรรยาของข้าและข้าเป็นพ่อแม่ของเจ้ารึไง? แต่แน่นอนว่าถ้าเจ้าอยากจะหาให้ได้ว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้า เจ้าก็สามารถนับได้ว่าสวรรค์และโลกนี่แหละที่เป็นพ่อแม่ของเจ้า”
หลิงยู่ชานคิดอยู่อีกพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ลงไปคุกเข่ากับพื้นพลางประสานมือคารวะไปยังหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ขอบคุณท่านพ่อที่ให้ข้าได้เป็นลูกของท่าน!”
หลิงตู้ฉิงพยุงตัวหลิงยู่ชานลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พ่อบอกกับเจ้าไปเมื่อครู่แล้วไงว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองอะไรให้มากมายกับพ่อ!”
หลิงยู่ชานหัวเราะอยู่พักใหญ่ จากนั้นพูดขึ้นต่อ “แต่ว่าท่านพ่อในตอนนี้พลังในสายเลือดของข้าถูกขโมยไปจนหมดสิ้น หากไม่มีพลังของสายเลือดข้าก็คงไม่อาจจะแข็งแกร่งได้เหมือนเดิมอีกแล้ว”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงเลย พ่อเคยบอกเจ้างั้นเหรอว่าพลังสายเลือดของเจ้าที่ก่อนหน้านี้มีอยู่เป็นพลังสายเลือดที่แท้จริงของเจ้า? พลังสายเลือดก่อนหน้านี้ของเจ้ามันบังเกิดขึ้นได้ก็เพราะพ่อนี่แหละที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมาให้กับเจ้า”
“ดังนั้นสิ่งที่พวกสันเขาทรราชขโมยไปจากเจ้ามันก็เป็นเพียงแค่พลังของสายเลือดที่เกิดจากการผสมรวมกันของสายเลือดอสูรทมิฬ อสูรโลหิต สัตว์วิเศษชนิดต่าง ๆ และเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่เจ้าดูดซับมาจากในสนามรบ”
“เจ้าจำได้รึเปล่าว่าเคล็ดการบ่มเพาะสายเลือดทรราชสวรรค์ของเจ้าที่พ่อเคยสอน พ่อสอนไว้ว่ายังไง? แม้เผชิญสวรรค์ก็ไม่ไหวหวั่น ทรราชเท่านั้นที่มีชัย!”
“ตราบใดที่เจตจำนงของเจ้ายังไม่ยอมแพ้ พลังของสายเลือดของเจ้าก็จะสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ และอันที่จริงการที่เจ้าไปที่เมืองสันเขาทรราชมันก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเจ้าจะถูกขโมยพลังของสายเลือดไป เพราะว่าเจ้าเองก็ได้ดูดซับแก่นแท้ของสายเลือดตระกูลเทียนมาจากเส้นชีพจรตระกูลของพวกเขา ซึ่งมันจะส่งผลให้ในอนาคตสายเลือดของเจ้าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก”
“และเดี๋ยวพ่อจะให้เจ้าดูดซับสายเลือดของพ่อเข้าไปด้วย ถึงแม้ว่าเจ้าอาจจะไม่แข็งแกร่งถึงระดับของพ่อ แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้เจ้าสามารถต่อกรกับเหล่าเทพได้แน่นอนและบวกกับสายเลือดต่าง ๆ ที่พ่อได้มาจากการเดินทางออกไปรอบล่าสุด ซึ่งพ่อจะมอบให้เจ้าด้วย แล้วมันจะยิ่งทำให้ในอนาคตของเจ้าจะสามารถบี้ไอ้เด็กตระกูลเทียนที่ขโมยพลังสายเลือดของเจ้าได้อย่างง่ายดายราวกับบี้มดเลยทีเดียว!”
“เอาล่ะ แต่ตอนนี้สิ่งแรกที่เจ้าควรจะทำก็คือการใช้จิตสำนึกที่แข็งแกร่งของเจ้าพยายามควานหาแก่นแท้สายเลือดของตระกูลเทียนที่เจ้าได้มาจากเส้นชีพจรตระกูลของพวกเขาที่อยู่ในร่างกายเจ้าและเปิดใช้งานมันซะ จากนั้นพ่อจะได้ช่วยเจ้าหลอมรวมกับสายเลือดต่าง ๆ ที่พ่อเตรียมไว้ให้เจ้า และสุดท้ายนี้จงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เจ้าคือตัวตนที่เกิดจากสวรรค์ เจ้าไม่มีวันด้อยไปกว่าใครทั้งนั้น!”