พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 653 สืบหาเรื่องประหลาด
ในเมื่อพวกนางกลับมาถึงบ้านเกิดแล้ว แน่นอนว่าพวกนางต้องการอยากได้เรือนของตระกูลพวกนางคืนเป็นอันดับแรก
เรือนที่เคยเป็นของตระกูลเสี่ยวในอดีต มันได้ถูกมอบไปให้กับผู้อื่นยึดครองไปเป็นเวลานานแล้ว
เมื่อได้รับการสนับสนุนเช่นนี้ เสี่ยวเยว่เฟิงก็ตรงไปที่จวนเจ้าเมืองทันทีและเมื่อนางพบกับหานฉี นางก็พูดว่า “เจ้าเมืองหาน ข้าต้องการทวงเรือนตระกูลของข้าคืนและอีกอย่างพ่อแม่ของข้าอยู่ที่ไหน?”
เมื่อเจอแบบนี้ หานฉีก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเสี่ยวเยว่เฟิงจะมาเยือนเขาไวขนาดนี้
เขามองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิง และตอบกลับด้วยสีหน้าใจเย็นว่า “เนื่องจากการทรยศของตระกูลหนิง ดังนั้นเรือนของตระกูลเจ้าจึงถูกยึดไปด้วยเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ในเมื่อการกลับมาครั้งนี้เจ้ามีเหตุผลที่จะมาแก้ต่างเพียงพอ ฉะนั้นข้าจะคืนเรือนของตระกูลเจ้าไปให้กับเจ้าก่อนชั่วคราว ส่วนพ่อแม่ของเจ้า เจ้าควรจะรู้กฎของพวกเราเป็นอย่างดี”
“พ่อแม่ของเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาถูกข้าส่งไปทำงานในเหมืองแทน ซึ่งเดี๋ยวข้าจะให้คนไปพาพวกเขามาพบกับเจ้า แต่เจ้าจงจำเอาไว้ว่าในตอนนี้ข้ายังไม่อาจยืนยันเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าได้เต็ม 10 ส่วน ดังนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะชัดเจน เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากอาณาเขตฟีนิกซ์ เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเสี่ยวเยว่เฟิงจะอยู่แค่ระดับเหนือล้ำ แต่มันก็มีกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังนางบางคนที่เขา หานฉีผู้นี้ซึ่งอยู่ในระดับนภาครามมองไม่เห็นระดับการบ่มเพาะ
ดังนั้นเขาจึงต้องยอมประนีประนอมกับนางก่อน โดยการคืนเรือนและพ่อแม่ของเสี่ยวเยว่เฟิงกลับคืนไป
“พ่อกับแม่ของข้ายังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หานฉีตอบกลับด้วยสีหน้านิ่ง “ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ข้าไม่ฆ่าคนเผ่าพันธุ์เดียวกันหากมันไม่จำเป็น”
ไม่นานต่อมา หานปิงก็พาพ่อและแม่ของเสี่ยวเยว่เฟิงเข้ามา
“ท่านพ่อ ท่านแม่!” เสี่ยวเยว่เฟิงและเสี่ยวหลิงเฟิงต่างร้องเรียกด้วยความดีใจทันที
เสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่าง เมื่อพวกเขามองเห็นว่าลูกสาวของพวกเขาทั้งคู่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็รู้สึกปวดใจทันที
ทำไมลูกสาวของพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? พวกนางถูกจับมางั้นเหรอ?
หานฉีพูดขึ้นว่า “เสี่ยวถิงไห่ เนื่องจากในตอนนี้ความผิดที่ตระกูลของเจ้าทำยังคงไม่แน่ชัดและต้องรอการสอบสวนใหม่ ดังนั้นในตอนนี้เจ้าและภรรยาของเจ้าได้รับการปล่อยตัวก่อนชั่วคราว”
“ขอบคุณมากท่านเจ้าเมือง!” เสี่ยวเยว่เฟิงโค้งคำนับ
ไม่ว่าก่อนหน้านี้นางจะขุ่นเคืองใจขนาดไหน นางก็ยังคงต้องขอบคุณหานฉีที่ไม่สังหารพ่อและแม่ของนางทิ้งไปก่อนหน้านี้
หานฉีไม่ตอบกลับอะไรทั้งนั้น เขาหันไปพูดกับหานปิงว่า “เจ้าจงนำพวกเขาไปยังเรือนที่เคยเป็นของตระกูลเสี่ยว และจัดให้พวกเขาพักอยู่ที่นั่นซะ ส่วนคนที่ยึดครองเรือนอยู่ในตอนนี้เจ้าก็จงจัดหาเรือนให้พวกเขาใหม่”
“ทราบแล้วท่านพ่อ!” หานปิงพยักหน้า
หลังจากนั้น หานปิงก็พาเสี่ยวเยว่เฟิงและคนอื่น ๆ ไปยังเรือนที่เคยเป็นของตระกูลเสี่ยว
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็สังเกตทุกการกระทำของตระกูลหานอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเขาเองก็เห็นอะไรแปลก ๆ หลังจากการสังเกตเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงเรือนของตระกูลเสี่ยวด้วยการจัดการของหานปิง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเรือนตระกูลเสี่ยวก็ยอมย้ายออกไปแต่โดยดี ส่งผลให้ท้ายที่สุดทุกอย่างที่เคยเป็นของตระกูลเสี่ยวก็กลับมาเป็นดังเดิม
ก่อนที่หานปิงจะจากไป เขาก็พูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงอีกครั้ง “ข้าคิดว่าพ่อของข้าได้แจ้งกับเจ้าไปอย่างชัดเจนแล้วว่าในระหว่างสอบสวนเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากอาณาเขตฟีนิกซ์เด็ดขาด จนกว่าทางภูเขาฟีนิกซ์จะสอบสวนสำเร็จ”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า แต่นางก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ในเมื่อนางได้มีโอกาสกลับมาที่นี่พร้อมกับเจ้านายของนาง นางจะต้องกลัวอะไร?
หลังจากหานปิงจากไป เสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่างก็รีบถามเสี่ยวเยว่เฟิงทันที “ลูกรัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้ากลับมาที่นี่อีกทำไม? แล้วเจ้าเมืองยอมคืนเรือนของเราได้ยังไง? และแขกเหล่านี้ที่มากับเจ้าเป็นใครกัน?”
เสี่ยวเยว่เฟิงยิ้มและตอบกลับ “ท่านพ่อ ท่านแม่ นับจากนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องของหนิงเฟิงอีกต่อไปแล้ว และอีกอย่างด้วยคำอนุญาตจากเจ้านายของข้า พวกข้าจะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูง ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือเจ้านายของข้าเอง”
“พวกเราจะได้กลายเป็นชนชั้นสูง?” เสี่ยวถิงไห่ตะลึงงัน
ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้พวกเขายังเป็นนักโทษอยู่เลย แต่ว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะได้เป็นชนชั้นสูงงั้นเหรอ?
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าทุกคนจะได้เป็นชนชั้นสูง แต่ลูกสาวทั้งสองคนของเจ้าจะได้เป็นแน่นอน แต่ถ้าหากพวกเจ้าต้องการที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงด้วยแล้วล่ะก็พวกเจ้าจะต้องผ่านการทดสอบก่อนหรือไม่พวกเจ้าก็ต้องควบแน่นร่างฟีนิกซ์ที่แท้จริงของพวกเจ้าให้ได้ ข้าถึงจะอนุญาตให้พวกเจ้าเข้าร่วมกับชนชั้นสูงของเผ่าฟีนิกซ์”
เสี่ยวถิงไห่และภรรยาต่างส่ายหัวด้วยอาการจนใจทันที พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาคงไม่อาจควบแน่นร่างฟีนิกซ์ที่แท้จริงได้สำเร็จ
“คุณชาย ข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร?” อี้ฉิงฟ่างถามขึ้น “และจะว่าอะไรไหมหากข้าอยากจะทราบว่าคุณชายมีสถานะอะไรถึงสามารถอนุญาตให้พวกเราเข้าร่วมกับชนชั้นสูงของเผ่าได้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “ภูเขาฟีนิกซ์นั้นมีกฎข้อหนึ่งที่ได้ระบุเอาไว้ ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถควบแน่นร่างฟีนิกซ์ที่แท้จริงได้ แต่ถ้าหากพวกเจ้าได้ทำคุณงามความดีใหญ่หลวงให้กับภูเขาฟีนิกซ์ พวกเจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นชนชั้นสูงเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้โอกาสได้มาอยู่ตรงหน้าของพวกเจ้าแล้ว ข้ามีคำถามที่จะถามพวกเจ้า ซึ่งพวกเจ้าต้องตอบคำถามข้ามาตามความจริงห้ามบิดพริ้วแม้แต่น้อย พวกเจ้าไปทำอะไรกันในเหมือง? อ๋อและอีกอย่าง หลังจากนี้ข้าจะต้องเข้าไปในห้วงความทรงจำของพวกเจ้าเพื่อดูสภาพแวดล้อมด้านในเหมืองผ่านสายตาของพวกเจ้าด้วย”
ในตอนที่เสี่ยวถิงไห่ได้ยินว่าเขามีโอกาสที่จะสร้างคุณงามความดี เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาได้ยินหลิงตู้ฉิงถามถึงเรื่องเกี่ยวกับในเหมืองทองคำสีชาด เขาก็รู้สึกสับสนและถามกลับว่า “ก็ที่พวกเราต้องเข้าไปทำงานในเหมืองก็เพราะว่าพวกเราถูกลงโทษไม่ใช่งั้นเหรอ?”
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ข้าหมายถึงว่าระหว่างที่เจ้าอยู่ในเหมืองเจ้ารู้สึกถึงอะไรแปลก ๆ บ้างรึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงแก้ไขความเข้าใจให้กับคู่สามีภรรยา
เสี่ยวเยว่เฟิงรีบพูดเสริมขึ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านแค่ตอบคำถามไปตามที่เจ้านายของข้าถามก็พอ เดี๋ยวนายท่านของข้าจะวิเคราะห์เอง”
ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงพบกับอะไรเข้า แต่นางคิดว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอนและนี่มันเป็นโอกาสที่พ่อแม่ของนางจะได้รับประโยชน์อีกต่างหาก ดังนั้นนางจึงพยายามผลักดันพ่อแม่ของนางให้ดีที่สุด
เสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่างเริ่มจะคิดทบทวนไปถึงภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พวกเขาประสบพบเจอในเหมืองทันที หลังจากผ่านไปสักพักพวกเขาก็เริ่มเล่า “พวกเราถูกขังไว้อยู่แต่ในเหมือง เพื่อความอยู่รอดของพวกเรา พวกเราจึงไม่มีทางเลือกต้องขุดทองคำสีชาดทุก ๆ วัน…”
หลิงตู้ฉิงนั่งฟังเรื่องราวของเสี่ยวถิงไห่และอี้ฉิงฟ่างอย่างเงียบ ๆ จนจบ หลังจากผ่านไปได้พักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็เอ่ยถามขึ้น “พวกเจ้าทั้งสองคนรู้สึกแปลก ๆ บ้างไหมตอนอยู่ในเหมือง? ตัวอย่างเช่นในบางทีจู่ ๆ พวกเจ้าก็รู้สึกหนาวขึ้นมาชั่วครู่หนึ่งอย่างไม่มีเหตุผลหรืออะไรอย่างอื่นที่มันแปลก ๆ”
เสี่ยวถิงไห่ครุ่นคิดทบทวนอยู่อีกสักพัก จากนั้นเขาก็เลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ใช่แล้วคุณชาย บางทีข้าก็รู้สึกว่าจู่ ๆ อากาศมันหนาวขึ้นมาอย่างกระทันหันชั่วครู่หนึ่งแบบที่ท่านบอก หากพูดกับตามหลักแล้วเหมืองทองคำสีชาดนั้นเต็มไปกฎแห่งอัคคี ซึ่งสถานการณ์แบบนั้นมันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยจริง ๆ แต่เหตุการณ์แบบนั้นมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย นาน ๆ ครั้งมันถึงจะเกิดขึ้นสักทีหนึ่ง มันจึงทำให้ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นข้าเองที่สติหลุดไปจากการทำงานอย่างหนักในเหมือง ว่าแต่มันเกิดขึ้นได้ยังไงเหรอคุณชาย”