พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 675 ความรู้สึกสุดท้ายจากชีวิตที่แล้ว
หลิงตู้ฉิงและหวงซียืนอยู่ที่หน้าทางเข้าเหวมรณะ และมองไปที่แดนกระดูกขาวด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ในอดีตที่ผ่านมา หวงซีคิดว่าหากนางได้พบหน้ากับหลิงตู้ฉิงอีกครั้ง นางคงจะมีคำพูดอะไรหลายอย่างที่อยากจะเอ่ยกับเขา
นางอยากจะพูดกับเขาว่านางคิดถึงเขามากแค่ไหน นางรักเขามากแค่ไหน แต่พอมาในตอนนี้นางกลับไม่พูดคำเหล่านั้นออกมาเลย นางคิดว่าแค่เพียงแววตาของนางที่มองไปยังในตาของหลิงตู้ฉิง มันก็มากมายเพียงที่จะอธิบายความรู้สึกที่นางมีให้กับเขามานานกว่า 70,000 ปีจนพอแล้ว
หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากแดนกระดูกขาวและกลับมาเข้ามาในอาณาเขตฟีนิกซ์ พวกเขาก็หาสถานที่ลับตาคน ซึ่งมีแต่พวกเขา 2 คน พลอดรักกันอย่างลึกซึ้งทั้งทางกาย วาจาและหัวใจ
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หวงซีมองที่ใบหน้าของหลิงตู้ฉิง และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอันงดงามว่า “หลายปีที่ผ่านมาท่านหายไปไหนมา?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าขึ้นไปอยู่ที่โลกเบื้องบนน่ะ!”
“อืม ที่แท้ท่านก็ขึ้นไปอยู่บนโลกเบื้องบนนี่เอง” หวงซีพยักหน้า “ข้าก็สงสัยมาตลอดเวลาว่าท่านหายไปอยู่ที่ไหน แต่ถึงแม้ว่าท่านจะหายไปนาน ข้าก็ยังเชื่อมั่นอยู่ในใจลึก ๆ ว่าสักวันท่านจะต้องกลับมาหาข้า”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและลูบหัวนางด้วยความรัก
อันที่จริงเขาเองก็เกือบที่จะไม่ได้กลับมาเช่นกัน
ในเวลานั้นหากเขาก้าวต่อไปอีกเพียงก้าวเดียว เขาจะไม่มีวันกลับมาได้อีกเลย เขาจะกลายเป็นตัวตนที่ไร้ซึ่งอารมณ์และมีชีวิตอยู่เป็นนิรันดร์เพื่อฆ่าฟันเท่านั้น
ในอดีตจุดเริ่มต้นที่เขาเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะไร้อารมณ์อย่างไร้ทางหวนคืนก็คือ หลังจากเหตุการณ์ที่เขาสังหารหมู่เหล่าชีวิตมากมายจนพื้นที่บริเวณสนามรบกลายเป็นแดนกระดูกขาว
ซึ่งหวงซีนับได้ว่าเป็นอารมณ์ความรู้สึกสุดท้ายของเขาที่มีในชีวิตก่อนหน้านี้
จากนั้นเมื่อในชีวิตนี้เขาได้เปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะและได้เจอกับหวงเซียะในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ เขาก็ได้รู้ว่าหวงซียังมีชีวิตอยู่เพราะดวงชะตาของหญิงสาวทั้ง 2 คนบังเอิญผูกกัน เนื่องจากในตอนแรกหวงเซียะได้ถูกตั้งชื่อซ้ำกับหวงซี
ดังนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงรู้ว่าหวงซียังมีชีวิตอยู่ เขาก็ดีใจมากแต่ในตอนนั้นเต๋าอารมณ์ของเขายังคงไม่มั่นคงและอ่อนไหวได้อย่างง่ายดาย เขาจึงไม่กล้าที่จะมาพบกับหวงซีในทันที เพราะเขากลัวว่ามันอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้เกิดขึ้นและพลั้งมือทำร้ายนาง
จากนั้นเมื่อมาถึงปัจจุบันที่เต๋าอารมณ์ของเขาลงตัวแล้ว เขาจึงรีบมุ่งหน้ามาหาหวงซีทันที
หวงซีมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีขออภัยและพูดว่า “สามี ท่านอย่าได้โกรธเคืองพวกคนเหล่านั้นที่พยายามปกปิดเรื่องที่ท่านเคยเป็นนายเหนือหัวจะได้ไหม พวกเขาก็แค่เป็นกลุ่มคนที่กลัวตาย พวกเขาไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงหรอก”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่ได้สนใจตำแหน่งนายเหนือหัวอะไรนั่น! สำหรับข้าหากภูเขาฟีนิกซ์ไม่มีเจ้า ข้าจะไม่มาใส่ใจอะไรมันเลยด้วยซ้ำ”
ถ้าจะให้พูดกันตามหลักการ ไม่ว่าจะยังไงหลิงตู้ฉิงก็ไม่เหมาะที่จะเป็นนายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์อยู่ดี เนื่องจากเขาไม่ใช่เผ่าฟีนิกซ์และถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์เมื่อในอดีต แต่เขาก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งนั้นแค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
เหตุผลที่เขายอมรับตำแหน่งมาก็เพื่อช่วยเป็นผู้นำของเหล่าผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์รบกับ 7 มหาอาณาจักรและ 13 มหาสำนัก โดยอันที่จริงแล้วในความคิดของเขา เขาไม่เคยมีความรู้สึกผูกพันธ์อะไรกับภูเขาฟีนิกซ์หรือมองว่าตัวเองเป็นนายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์แม้แต่น้อย สิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเพราะหวงซีเพียงเหตุผลเดียว
ซึ่งบทสรุปของการรบครั้งนั้นก็คือชัยชนะของหลิงตู้ฉิง และเขาได้ทิ้งมรดกแห่งชัยชนะของเขาเอาไว้ด้วยก็คือแดนกระดูกขาวนั่นเอง!
แต่หลังจากที่หลิงตู้ฉิงหายตัวไปเพื่อเดินไปตามเส้นทางเต๋าไร้อารมณ์ของเขา บรรดาผู้คนของภูเขาฟีนิกซ์ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองขาดเสาหลักที่มั่นคง ส่งผลให้พวกเขาเริ่มหวาดกลัวว่าชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมของหลิงตู้ฉิงจะสร้างหายนะให้กับพวกเขาในอนาคต นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงปกปิดความลับเกี่ยวกับนายเหนือหัวชั่วคราวของพวกเขาเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นรู้อีก และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีคนรู้เรื่องของหลิงตู้ฉิงน้อยมาก ๆ
หวงซีคล้องแขนหลิงตู้ฉิง และพูดกับเขาว่า “ถ้างั้นในเมื่อท่านกลับมาแล้ว และข้าก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นท่านก็ควรจะกลับมาเป็นนายเหนือหัวของที่นี่เหมือนเดิม! ข้าเชื่อว่าไม่มีใครกล้าขัดบัญชาของท่านแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ให้ไช่หยุนเป็นนายเหนือหัวของที่นี่ไปเถอะ!”
“ให้นางเป็นงั้นเหรอ?” หวงซีพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “สามีถึงแม้ว่าข้าจะสัมผัสได้ว่าสายเลือดของนางสูงส่งมาก แต่ข้าก็ยังคิดว่าถ้าเทียบกันกับท่าน ไม่ว่าจะยังไงท่านก็เหมาะสมกว่านาง”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ชีวิตนี้ของข้า ข้ามีลูกมากมาย ซึ่งข้าจำเป็นต้องให้เวลากับพวกเขา ดังนั้นข้าคงไม่สามารถหยุดอยู่ที่ไหนได้นาน ๆ และที่สำคัญสายเลือดของไช่หยุนไม่ใช่แค่สูงส่งธรรมดา แต่นางเป็นลูกสาวของบรรพบุรุษเจ้าหรือถ้ามองจากลำดับขั้นทางสายเลือดแล้ว นางคือผู้ที่มีสายเลือดลำดับที่สองรองจากบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งภูเขาฟีนิกซ์ของเจ้า”
หวงซีอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินเรื่องนี้จากปากของหลิงตู้ฉิง
นางไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดีกับเรื่องนี้…
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หวงซีก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวถ้าข้าไปเจอนาง ข้าไม่ต้องเรียกนางว่าบรรพบุรุษน้อยงั้นเหรอ? แต่นางดันเป็นลูกสาวของท่านและข้าก็เป็นภรรยาของท่าน แล้วแบบนี้ถ้าข้าเรียกนางว่าบรรพบุรุษน้อยมันก็ออกจะ…”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่รู้สึกเหรอว่าหลังจากที่เจ้ากำเนิดใหม่ มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างกับเจ้า? หลังจากที่เจ้ากำเนิดใหม่ ตอนนี้เจ้าได้กลายเป็นฟีนิกซ์เก้ายมโลกไปแล้ว ซึ่งหากจะนับลำดับขั้นทางสายเลือดจริง ๆ ในตอนนี้สายเลือดที่เจ้ามีไม่ได้ด้อยไปกว่าสายเลือดฟินิกซ์เพลิงสวรรค์ของไช่หยุนเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเรียกนางว่าบรรพบุรุษน้อยอะไรนั่นหรอก เจ้าสามารถเป็นแม่ของนางได้อย่างเต็มภาคภูมิ”
หวงซีหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ค่อยโล่งใจหน่อย! เมื่อครู่ข้ากังวลแทบตายกลัวว่าข้าจะไม่กล้าเงยหน้ามองนางเมื่ออยู่ต่อหน้า…ในเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะไม่เป็นนายเหนือหัวของภูเขาฟีนิกซ์ก็ไม่เป็นไร งั้นก็ให้ไช่หยุนเป็นแทนไปก็แล้วกัน!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและเตือนขึ้นว่า “เรื่องสายเลือดของไช่หยุนนั้นเก็บเป็นความลับของพวกเราเท่านั้น เจ้าอย่าเพิ่งเอาไปบอกคนอื่นล่ะ”
หวงซีฝืนยิ้มและพูดว่า “ถ้าหากเปิดเผยเรื่องสายเลือดของนางไม่ได้ ข้าเกรงว่ามันจะต้องมีคนที่คัดค้านแน่นอน แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าจะปรามพวกเขาเองก็แล้วกัน พวกเขาน่าจะฟังคำของข้าอยู่”
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไอ้พวกโบราณพวกนั้นมันหัวทึบกันเกินไป หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงฆ่าพวกมันตายเป็นกลุ่มแรก ๆ จะได้ไม่ต้องมีปัญหามาให้ปวดหัว”
หวงซียิ้มและพูดว่า “ข้ารู้ว่าถึงแม้ท่านจะพูดแบบนี้ แต่ท่านในตอนนี้ก็คงไม่ทำอะไรโหดร้ายแบบนั้นแน่ ๆ ข้าสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของท่านและกลิ่นอายสังหารที่เคยมีอยู่ในตัวท่านเมื่อก่อนเดี๋ยวนี้มันไม่มีอีกแล้ว อันที่จริงข้าก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? มันเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ข้าไม่เข้าใจ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า และจากนั้นเขาก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้กับหวงซีฟัง