พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 693 เบี้ยล่างของเผ่าอสูร
หลงหยา คืออสูรที่เคยเดินทางไปที่สำนักวิญญาณกระบี่เพื่อทำภารกิจกำจัดตงฟางจุน
แต่ด้วยความประมาทของมัน จึงทำให้ตงฟางจุนหนีรอดไปได้ ซึ่งมันเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรนัก เนื่องจากเทพกระบี่นั้นมีศัตรูอยู่มากมายอยู่แล้ว มันจึงแน่ใจว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องมีใครสักคนช่วยมันฆ่าหรือไม่ก็จับตงฟางจุนมาให้กับมันแน่นอน
ดังนั้นมันจึงค่อย ๆ ไล่ตามตงฟางจุนไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้รีบร้อนอะไร จนท้ายที่สุดมันก็ตามมาถึงอาณาเขตวายุ ซึ่งมันได้ข่าวว่าตงฟางจุนถูกปิดล้อมอยู่ที่นี่
ทันทีที่หลงหยามาถึงอาณาเขตวายุ มันก็ตรงไปที่สำนักวายุคลั่งทันทีและถามกับเจ้าสำนักวายุคลั่งหลีต้าฉิง “ตอนนี้สถานการณ์ของเทพกระบี่มีอะไรคืบหน้าบ้าง?”
หลังจากที่สำนักวายุคลั่งถูกทำลายไปเมื่อ 70,000 ปีก่อน บรรดาผู้ที่เหลือรอดต่างก็หนีตายไปขอพึ่งสันเขาหมื่นอสูรให้ช่วยเหลือ ซึ่งในฐานะที่สำนักวายุคลั่งนั้นเชื่อฟังคำสั่งของเหล่าอสูรเรื่อยมา สันเขาหมื่นอสูรจึงตอบรับและช่วยเหลือสร้างสำนักวายุคลั่งขึ้นมาใหม่ ไม่เช่นนั้นสำนักวายุคลั่งคงไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้เร็วขนาดนี้
เมื่อได้ยินคำถามของหลงหยา หลีต้าฉิงผู้ซึ่งเป็นเจ้าสำนักวายุคลั่งรีบตอบกลับในทันที “รายงานผู้อาวุโส ตอนนี้เด็กหนุ่มผู้ที่เป็นเทพกระบี่กลับชาติมาเกิดถูกคนของข้าปิดล้อมติดอยู่ในเหวมรณะมาได้สักพักแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานคนของข้าจะต้องหาเขาเจอแน่นอน”
หลีต้าฉิงไม่กล้าแสดงท่าทีหยาบคายต่อหน้าหลงหยาแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าสำนักของเขาจะฟื้นฟูมาได้เป็นเวลานานพอสมควรจนถึงขนาดมหาวิถีเต๋าของสำนักกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ใช้งานได้ตามปกติ แต่สำนักของเขาก็ยังคงไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิสักคน
ตอนนี้กำลังหลักสำนักของเขามีแค่เพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิแค่ 8 คนเท่านั้น
หลงหยา คืออสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิ ดังนั้นหากหลีต้าฉิงทำให้หลงหยาไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว สำนักของเขาอาจถูกทำลายลงได้อีกรอบและอีกอย่างไม่ว่าจะยังไงตั้งแต่แรกสำนักของเขาก็เป็นเบี้ยล่างของสันเขาหมื่นอสูรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
เมื่อหลงหยาได้ยินเช่นนี้ มันก็หัวเราะชอบใจและพูดว่า “ดี ดี ดี ไหนบอกข้ามาบริเวณไหนที่พวกเจ้าปิดล้อมเทพกระบี่อยู่?”
หลีต้าฉิงรีบตอบกลับ “ผู้อาวุโส คนของข้าทำการปิดล้อมเทพกระบี่อยู่ที่เหวมรณะทางทิศใต้ของอาณาเขตวายุ แต่ถ้าหากจะให้บอกว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงจุดไหนที่ด้านในเหวมรณะนั้นพวกข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน”
“พาข้าไปที่นั่น!” หลงหยาออกคำสั่งทันที “เดี๋ยวข้าจะไปหามันด้วยตัวเอง ขืนข้ารอให้คนอ่อนแออย่างพวกเจ้าหามัน จะต้องอีกกี่ชาติกว่าพวกเจ้าจะหาไอ้หนูนั่นเจอ?”
หลีต้าฉิงรีบผงกหัวและนำหลงหยาไปที่บริเวณที่พวกเขาปิดล้อมตงฟางจุนในทันที จากนั้นเมื่อถึงจุดหมายแล้วเขาพูดว่า “ผู้อาวุโส เทพกระบี่มันอยู่ในบริเวณนี้นี่ล่ะ! ข้าให้คนของข้าปิดล้อมพื้นที่ไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เขาไม่มีทางหลุดรอดออกไปจากที่บริเวณนี้ได้แน่นอน”
หลงหยาพยักหน้า จากนั้นมันส่งเจตจำนงของมันแผ่ลงไปยังเหวมรณะเพื่อควานหาตัวของตงฟางจุน ซึ่งในระหว่างที่มันแผ่เจตจำนงมันก็หัวเราะขึ้นด้วยความสะใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้นี่แหละ เจ้าไม่รอดเงื้อมมือข้าแน่เทพกระบี่!”
แต่แล้วแค่เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นมันก็ต้องหยุดหัวเราะ
เทพกระบี่หายไปไหน?
ทั่วทั้งบริเวณในเหวมรณะมันเจอแต่กลุ่มคนของสำนักวายุคลั่ง ซึ่งกำลังบินไปบินมาสะเปะสะปะไปทั่วเหวมรณะเหมือนคนตาบอด
สีหน้าของหลงหยาเปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดในทันที เมื่อสัมผัสได้ว่าในบริเวณนี้ไม่มีเทพกระบี่ซ่อนตัวอยู่แน่นอน มันหันกลับไปหาหลีต้าฉิง และถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ไหนเจ้าบอกว่าเทพกระบี่ถูกปิดล้อมอยู่ที่นี่ไง ทำไมข้าหามันไม่เจอ!?”
หลีต้าฉิงรีบตอบกลับทันที “แต่ว่าผู้อาวุโส ข้าให้คนของข้าปิดล้อมที่นี่ไว้อย่างแน่นหนาแล้วจริง ๆ นะ! ถึงแม้ว่าไอ้เด็กนั่นมันจะมีเจตจำนงกระบี่ของมันจากชาติที่แล้วติดตัวอยู่ แต่มันก็ใช้เจตจำนงกระบี่เหล่านั้นไปแล้วตั้งมากมายจนในตอนนี้อำนาจที่เหลืออยู่ในเจตจำนงกระบี่เหล่านั้นมันมีอำนาจยังไม่เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เลยด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงมั่นใจว่ามันไม่สามารถหนีรอดออกไปได้แน่นอน”
“พวกเจ้ามันไม่ได้เรื่อง!” หลงหยาตะคอกใส่อย่างไม่อดกลั้นใด ๆ “แค่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้พวกเจ้ายังทำให้สำเร็จไม่ได้ ข้าล่ะเสียดายทรัพยากรต่าง ๆ ที่พวกข้าส่งให้พวกเจ้าเอามาฟื้นฟูสำนักไร้น้ำยาของพวกเจ้าจริง ๆ!”
ถึงแม้ว่าจะโดนดูถูกขนาดนี้ หลีต้าฉิงก็ยังคงไม่กล้าเถียงอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เนื่องจากอสูรที่กำลังตะคอกเขาอยู่เป็นถึงอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิ ถ้าขืนเขาเถียงอะไรออกไป เขาคงน่าจะถูกจับกินในทันที
ดังนั้นเมื่อในเวลานี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าตงฟางจุนหนีรอดออกไปได้แล้ว พวกเขาทั้งหมดจึงหยุดการค้นหาทันที
หลงหยามองไปที่กลุ่มคนของสำนักวายุคลั่ง และจากนั้นเขาพูดกับหลีต้าฉิงว่า “ส่งคนของเจ้าออกไปแกะรอยไอเด็กนั่นว่ามันไปที่ไหน แล้วรีบกลับมารายงานข้าในทันทีหากมีความคืบหน้า!”
หลีต้าฉิงรีบหันไปหาคนของเขาและตะโกนว่า “พวกเจ้าได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสแล้วใช่ไหม? รีบไสหัวออกไปแกะรอยไอ้เทพกระบี่นั่นได้แล้ว!”
บรรดาผู้คนของสำนักวายุคลั่งต่างมองหน้ากันอย่างโง่งม พวกเขาเองก็อยากจะหาร่องรอยของเทพกระบี่เหมือนกัน แต่แผ่นดินตั้งกว้างใหญ่พวกเขาจะหาเจอได้จากที่ไหนกัน?
ใครจะไปรู้ว่าเทพกระบี่หนีไปทางไหน?
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกจนปัญญาพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาต่างพากันแยกย้ายสุ่มออกไปกันคนละทิศคนละทางหวังว่าพวกเขาจะโชคดีเจอร่องรอยอะไรบ้าง
หลีต้าฉิงรีบพูดกับหลงหยา “ผู้อาวุโส ไม่ต้องกังวลไอ้เทพกระบี่นั่นมันคงยังหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานคนของข้าจะต้องหามันเจอแน่นอน แต่ว่าในระหว่างรอข่าว ข้าขอเสนอให้ผู้อาวุโสไปพักผ่อนเพื่อรอข่าวที่สำนักของข้าก่อนดีไหม?”
หลงหยาพยักหน้า “ก็ดี งั้นข้าจะไปพักอยู่ในสำนักของเจ้าก่อนสักพักก็แล้วกัน อ๋อ เตรียมเลือดมาให้ข้าด้วยล่ะ ข้าอยากจะกินมันพอดี!”
หลีต้าฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าคิดว่าช่วงเวลานี้มันคงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสักเท่าไหร่ที่พวกเราจะทำเรื่องแบบนี้กัน เรื่องที่เทพกระบี่หนีไปได้นั้นข้าคิดว่ามันจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ซึ่งถ้าหากมันมีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นอีก ข้าคิดว่าพวกเราทั้งหมดจะต้องแย่แน่ ๆ”
หลีต้าฉิงรู้ดีว่าเลือดในความหมายของหลงหยา คือมนุษย์เป็น ๆ
หลงยาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าไม่ต้องอ้างนู่นนี่นั่นอะไรให้มากความ ข้าไม่ได้ขอร้องเจ้า ข้าสั่งเจ้า! เตรียมเลือดให้ข้า 2,000 ไม่เช่นนั้นข้าจะจับคนของเจ้ามาแทนที่ จงจำไว้ว่านี่คือเหตุผลที่พวกข้ายังคงเลี้ยงพวกเจ้าเอาไว้ พวกเจ้ามีหน้าที่แค่รับคำสั่งทำในสิ่งที่พวกข้าไม่สะดวกจะทำด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็น และอย่าลืมเลือด 2,000 หากขาดไปแม้แต่ 1 หน่วย ข้าจะจับคนของเจ้ามาแทน!”
หลังจากพูดจบ หลงหยาก็ไม่สนใจหลีต้าฉิงอีก มันบินมุ่งหน้ากลับไปที่สำนักวายุคลั่งทันที
หากมันจับผู้คนมากินด้วยตัวเองและมีผู้คนอื่น ๆ รู้เข้าปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นทันที เนื่องจากบรรดาสำนักมหาอำนาจทั้งหลายที่มีมนุษย์เป็นผู้นำจะไม่ยอมทนกับสิ่งนี้และอาจเกิดสงครามใหญ่ขึ้นได้โดยที่สันเขาหมื่นอสูรของมันยังคงไม่พร้อมพอ
แต่ในทางกลับกันถ้าหากมันใช้ให้หลีต้าฉิงแอบจับคนมาให้มันกิน โอกาสที่มันจะถูกจับได้นั้นมันจะมีน้อยเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด
ทางด้านของหลีต้าฉิงก็ทำได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นอยู่คนเดียว เนื่องจากเขาไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย
ความแข็งแกร่งของพวกเขามันต่างกันเกินไป หากเขาต่อต้านสิ่งที่เขาต้องเผชิญก็มีอยู่แค่ 2 แบบ หนึ่งคือตัวเขาโดนจับกิน สองตำแหน่งเจ้าสำนักของเขาถูกแทนที่โดยผู้อื่นที่เผ่าอสูรคิดว่าควบคุมได้ง่ายกว่า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางไหนผลลัพธ์ต่อสำนักของเขามันก็ไม่ต่างกัน
ดังนั้นเมื่อกลับไปถึงสำนัก หลีต้าฉิงจึงออกคำสั่งกับบรรดาศิษย์ของเขาทันที “พวกเจ้าจงประกาศออกไป สำนักของเราจะรับศิษย์ใหม่! พวกเราจะเปิดรับผู้ทดสอบจำนวน 3,000 คน ซึ่งอย่างน้อยพวกเราจะรับคนเข้าร่วมสำนักไม่ต่ำกว่า 1 ใน 10 ส่วนจากผู้ที่เข้าทดสอบทั้งหมด และรอบนี้ข้าต้องการให้กระบวนการทั้งหมดภายใน 1 เดือนทุกอย่างต้องแล้วเสร็จ!”