พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 708 บทลงโทษของการดูหมิ่นสำนัก
ในเวลานี้กลุ่มคนบางกลุ่มของสำนักอักขระศักด์สิทธิ์พร้อมแล้วที่ดำเนินแผนการของพวกเขา
แผนการของพวกเขาก็ง่าย ๆ คือการใช้ข้ออ้างที่หลิงตู้ฉิงจับผู้อาวุโสของสำนักไปเป็นทาสรับใช้เพื่อเอาผิดกับเขาอย่างชอบธรรม แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาไม่ใช่หลิงตู้ฉิง
เป้าหมายของพวกเขาก็คือ เมื่อหลิงตู้ฉิงถูกเล่นงาน ในฐานะที่เย่ชางคงเป็นพ่อตาเขาจะอยู่เฉยได้อย่างไร? และนั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงของกลุ่มคนเหล่านี้
กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการให้เย่ชางคงเป็นผู้ออกหน้ารับแทน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นกลุ่มคนเหล่านี้จะเรียกร้องสมบัติต่าง ๆ ที่เย่ชางคงได้รับมาจากเย่เจียงไห่เพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับหลิงตู้ฉิง
แต่ถ้าหากเย่ชางคงไม่ยินยอม ชื่อเสียงของเย่ชางคงก็จะกลายเป็นป่นปี้เช่นกันและจะทำให้ตำแหน่งเจ้าสำนักของเขากลายเป็นไม่มั่นคง
ต้องรู้ว่าสมบัติต่าง ๆ ที่เย่ชางคงได้มานั้นมันไม่ใช่น้อย ๆ มันมีทั้งโอสถกำหนดเต๋าและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ยังคงต้องการพวกมันเป็นอย่างมาก
สถานการณ์เช่นนี้มันไม่ใช่พวกเขาจะเห็นว่าเย่ชางคงเป็นศัตรู แต่มันเป็นเพียงแค่เพราะพวกเขาทุกคนต่างล้วนต้องการที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่ออนาคตของพวกเขาเอง
“หลิงตู้ฉิง! เอาแค่การได้เป็นลูกเขยของเจ้าสำนักพวกเรามันก็เป็นเกียรติต่อเจ้ามากพอแล้ว แต่นี่เจ้ากลับยังไม่พอใจทำถึงแม้กระทั่งจับตัวผู้อาวุโสของพวกเราไปเป็นทาสรับใช้ คนเช่นเจ้าถ้าหากไม่ถูกลงโทษอะไรเลย สำนักอักขระศักด์สิทธิ์ของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงชอบธรรม
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้เขาได้ออกมาเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้คนของสำนักอักขระศักด์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรตอบกลับไป มู่หลงหยานก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “หยูปิง นี่เจ้าต้องการจะทำอะไร?”
ในเวลานี้เย่ชางคงกำลังอยู่ในช่วงปิดด่านบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกมารับหน้าได้ ตอนนี้จึงมีเพียงแค่มู่หลงหยานเท่านั้นที่ปรากฏกายออกมาจัดการปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
หยูปิง เมื่อเห็นว่ามู่หลงหยานปรากฏกายขึ้น เขาก็พูดต่อทันที “ภรรยาท่านเจ้าสำนัก ในเมื่อท่านมาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว ข้าเองจะได้ขอตั้งคำถามกับท่านด้วย หยูเจิ้นไห่ คือลุงของข้าและตอนนี้เขากลับถูกลูกเขยของท่านจับตัวไปเป็นทาสรับใช้ ข้าอยากจะรู้การกระทำเช่นนี้ที่ลูกเขยของท่านได้ทำลงไปมันยุติธรรมกับตระกูลหยูของข้าตรงไหน?”
มู่หลงหยานแย้งกลับ “แล้วมันไม่ใช่เพราะการกระทำของลุงของเจ้ารึไงที่ส่งผลให้เขาต้องเผชิญกับชะตากรรมอย่างที่เป็นอยู่?”
“ทำอะไรล่ะ? ไม่ใช่ว่าลุงของข้าแค่ขู่ลูกเขยของท่านไม่ใช่เหรอ?” หยูปิงพ่นลมออกจมูก “พวกเราทั้งหมดต่างเป็นคนสำนักเดียวกัน แต่ทำไมในตอนนั้นลูกเขยของท่านกลับช่วยแต่คนของท่านแต่ไม่ช่วยคนของตระกูลข้าบ้าง? แถมท่านเองก็ไม่พูดอะไรอีกต่างหากในเวลานั้น ดังนั้นในเมื่อท่านไม่พูดอะไรแล้วมันผิดตรงไหนที่ลุงของข้าจะเป็นคนออกหน้าเรียกร้องให้ช่วยคนอื่น ๆ ของสำนักแทน? แต่แล้วต่อมาลูกเขยของท่านกลับทำอะไรต่อทุกคนก็คงจะเห็น ซึ่งเมื่อนึกย้อนไปแล้วข้าก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงได้กล้าทำถึงขนาดนั้นหรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะเขามีแรงจูงใจบางอย่างแอบแฝงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ในวันนี้ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ต้องคิดบัญชีกับเขาให้ได้!”
สิ่งที่หยูปิงพยายามจะสื่อก็คือ หากหลิงตู้ฉิงไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเย่ เขาก็คงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแน่นอน
มู่หลงหยานโกรธจนควันแทบออกหู เมื่อนางเห็นว่าหยูปิงพยายามที่จะใส่ความนางและสามี
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็รู้สึกเหนื่อยใจเช่นกัน เมื่อเห็นกลุ่มผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เป็นแบบนี้
“บอกมาเลยก็แล้วกันเจ้าต้องการอะไร?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
หยูปิงพ่นลมออกจมูก “เจ้าต้องปล่อยคนของพวกเราทั้งหมดโดยเฉพาะลุงของข้า รวมไปถึงเจ้าต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับเรื่องที่เจ้าดูหมิ่นพวกเราสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แล้วถ้าหากว่าข้าไม่ปล่อยคนและไม่จ่ายค่าชดเชยอะไรทั่งนั้นล่ะ เจ้าจะทำอะไรข้า?”
หยูปิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ ข้าคงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากกักบริเวณเจ้าให้อยู่ภายในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ในตำแหน่งที่พวกเราเป็นผู้กำหนด!”
พวกเขาไม่กล้าที่จะสังหารหลิงตู้ฉิงเช่นกัน เพราะพวกเขายังไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ถ้าหากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่พวกเขาฆ่าหลิงตู้ฉิง สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาคงต้องเผชิญกับหายนะใหญ่แน่นอน ดังนั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาคือการจับหลิงตู้ฉิงไปขังเอาไว้ เพื่อกดดันให้เย่ชางคงยอมมอบสมบัติให้กับพวกเขา
“เจ้าไม่กลัวสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของข้างั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงยิ้มและถามกลับ
หยูปิง ซึ่งกำลังคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบสุดขีดเมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง แต่แล้วแค่เพียงชั่วครู่เดียวจู่ ๆ สีหน้าของเขาก็กลับมามั่นใจอีกครั้ง และตอบกลับว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะสามารถเรียกใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นได้อย่างใจนึก มันก็แค่ชอบเจ้าเพราะเจ้ารู้วิธีย่างเนื้อให้มันก็เท่านั้น หรือไม่ถ้าเจ้าแน่จริง เจ้าก็ลองเรียกมันมาตอนนี้เลยเป็นไง หากเจ้าเรียกมันมาได้จริง ข้าจะยอมกราบเจ้าตรงนี้เลยคอยดู!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ก็จริง เจ้าพูดถูกแล้วข้าเรียกมันมาไม่ได้หรอก”
ด้วยระยะที่ห่างไกลขนาดนี้ เขาจะส่งข่าวไปหามันได้ยังไง? และอีกอย่างในตอนนี้เขามีง้าวเทวะพินาศจำลองอยู่ในมืออยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยของเขาในตอนนี้นั้นไม่ได้น่าเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อยหรือต่อให้เขาจะเรียกมันมาจริง ๆ มันก็คงอาจจะไม่มาเพราะมันรู้ดีว่าไม่ว่าจะยังไงด้วยง้าวเทวะพินาศจำลองที่อยู่ในมือหลิงตู้ฉิง มันก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นไหมข้าว่าแล้วว่าเจ้าไม่มีปัญญาเรียกมันมาหรอก!” สีหน้าของหยูปิงผ่อนคลายลงในทันที ซึ่งใครหลายคนในกลุ่มของเขาก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายลงเช่นกัน
ในตอนแรกพวกเขาทุกคนต่างก็กังวลเรื่องของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กันทั้งนั้นว่ามันจะโผล่มาหรือเปล่า แต่ในตอนนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดเองว่าเขาเรียกมันมาไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาก็โล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง
“เอาล่ะ ถ้างั้นตอนนี้เจ้าก็จงเลือกมาว่าจะทำตามข้อเรียกร้องของข้าดี ๆ หรือว่าจะยอมรับการลงทัณฑ์จากข้า!” ท่าทีของหยูปิงในเวลานี้เริ่มจะดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
ในเมื่อตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าหลิงตู้ฉิงเรียกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาไม่ได้ ดังนั้นเขาจะต้องไปกลัวอะไร?
แต่ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้ตอบอะไร เสียงของเย่ชางคงก็ดังขึ้น “หยูปิง ข้าจำไม่ได้ว่าข้าเคยแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักนะ ทำไมวันนี้เจ้าถึงได้ทำตัวเกินหน้าที่ของเจ้ากัน?”
เมื่อสิ้นเสียง ร่างของเย่ชางคงก็ปรากฏขึ้น
“สามี นี่ท่านบ่มเพาะเสร็จแล้วงั้นเหรอ?” มู่หลงหยานจงใจถามขึ้น “ว่าแต่ตอนนี้ท่านก้าวหน้าไปขนาดไหนแล้วหลังจากใช้เวลาเก็บตัวไปนานขนาดนี้?”
เย่ชางคงหัวเราะ “ถึงแม้ว่าข้าจะเก็บตัวเป็นเวลานานแต่มันก็คุ้มค่า! ตอนนี้ข้าได้ก้าวมาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว!”
เย่ชางคงจงใจเอ่ยเตือนบรรดาผู้คนของเขาอย่างอ้อม ๆ ว่า ในตอนนี้เขาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิระดับสูงสุดแล้ว หากพวกเจ้าต้องการจะทำอะไรก็จงคิดหน้าคิดหลังกันให้ดี ๆ!
แต่ในทางกลับกัน เหล่าผู้คนกลับไม่ค่อยจะใส่ใจว่าเย่ชางคงแข็งแกร่งขึ้นมากสักเท่าไหร่ สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลก็คือเย่ชางคงใช้โอสถต่าง ๆ ที่เขาได้มามากไปขนาดไหนในการบ่มเพาะต่างหาก!
ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิระดับสูงสุดแล้ว ถ้างั้นโอสถที่เหลือเจ้าก็แบ่งให้พวกข้าได้แล้วใช่ไหม?
เมื่อคิดว่ามีหลายคนที่สนับสนุนอยู่ พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวต่อระดับการบ่มเพาะของเย่ชางคงสักเท่าไหร่ และพูดกับเย่ชางคงด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านเจ้าสำนักมาก็ดีแล้ว ความผิดของหลิงตู้ฉิงนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก โปรดท่านเจ้าสำนักให้ความยุติธรรมกับพวกเราโดยการลงโทษเขาให้สาสม และอีกอย่าง ท่านเจ้าสำนักอย่าลืมให้เขาจ่ายค่าชดเชยเรื่องที่เขาดูหมิ่นสำนักของเรามาด้วย!”