พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 74 นายหญิงปริศนา[รีไรท์]
บทที่ 74 นายหญิงปริศนา[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิงและกงหยูที่พยายามกลับเรือนด้วยความรีบร้อน เมื่อใกล้จะถึงเรือน กงหยูสังเกตเห็นกลุ่มพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากทิศทางที่เรือนหลิงตั้งอยู่
“นายท่าน?” กงหยูพูดด้วยความแปลกใจ
หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดูเหมือนเรือนของข้าจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือน”
หลังจากพวกเขามาถึงหน้าเรือนแล้ว หลิงตู้ฉิงโบกมือขึ้น 2-3 ครั้งเพื่อปรับแต่งค่ายกล จากนั้นจึงพากงหยูที่กำลังแสดงสีหน้าสงสัยเดินเข้าไปด้านใน
หลิงตู้ฉิงและกงหยูเข้ามายังในเรือน
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้กงหยูตกตะลึง เขาเห็นทุกคนที่อยู่ในลานกลางเรือนยืนแข็งค้างไม่ไหวติง!
ผู้คนที่ยืนแข็งเหล่านั้นมีทั้งบรรดาผู้คุ้มกันเรือนหลิง ซ่งเหวินเถา ไร้เงา และนอกเหนือจากคนที่เขาคุ้นหน้ายังมีอีก 7 คนที่น่าจะเป็นผู้บุกรุก ทุกคนที่ถูกหยุดการเคลื่อนไหวยืนแสดงท่าทางต่าง ๆ ในช่วงวินาทีก่อนที่จะถูกทำให้แข็งค้าง บางคนยืนแข็งในท่วงท่ากำลังจะแทงอาวุธ บางคนออกท่วงท่าปล่อยหมัด บางคนยืนถืออาวุธด้วยสีหน้าอันเหี้ยมเกรียม
แต่เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ กงหยูเห็นความเคลื่อนไหวหนึ่งอยู่ตรงระเบียงทางเดิน
ความเคลื่อนไหวนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหลิงยู่ชานที่กำลังคอยหลิงตู้ฉิงกลับเรือน
“แล้วน้อง ๆ ของเจ้าล่ะ?” หลิงตู้ฉิงที่เห็นหลิงยู่ชานนั่งอยู่ เขาตะโกนถาม
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงกลับมา หลิงยู่ชานรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว! พวกน้อง ๆ พากันไปเข้านอนหมดแล้วท่านพ่อ”
“พวกเจ้านี่ช่างกล้าหาญกันจริง ๆ” หลิงตู้ฉิงชมเชย “เอาล่ะ เอาเหรียญตรามาให้พ่อก่อน พวกเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ตรงนี้พ่อจัดการเอง เจ้ารีบไปนอนเถอะ”
หลิงยู่ชานพยักหน้าอย่างว่าง่ายและยื่นเหรียญตราไปให้กับหลิงตู้ฉิง จากนั้นเขาจึงหมุนตัวเดินกลับไปเข้าห้องนอน
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้รับเหรียญตรามา เขาก็เริ่มคลายสะกดให้กับทุกคนในเรือนหลิงยกเว้นผู้บุกรุกที่ยังยืนแข็งค้างอยู่
เมื่อไร้เงาขยับตัวได้ เขามองไปยังผู้บุกรุกที่กำลังยืนแข็ง ตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าในอดีตตอนที่เขาถูกหลิงตู้ฉิงสะกดให้ขยับไม่ได้นั้น น่าจะเป็นเพราะค่ายกลที่วางไว้รอบบริเวณเรือนหลิง
ในช่วงเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจิ้นบุกเข้ามา หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกขึ้นในเรือน นางเป็นคนท้าย ๆ ที่ออกมาจากห้องนอนเพื่อที่จะออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในระหว่างที่นางเพิ่งเดินพ้นประตูห้องออกมา นางได้ถูกสะกดความเคลื่อนไหวไปเรียบร้อยแล้ว นางจึงไม่ทราบว่าในเรือนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อหลุดจากพันธนาการ นางถามหลิงตู้ฉิงด้วยความสับสน “นายท่าน เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร แค่มีคนบางกลุ่มพยายามบุกรุกเรือนเรา” หลิงตู้ฉิงอธิบาย “เจ้าไปนอนต่อเถอะ”
เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงอธิบาย ความคิดหนึ่งก็แวบผ่านเข้ามาในหัวนางทันที “นายท่าน ข้า…ข้ารู้สึกกลัวจังเลย…คืนนี้ข้าขอเข้าไปนอนด้วยได้ไหม?”
“เจ้านี่มันขี้กลัวยิ่งกว่าเด็กเสียอีก” หลิงตู้ฉิงมองนางด้วยอารมณ์ขบขัน พลางพยักหน้าตกลงให้หลิวเฟ่ยเฟ่ยมานอนกับเขาได้
กงหยูที่เหลือบมองไปยังหลิงตู้ฉิงเดินกลับห้องของเขาไปด้วยรอยยิ้ม
สำหรับบรรดาผู้บุกรุกที่ยืนแข็งค้างอยู่กลางลาน หลิงตู้ฉิงยังคงปล่อยพวกเขายืนค้างไว้อย่างนั้นยังไม่ได้จัดการอะไรต่อ เขาวางแผนไว้ว่าเมื่อถึงเช้าเขาค่อยสั่งให้โม่หยูถังและบรรดาผู้คุ้มกันจัดการกับคนพวกนี้อีกที
หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่เข้ามาในห้องนอนของหลิงตู้ฉิงแล้ว ในเวลานี้นางพอจะรู้นิสัยของหลิงตู้ฉิงว่าไม่ชอบการถูกรบกวน นางจึงไม่ได้พยายามที่จะยั่วยวนหลิงตู้ฉิงเหมือนตอนแรก ๆ ที่นางรู้จักเขา นางวางแผนไว้ว่าจะคอยอยู่ใกล้ชิดกับเขาให้ได้มากที่สุดจนเขาเริ่มเปิดใจให้นางดั่งเช่นสำนวน ‘น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน’
คืนนี้หลิวเฟ่ยเฟ่ยจึงทำเพียงแค่ล้มตัวลงนอนข้างหลิงตู้ฉิงและหลับไป
ในขณะที่หลิวเฟ่ยเฟ่ยกำลังนอนฝันดีอยู่ข้างหลิงตู้ฉิง กลับมีอยู่หนึ่งคนที่ยังนอนไม่หลับ
คน ๆ นั้นคือ มี่ไล
คืนนี้นางนอนค้างอยู่คฤหาสน์ตระกูลตนเอง
ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรนางกลับนอนไม่หลับ นางเฝ้าแต่คิดเสียดายว่าทำไมนางถึงไม่เข้าหาหลิงตู้ฉิงตั้งแต่วันแรกที่พ่อของนางให้นางย้ายไปอยู่ที่เรือนหลิง
นางกำลังเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองมัวแต่ช้าเกินไปจนทำให้หลิวเฟ่ยเฟ่ยตัดหน้านางได้เสียกับหลิงตู้ฉิงไปก่อน ส่งผลให้ตอนนี้ฐานะของนางที่หวังจะได้เป็นภรรยาหลวงหล่นลงมากลายเป็นภรรยาน้อยแทน
นางเอาแต่กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาบนเตียงจนเผลอหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
มี่ไลที่วันนี้ตื่นค่อนข้างสาย นางรีบลุกขึ้นจากเตียง เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยนางจึงรีบวิ่งไปหาพ่อของนาง “ท่านพ่อ ท่านเตรียมของทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“พ่อเตรียมไว้ให้แล้ว พ่อขอชมว่าเจ้าฉลาดมากที่พยายามเข้าหาปรมาจารย์หลิงทางลูก ๆ ของเขา ซึ่งนี่นับว่านี่เป็นวิธีการที่ดี ของทั้งหมดอยู่ในนี้แล้วเจ้าจงรับไป” หลังจากพูดจบมี่ตั้วตั้วยื่นแหวนมิติที่ภายในบรรจุเต็มไปด้วยเสื้อผ้าราคาแพง แก้วแหวนเงินทอง วัตถุดิบอาหารชั้นเลิศ และรวมไปถึงของเล่นต่าง ๆ มากมาย
ของทั้งหมดที่อยู่ในนี้มี่ไลได้เตรียมไว้เพื่อมอบให้กับบรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงเพื่อซื้อใจพวกเขา และยังมีเสื้อผ้าชุดสวยงามที่นางเตรียมไว้ให้กับหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ตอนนี้มี่ไลคิดไปเองว่าหลิวเฟ่ยเฟ่ยเป็นภรรยาของหลิงตู้ฉิงแล้ว เพื่อแสดงความเคารพ
เมื่อได้ยินคำพูดพ่อของนาง มี่ไลก็ทำได้แต่คิดอย่างข่มขื่นในหัวใจที่นางไม่สามารถเป็นภรรยาหลวงได้ เมื่อรับแหวนมิติมาแล้วนางจึงรีบออกเดินทางกลับเรือนหลิงทันที
หลังจากที่มี่ไลออกไปได้ไม่นาน แม่ของมี่ไลได้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหามี่ตั้วตั้ว “ทำไมที่ห้องของลูกสาวเราถึงว่างเปล่า ของในห้องของนางหายไปไหนหมด นี่นางเก็บของวางแผนจะไปอยู่ที่นู้นโดยไม่กลับมาที่นี่แล้วหรือไง?”
มี่ตั้วตั้วนั่งอึ้งอยู่สักพัก จากนั้นเขาได้หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดี ดีจริง ๆ เกิดเป็นลูกข้ามันต้องแบบนี้! ตัดสินใจได้เด็ดขาดมากลูกพ่อ ฮ่าฮ่าฮ่า”
แม่ของมี่ไลเมื่อได้เห็นมี่ตั้วตั้วออกอาการดีใจอย่างบ้าคลั่งนางตะคอกใส่เขาด้วยอารมณ์โมโห “นี่ท่านเป็นพ่อประสาอะไร สนับสนุนให้ลูกสาวตัวเองไปอยู่บ้านผู้อื่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน นี่ท่านพยายามจะหาประโยชน์จากลูกสาวของท่านแบบนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือไง?”
มี่ตั้วตั้วมองไปที่ภรรยาของเขาและเอ่ยตอบ “ข้าต้องการให้ลูกสาวของข้ามีอนาคตที่ดีข้าผิดตรงไหน? ปรมาจารย์หลิงนั้นมีคุณสมบัติดีพร้อมในทุกด้าน ไม่เพียงแต่ชีวิตของนางจะสุขสบายแต่ตระกูลของเราเองก็จะได้รับผลประโยชน์ที่มากมายตามไปด้วย”
แม่ของมี่ไลเมื่อนางได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ของมี่ตั้วตั้ว นางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นางทำได้แต่จ้องเขม็งไปยังมี่ตั้วตั้วด้วยความโกรธ
ทางด้านของมี่ไล นางได้กลับมาถึงเรือนหลิงในเวลาเดียวกับที่ชั้นเรียนของถังชี่หยุนเพิ่งจบลงไม่นานนัก
สำหรับบรรดาผู้บุกรุกที่เคยยืนแข็งอยู่กลางลานนั้นหายไปหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยการจัดการของโม่หยูถังรวมไปถึงบรรดาผู้คุ้มกัน
หากมองจากมุมของคนภายนอก ไม่มีใครมีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นในเรือนหลิง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และก็จบไปอย่างเงียบ ๆ นักฆ่าที่ลอบเข้ามาอย่างลับ ๆ ก็ถูกฆ่าตายไปแบบลับ ๆ เช่นกัน…
มี่ไลที่ไม่ได้รู้เรื่องราวใด ๆ ที่เกิดเมื่อคืนนี้ ตอนนี้กำลังเริ่มแจกจ่ายสิ่งของที่ตัวเองนำมาให้กับทุกคน คนแรกที่นางเดินไปหาคือหลิงยู่ชาน “ยู่ชาน เจ้าเลิกฝึกหมัดสักครู่ได้ไหมมาลองเสื้อผ้าใหม่ที่น้าเอามาให้ก่อน… และทุกคนเลย เข้ามาเร็ว มารับเสื้อผ้ากันไป น้าเตรียมไว้ให้ครบสำหรับทุกคนเลย และไช่หยุน น้าซื้อลูกอมรสนมที่เจ้าชอบมาให้ด้วยนะ มาเอาไปสิ…ว่านถิง น้าซื้อปิ่นปักผมมาให้เจ้านะ มาดูสิ มันสวยมากเลย….”
พวกเด็ก ๆ มองมี่ไลอย่างแปลกประหลาดสลับกับมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความงุนงง พวกเขารับสิ่งของมาจากมี่ไลทั้งที่ไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
เมื่อเสร็จจากแจกของให้เด็ก ๆ แล้วก็ถึงคราวของผู้ใหญ่ มี่ไลได้เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง “นายท่านข้าได้นำชุดอย่างดีมาให้ท่านด้วย ท่านลองสวมมันไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุข
มี่ไลนางมีความสุขอย่างมากที่เห็นสีหน้าอันพึ่งพอใจของหลิงตู้ฉิง จากนั้นนางจึงเดินไปหาหลิวเฟ่ยเฟ่ย “นายหญิง ข้าได้เตรียมชุดอันงดงามพร้อมกับสร้อยคอไว้ให้ท่านด้วย โปรดท่านลองพิจารณาดู”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยมองไปยังมี่ไลด้วยอาการตกตะลึงอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “มะ แม่นางมี่ไล ข้าคิดว่าท่านกำลังเข้าใจผิดนะ ข้าไม่ใช่ภรรยาของนายท่าน ข้าเป็นเพียงแค่สาวรับใช้ก็เท่านั้น”
“เอ๊! เจ้าไม่ได้เป็น…ของเขางั้นหรือ แล้วถ้างั้นใครคือนายหญิงของเราล่ะ?” มี่ไลกล่าวออกมาด้วยอาการตกใจ
มี่ไลคิดว่าตอนนี้คู่แข่งที่อยู่ตรงหน้าของนางนั่นน่ากลัวแล้ว แต่นี่นางยังต้องมีคู่แข่งอีกคนที่น่าจะเหนือกว่าอีกงั้นหรือ?
แต่ยังไงก็ตาม การกระทำของมี่ไลในวันนี้สร้างคะแนนความนิยมของนางต่อคนในเรือนหลิงอย่างล้นหลาม และเป็นการประกาศทางอ้อมให้ทุกคนรู้ว่านางต้องการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับหลิงตู้ฉิงให้มากขึ้นกว่าเดิม
มี่ไลเมื่อได้รู้ว่านางเข้าใจผิดคิดว่าหลิวเฟ่ยเฟ่ยเป็นนายหญิง นางก็ต้องการสืบหาต่อว่าแท้จริงแล้วนายหญิงตัวจริงคือใคร
นางจึงเริ่มจากการไปถามหลิงว่านถิง และต่อด้วยเด็กทุก ๆ คนที่อยู่ในเรือน แต่น่าเสียดายข้อมูลเพียงอย่างเดียวที่นางได้รับมาคือผู้หญิงคนนั้นชื่อจ้าวเหมิงลู่ ส่วนประวัติความเป็นมาของจ้าวเหมิงลู่นั้นยังคงคลุมเครือ
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะขนาดหลิงตู้ฉิงที่เป็นคนพบกับจ้าวเหมิงลู่คนแรกยังไม่รู้เลยว่าจ้าวเหมิงลู่เป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือมีฐานะอะไรในเมืองหลวง
เมื่อตอนนี้นางไม่ได้รับข้อมูลอะไรเพิ่มเติม นางจึงปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน นางตั้งใจว่านางจะพยายามสร้างความพึงพอใจให้หลิงตู้ฉิงให้มากที่สุดระหว่างที่นายหญิงปริศนายังไม่ปรากฎตัว
เทียบกับสถานะการณ์ตอนนี้ของเรือนหลิงที่สงบสุข ตอนนี้บรรยากาศในตระกูลเจิ้นแทบจะลุกเป็นไฟ
ทุกคนในตระกูลเจิ้นตอนนี้มีสีหน้าที่กังวลใจอย่างมาก พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป…