พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 771 พฤติกรรมที่ไม่อาจควบคุม
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงรู้ตัวดีว่าเขาได้ทำอะไรลงไปหลายอย่างซึ่งแต่ละอย่างมันก็ไม่งามสักเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือเขาเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
ในความปราถนาทั้งหกที่เขาถูกกระตุ้น เขาสามารถควบควบคุมความปรารถนาในการฆ่าได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนความปรารถนาในราคะเขาก็ไม่มีปัญหาเช่นกั นเพราะชีวิตนี้เขามีภรรยาอยู่แล้วหลายคนเขาจึงเข้าใจมันดี
แต่ว่าความปรารถนาอีก 4 อย่างที่เขายังควบคุมพวกมันไม่ได้ก็คือ ปรารถนาที่จะลิ้มรส ปรารถนาที่จะโดดเด่น ปรารถนาที่จะรื่นรมย์ และสุดท้ายความละโมบ
เมื่อชีวิตที่แล้ว เขาไม่เคยที่จะใส่ใจในเรื่องของการเป็นจุดเด่นเพราะไม่ว่าเขาจะไปปรากฏกายที่ไหน เขาย่อมกลายเป็นจุดสนใจอยู่แล้ว เพราะความแข็งแกร่งและความโหดเหี้ยมของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมีประสบการณ์รู้สึกปรารถนาในเรื่องอยากเด่นอยากดังมาก่อน
ส่วนเรื่องความปรารถนาที่จะรื่นรมย์ ชีวิตที่แล้วเขาร่อนเร่พเนจรตัวคนเดียวไปเรื่อย เขาไม่มีทั้งครอบครัวหรือสหายใด ๆ ดังนั้นคนอย่างเขาจะไปรู้จักความรื่นรมย์ได้ยังไง?
แม้แต่ตำหนักไร้หทัยก็เป็นบรรดาลูกศิษย์ของเขาทั้งนั้นที่สร้างขึ้นมาให้กับเขาในภายหลัง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้เขารื่นรมย์อะไร
และถ้าจะพูดถึงเรื่องความละโมบ ตลอดทั้งชีวิตไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ เขาทำตามกฎการแลกเปลี่ยนเท่าเทียมมาโดยตลอด ซึ่งถึงแม้ในบางครั้งคู่ค้าของเขาอาจจะไม่ทันได้แลกเปลี่ยนกับเขาเนื่องจากถูกเขาฆ่าตายไปก่อน เขาก็จะหยิบไปแค่เพียงสิ่งของที่เขาต้องการจะแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นเขาจะไม่แตะต้องเลย
ความปรารถนาเหล่านี้จริง ๆ แล้วมันปะทุขึ้นตั้งแต่ที่เขาเห็นหน้าราชาเทพมารหกปรารถนาแล้ว แต่บังเอิญว่าในตอนนั้นครอบครัวของเขายังคงยืนมองอยู่และด้วยคำสอนของถังชี่หยุนที่เขายังคงจำขึ้นใจ เขาจึงพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้
แต่แล้วเมื่อครอบครัวของเขาจากไป เขาจึงหมดความจำเป็นที่จะอดกลั้นความปรารถนาของเขาที่ถูกกระตุ้น จนตอนนี้การกระทำของเขามันก็เลยกลายเป็นดูเหมือนไม่ใช่ตัวเขา
ทางด้านของเหล่าผู้ติดตามหลิงตู้ฉิงก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่ด้วยความจงรักภักดี พวกเขาจึงยังคงยอมทำตามถึงแม้ว่าคำสั่งบางอย่างมันจะดูเว่อวังไปหน่อยก็ตามที
โม่หยูถังพุ่งเข้าไปหาผู้พิทักษ์เต๋าของโม่หยุนทันทีด้วยง้าวเทวะพินาศจำลองในมือ ส่วนอุลบาเองก็พุ่งตัวไปหาโม่หยุนเพื่อจัดการฆ่าตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งมา
ในตอนแรกที่อุลบาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงแสดงท่าทีแปลก ๆ เขาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วเมื่อหลิงตู้ฉิงสั่งให้เขาฆ่าโม่หยุน และตบท้ายประโยคว่าจะลงโทษเขาหากเขาทำไม่ได้ มันก็ทำให้เขากลัวจนหัวลุกเพราะตอนที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยว่าจะลงโทษ สีหน้าของเขามันดูไม่โอบอ้อมอารีเหมือนอย่างเคย
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าอาจารย์ของตัวเองในตอนนี้ค่อนข้างจะไม่ปกติ อุลบาจึงต้องทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะฆ่าโม่หยุนให้ได้เร็วที่สุด
เขารีบพุ่งไปหาโม่หยุนแบบไม่คิดชีวิตและใช้ทักษะพลังจิตก่อกวนโม่หยุนก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเขาก็เข้าประชิดตัวปล่อยให้โม่หยุนโจมตีร่างของเขา ซึ่งแน่นอนว่าจุดที่โดนโจมตีเขาก็เปลี่ยนให้เป็นร่างวิญญาณ และจากนั้นเขาก็ชกเข้าไปที่หัวของโม่หยุนดับชีวิตโม่หยุนภายในการโจมตีเดียว
เมื่อฆ่าเสร็จ อุลบาก็รีบแบกร่างไร้วิญญาณของโม่หยุนมาหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “อาจารย์ ข้าฆ่าเขาได้แล้ว!”
“ฆ่าได้ดีมาก!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะดังลั่น “เจ้านี่ช่างรู้ใจอาจารย์จริง ๆ ที่เอาศพมันมาด้วย วิชามหาเวทย์สูบโลหิต!”
หลิงตู้ฉิงเรียกเอาจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างของหมิงยู่ออกมา จากนั้นเขาก็ใช้มันเก็บเลือดของโม่หยุนไปจนหมด
ทางด้านของอุลบา เมื่อเห็นว่าเลือดในร่างของโม่หยุนถูกสูบไปจนหมดแล้ว เขาก็โยนซากศพที่เหือดแห้งทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
ตัดมาที่ด้านของโม่หยูถัง ซึ่งในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจสวรรค์ขอบเขตจักรพรรดิด้วยความลังเล
ส่วนทางด้านของปีศาจสวรรค์ขอบเขตจักรพรรดิก็ไม่ได้ใส่ใจโม่หยูถังสักเท่าไหร่ ในตอนนี้เป้าหมายของเขาคืออยากจะฆ่าหลิงตู้ฉิงมากกว่า เพราะหลิงตู้ฉิงเป็นตัวต้นเหตุทำให้ทั้งบรรพบุรุษและอัจฉริยะเผ่าของเขาตาย แต่ในเมื่อโม่หยูถังมาขวางทางเขาไว้แบบนี้ เขาจึงจำเป็นต้องโจมตีโม่หยูถังก่อนโดยการปล่อยสายฟ้าฟาดเข้าใส่
โม่หยูถัง ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพราะระดับการบ่มเพาะของเขากับคู่ต่อสู้มันต่างกันเกินไป และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่รู้ว่าง้าวเทวะพินาศเล่มนี้มันใช้ยังไงเช่นกัน..
แต่แล้วเมื่อเขาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามโจมตีมาแล้ว เขาจึงลองเสี่ยงโดยการโคจรพลังวิญญาณของตนเองใส่ลงไปในง้าวเทวะพินาศจำลอง และจากนั้นเขาก็ปักง้าวลงไปที่พื้นด้านหน้าและใช้มันในการต้านทานการโจมตีที่ปล่อยเข้ามา
แน่นอนว่าง้าวเทวะพินาศไม่ทำให้โม่หยูถังผิดหวังแม้แต่น้อย เมื่อสายฟ้าสองสายพุ่งเข้ามาถึงง้าวเทวะพินาศ สายฟ้าทั้งสองสายก็สลายหายไปในทันทีราวกับพลังของพวกมันถูกลบล้างออกไปดื้อ ๆ
เมื่อเห็นว่าง้าวเทวะพินาศใช้ได้ผลขนาดนี้ โม่หยูถังก็เริ่มมีกำลังใจขึ้น เขาลองถอนง้าวเทวะพินาศขึ้นมาจากพื้น และลองเขวี้ยงมันไปหาปีศาจสวรรค์ขอบเขตจักรพรรดิแบบสุดแรง
เมื่อถูกเขวี้ยงออกไป ง้าวเทวะพินาศก็ทำงานได้เป็นอย่างดี มันพุ่งเข้าหาเป้าหมายของมันอย่างแม่นยำบดขยี้ร่างของปีศาจสวรรค์ขอบเขตจักรพรรดิจนแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี และจากนั้นมันก็ลอยกลับไปหาโม่หยูถัง
ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้คนที่อยู่ในจัตุรัสเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าง้าวเล่มนั้นมันคือสุดยอดอาวุธ
หากผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำยังสามารถใช้มันฆ่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิได้อย่างง่าย ๆ แล้วถ้าเป็นพวกเขาล่ะ?
เมื่อถูกความโลภเข้าครอบงำเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่อดใจไม่ไหวหลายคนก็พุ่งตัวเข้าไปหาโม่หยูถังทันที
พวกเขารู้ดีว่าในตอนนี้โม่หยูถังได้ใช้พลังของตัวเองไปจนหมดแล้วเพื่อสังหารปีศาจสวรรค์ขอบเขตจักรพรรดิ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะชิงง้าวเทวะพินาศ!
แต่แล้วก่อนที่โม่หยูถังจะได้ทำอะไรเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขัน หลิงตู้ฉิงก็เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม “พเนจรไร้จำกัด!”
แค่เพียงพริบตาร่างของหลิงตู้ฉิงปรากฏขึ้นบังโม่หยูถัง จากนั้นเขาคว้าง้าวเทวะพินาศและเหวี่ยงมันเข้าใส่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ 3 คนที่กำลังจะพุ่งมาถึง ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามหัวหลุดออกจากบ่าทันที
“มหาเวทย์สูบโลหิต!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้น
จากนั้นเลือดในร่างไร้หัวทั้งสามก็ถูกสูบออกจนหมดอย่างรวดเร็ว และที่ถูกทิ้งให้กองอยู่ที่พื้นราวกับขยะ
หลิงตู้ฉิงถือง้าวในมือพร้อม ๆ กับกวาดสายตาไปยังเหล่าผู้คนพลางหัวเราะและพูดว่า “พวกเจ้านี่มีสายตาไม่เลวเลยทีเดียวที่มองออกว่าอาวุธของข้านั้นล้ำค่าแค่ไหน! แต่ว่าหากพวกเจ้าต้องการที่จะขโมยอาวุธของข้าแล้วล่ะก็ ราคาของการทดลองขโมยของของข้านั้นคือชีวิตของพวกเจ้า! เอาล่ะตอนนี้ได้เวลาคิดบัญชีแล้ว เมื่อครู่ข้าเห็นนะว่าพวกเจ้าทั้งหมดต่างอยากได้ของของข้า แม้กระทั่งไอ้พวกเจ้าหนูทั้งหลายที่อยู่บนเวทีนั่นก็ยังออกอาการตัวสั่นอยากกระโจนเข้ามาแย่งเหมือนกันกับคนอื่นเช่นกัน ใช่ไหมเจ้าพวกเด็กน้อย?”
บรรดาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 9 คนต่างรู้สึกกระอักกระอ่วน เพราะเมื่อครู่พวกเขาก็มีความคิดที่จะอยากได้ง้าวเทวะพินาศของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน แต่พวกเขาไม่กล้าร่วมวงแย่งด้วยเพราะพวกเขารู้ตัวดีว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ
ส่วนบรรดาผู้คนที่อยู่ในจัตุรัส เมื่อพวกเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิได้ง่าย ๆ ราวกับเชือดไก่ไปแล้ว 4 คน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือต่ออีก แต่แน่นอนว่าในใจของพวกเขายังคงไม่ยินยอมและกำลังรอโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะลงมืออีกรอบ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับ หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพุ่งตัวขึ้นไปบนเวทีไปปรากฏกายที่ด้านข้างเหมิงชิวปิง และจับไหล่นางไว้ไม่ให้ขยับไปไหนและพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่เถียง งั้นที่ข้าพูดมันก็ถือว่าเป็นเรื่องจริงถูกต้องไหม? เอาล่ะตอนนี้ได้เวลาลงโทษโจรอย่างพวกเจ้าแล้ว! ไหนใครเป็นผู้อาวุโสของนางก้าวออกมาให้ข้าเห็นหน้าชัด ๆ หน่อย!”
ทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิของเผ่าวิญญาณอเวจีก็รีบก้าวออกมาจากฝูงชนทันทีและพูดว่า “พวกเราขอยอมรับผิด พวกเราขออภัยท่าน โปรดท่านใจเย็นลงก่อนและปล่อยทายาทของพวกเราเถอะ”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและตอบกลับทันที “ปากของเจ้าบอกขออภัยข้า บอกว่ายอมรับผิดกับข้า แต่ทำไมข้ายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในใจของเจ้าไม่ยินยอม? ดูสิ ในใจของเจ้ามันยังร่ำร้องอยู่เลยว่า ‘ว้าวข้าอยากได้ง้าวนั่นจังเลย! ถ้าข้าได้ง้าวนั่นข้าจะต้องไร้เทียมทานแน่ ๆ เลย!’ เนี่ยข้ารู้สึกได้ว่าเจ้ากำลังคิดแบบนี้อยู่ข้าสัมผัสได้!”
“แต่ก็เอาเถอะ ๆ ในเมื่อเจ้าเองก็ยอมรับผิดมาแล้ว ข้าก็ไม่อยากจะทำอะไรให้มันยุ่งยากกับเจ้ามากเกินไป เอาเป็นว่าเจ้าก็ปลอบใจข้าสักหน่อยด้วยสมบัติที่ดีที่สุดที่เจ้าพกอยู่ตอนนี้มาให้ข้าสักชิ้น แล้วข้าจะแกล้งทำเป็นว่าเจ้าไม่อยากได้อาวุธของข้าก็แล้วกัน แต่เจ้าห้ามเล่นตุกติกหยิบของอะไรก็ไม่รู้มาให้ข้านะ ไม่อย่างนั้นถ้าข้าต้องไปค้นตัวของเจ้าเองเมื่อไหร่แล้วก็ มันจะไม่ใช่แค่สมบัติเพียงอย่างเดียวที่เจ้าจะเสีย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าผู้คนของเผ่าวิญญาณอเวจีต่างแสดงสีหน้าเดือดดาลกันในทันที แต่แล้วเมื่อพวกเขามองไปที่ศพของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่เหือดแห้งอยู่ที่พื้นไม่ไกล พวกเขาก็ค่อย ๆ หยิบผลึกสีดำขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาและโยนไปให้กับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าน่าเกลียด
“ว้าว พวกเจ้านี่ร่ำรวยกันจริง ๆ ถึงขนาดมีผลึกวิญญาณระดับสูงสุดอยู่ในมือซะด้วย!” หลิงตู้ฉิงพินิจมองไปที่ผลึกก้อนสีดำที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าพึงพอใจ จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวเหมิงชิวปิง และค่อย ๆ เดินไปหาผู้ผ่านการคัดเลือกคนถัดไป