พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 783 หุ่นอาชูร่าโลหิต
หลิงตู้ฉิงใช้เวลาในการแกะสลักมากกว่า 1 เดือน จนสุดท้ายแล้วเขาก็ได้หุ่นไม้แกะสลักมา 4 ตัว
หุ่นไม้แกะสลักเหล่านี้แต่ละตัวมีความสูงราว 1 ฝ่ามือ และมีอักขระโบราณสลักอยู่บนพวกมันเป็นจำนวนมาก
แต่ว่าการแกะสลักหุ่นไม้ทั้ง 4 ตัวนี้ขึ้นมา หลิงตู้ฉิงต้องสละพลังวิญญาณที่เขาเก็บสั่งสมไว้ในห้วงทะเลวิญญาณถึง 4 ใน 10 ส่วน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการกระทบกับเส้นทางบ่มเพาะในอนาคตของเขา หลิงตู้ฉิงจึงตั้งใจว่าจะไม่แกะสลักหุ่นไม้เหล่านี้อีกเด็ดขาดหากไม่จำเป็นจริง ๆ
“ในที่สุดข้าก็แกะสลักเสร็จสักที เจ้าจงไปนำตัวคนของสำนักเขาขจีผู้นั้นมาให้ข้าที” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเสร็จจากสิ่งที่เขาทำแล้ว อี้ลั่วเอ๋อจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวลทันที “นายท่าน ตอนนี้พวกเราไปที่ป่าภูตนางฟ้าได้แล้วรึยัง?”
หลิงตู้ฉิงลูบหัวอี้ลั่วเอ๋อ “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้แล้วพวกเราจะไปทันที”
ในเวลาเดียวกัน ซวนหยวนจู่ก็นำตัวปาชี่หงเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านผู้ส่งสาสน์ ข้านำตัวเขามาแล้ว!”
เมื่อปาชี่หงพบหน้ากับหลิงตู้ฉิงอีกครั้ง เขาก็รีบเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ามีความหวังทันที “คุณชายพร้อมที่จะให้ข้านำทางแล้วไม่ใช่ไหม?”
อันที่จริงปาชี่หงก่นด่าหลิงตู้ฉิงอยู่ในใจมากมาย เพราะเขาถูกกุมตัวอยู่เดือนกว่าแต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่กล้าบ่นอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เนื่องจากผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิงแต่ละคนนั้นมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขามากมาย หากขืนเขาบ่นอะไรออกไปเขาอาจจะไม่รอดชีวิตก็ได้จริงไหม?
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้อย่างหนึ่งก็คือ นับจากที่หลิงตู้ฉิงรู้ว่าเขาและสำนักของเขาบังอาจจับตัวเหล่าภูตนางฟ้าไปทำทารุณกรรม ชะตาชีวิตของเขาและสำนักของเขาก็ได้ถูกหลิงตู้ฉิงกำหนดให้ตายเรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินปาชี่หงถามขึ้น หลิงตู้ฉิงก็หัวเราะและพูดว่า “ข้ากับพวกของข้าจะไปที่นั่นเร็ว ๆ นี้แหละ แต่ก่อนที่พวกข้าจะไป ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยอะไรข้าสักเล็กน้อย เจ้าจงรับหุ่นไม้แกะสลักตัวนี้ไป และใช้เลือดกับดวงวิญญาณเชื่อมต่อกับมันให้ข้าหน่อย อ๋อ อย่าพยายามถ่วงเวลานะตอนนี้ข้ากำลังรีบ!”
ทางด้านของปาชี่หง เมื่อมองไปที่หุ่นไม้แกะสลักในมือของหลิงตู้ฉิง เขาก็มีความรู้สึกไม่ค่อยจะดีกับมันทันที
“คุณชาย ระดับการบ่มเพาะของเหล่าผู้ติดตามท่านอยู่ในระดับไหนกัน? ท่านรู้รึเปล่าว่าในสำนักของข้ามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิอยู่!” ปาชี่หงพยายามขู่
หลิงตู้ฉิงกรอกตา “ข้ารู้! เจ้ารีบทำตามที่ข้าสั่งได้แล้วมันเสียเวลา!”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่สนใจในคำขู่ของเขาเลย ปาชี่หงก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เข้าไปใหญ่ เขาไม่อยากจะทำตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งเลยแม้แต่น้อย แต่ในความเป็นจริงเขาก็ไม่มีทางเลือกมากอะไร เพราะเหล่าผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิงล้วนแข็งแกร่งกว่าเขา ต่อให้เขาขัดขืนไปสุดท้ายเขาก็คงเจ็บตัวเปล่า ๆ
และอีกอย่างเขาก็คงต้องสละแค่เลือดกับเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณแค่นิดหน่อยเท่านั้นใช่ไหม?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ปาชี่หงจึงรับหุ่นไม้แกะสลักมาจากมือของหลิงตู้ฉิง และเริ่มส่งเลือดและเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณของเขาเข้าไปในมัน
แต่แล้วในทันทีที่เลือดและดวงวิญญาณของเขาเชื่อมกับหุ่นไม้แกะสลัก ปาชี่หงก็รู้สึกได้ทันทีว่าหุ่นไม้แกะสลักตัวนี้ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเขา แม้แต่ดวงวิญญาณของเขาที่ในตอนแรกเข้าไปในหุ่นเพียงเศษเสี้ยว แต่จู่ ๆ ตัวหุ่นกลับดูดดวงวิญญาณของเขาไปจนหมดโดยที่เขาไม่อาจต่อต้านได้ จนความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่สติของเขาจะเลือนรางหายไป เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป แต่มันเป็นของหุ่นไม้แกะสลัก!
นั่นคือความรู้สึกที่ปาชี่หงรู้สึก แต่สำหรับคนอื่น ๆ ที่มองอยู่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ เมื่อปาชี่หงรับหุ่นไม้แกะสลักมาแล้วและส่งเลือดพร้อมกับวิญญาณเข้าไปในมัน ร่างของหุ่นไม้แกะสลักก็กลับกลายเป็นมีเลือดเนื้อขึ้นมาจริง ๆ และเปิดเปลือกตาของมันออกจนเห็นดวงตาสีแดงก่ำอยู่ด้านใน
“จงเข้าไปที่สำนักเขาขจีและนำตัวเหล่าภูตนางฟ้าที่ถูกจองจำอยู่ที่นั่นออกมาหาข้าให้หมด!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
“รับบัญชา!” หุ่นไม้แกะสลักหรือก็คือหุ่นอาชูร่าโลหิตตอบรับทันที
จากนั้นหุ่นอาชูร่าโลหิตก็ลอยเข้าไปหลอมรวมร่างกับปาชี่หง และร่างของปาชี่หงก็พุ่งตัวบินไปยังสำนักเขาขจีด้วยความเร็วสูงสุดทันที
ทุกคนที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ต่างก็รู้สึกตกตะลึง ยกเว้นคนเดียวที่รู้สึกตื่นเต้นซึ่งก็คือ หมิงยู่ เพราะนางเข้าใจดีว่าหุ่นอาชูร่าโลหิตนั้นคืออะไร
ตอนนี้อี้ลั่วเอ๋อรู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงเสียเวลาแกะสลักหุ่นไม้ปริศนานั่นไปเพื่ออะไร นางรีบโผตัวเข้าไปกอดหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ขอบคุณนายท่านที่เมตตาคนของเผ่าข้า!”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “การที่ข้าพาเหล่าคนของเจ้ากลับมาเพียงอย่างเดียวมันจะเพียงพอได้ยังไง? ในเมื่อสำนักเขาขจีกล้าเล่นงานเผ่าของเจ้า ดังนั้นพวกเขาจำป็นต้องได้รับโทษอย่างสาสมและข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นว่าหุ่นอาชูร่าโลหิตนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เดี๋ยวรอข้าแปลงโฉมสักครู่หนึ่งก่อน!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงแปลงโฉมตัวเองกลายเป็นชายหนุ่มที่มีสีหน้าซีดเซียวและมีกลิ่นอายเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญที่บ่มเพาะเต๋าโลหิต
หมิงยู่เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงแปลงโฉมเป็นแบบนี้ .. นางจึงรู้สึกประหลาดใจและถามขึ้นว่า “นายท่าน นี่ท่านเปลี่ยนร่างของท่านเป็นร่างโลหิตอมตะได้ยังไงกัน?”
ในสายตาของนาง ตอนนี้กลิ่นอายของหลิงตู้ฉิงนั้นไม่แตกต่างอะไรจากร่างที่แท้จริงของนางที่อยู่ในสระโลหิตเลยแม้แต่น้อย
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ก็ถ้าหากข้าต้องการใช้อำนาจของหุ่นอาชูร่าโลหิตในระดับสูงสุด ข้าก็จำเป็นต้องมีร่างโลหิตอมตะเหมือนเจ้า เอาล่ะตอนนี้เจ้าเอาจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้าที และจากนั้นก็เข้ามารวมร่างกับข้าเหมือนอย่างที่เคย”
แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งเพื่อกลายร่างของเขาเป็นร่างโลหิตอมตะ
ทางด้านของหมิงยู่ เมื่อนางได้ยินคำสั่งนางก็รีบยื่นจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ให้กับหลิงตู้ฉิงทันที จากนั้นนางก็รวมร่างของนางเข้ากับร่างกายของหลิงตู้ฉิง ซึ่งในทันทีที่นางรวมร่างกับเขา นางก็รู้สึกว่ามันเหมือบนางได้กลับไปรวมร่างกับร่างที่แท้จริงของนาง
หลิงตู้ฉิงยืนถือจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในมือและส่งกับทุกคนทันที “เอาล่ะมุ่งหน้าไปที่สำนักเขาขจีกันได้แล้ว!”
หลงเฉินเมื่อได้ยินคำสั่งเขาก็รีบลากรถมังกรมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกับที่ร่างของปาชี่หงบินไป
ในเวลาเดียวกันที่สำนักเขาขจี ตอนนี้ร่างของปาชี่หงได้เดินทางไปถึงเรียบร้อยแล้วด้วยสีหน้าเร่งรีบ จนคนในสำนักต่างอดไม่ได้ที่จะหยุดถามเขา
“ผู้อาวุโส วันนี้ท่านเป็นอะไรกัน? ทำไมถึงได้ดูเร่งรีบนัก?”
ถึงแม้ว่าจะมีคนถามเขาเช่นนี้หลายคน แต่ปาชี่หงก็ไม่ได้สนใจที่จะตอบกลับเลยแม้แต่น้อย เขารีบมุ่งหน้าไปหาเจ้าสำนักของเขา ตี๋เหรินหาวในทันทีและถามว่า “ศิษย์พี่ ภูตนางฟ้าของท่านตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว?”
“เจ้าถามถึงทำไมกัน?” ตี๋เหรินหาวถามกลับด้วยสีหน้างุนงง
“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากขอยืมมันจากท่านเพื่อมาเล่นสนุกสักหน่อย” ปาชี่หงหัวเราะ
ตี๋เหรินหาวพูดขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญว่า “เจ้าซื้อเอาเองไม่ได้รึไง? ยิ่งตอนนี้ป่าภูตนางฟ้ากำลังวุ่นวาย ข้าคิดว่ามันน่าจะยิ่งหาซื้อง่ายขึ้นไม่ใช่รึไง?”
“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วศิษย์พี่ แต่ตอนนี้ข้าอยากเล่นเลยนี่นา ท่านก็รู้ว่ากว่าที่ข้าจะไปหาซื้อได้สักตัวมันก็ต้องใช้เวลาจริงไหม?” ปาชี่หงตอบกลับ
ตี๋เหรินหาวแสดงสีหน้าเหนื่อยใจและพูดว่า “เอาล่ะก็ได้ ๆ ข้าเองก็เบื่อมันแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวข้าจะให้เจ้ายืมไปเล่นสนุก!”
เมื่อพูดจบ ตี๋เหรินหาวก็เดินไปนำตัวภูตนางฟ้าของเขาออกมาและผลักภูตนางฟ้าตนนั้นให้กับปาชี่หง
ปาชี่หงขมวดคิ้ว “นี่ท่านเล่นซะจนสภาพของมันดูไม่ได้เลย!”
“เจ้าจะเอาไหม? ถ้าเจ้าไม่ชอบงั้นข้าเอาคืนก็ได้นะ!” ตี๋เหรินหาวพ่นลมหายใจ
“เอา ๆ ศิษย์พี่ข้าเอา!” ปาชี่หงรีบคว้าร่างของภูตนางฟ้าและบินจากไปหาคนในสำนักคนอื่นที่มีภูตนางฟ้าอยู่ในครอบครองทันที
“พี่เหมา ข้าขอซื้อภูตนางฟ้าของท่านในราคา 10 เหรียญผลึกจักรพรรดิได้ไหม?” ปาชี่หงถามผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิในสำนักของเขา
“ไม่ใช่ว่าเจ้ามีอยู่แล้วตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิถามกลับ
“ท่านดูสภาพของภูตนางฟ้าที่ข้ามีตอนนี้สิว่ามันเละเทะขนาดไหน ด้วยสภาพขนาดนี้ข้าจะไปเล่นจนหนำใจได้ยังไง? แต่ภูตนางฟ้าของท่านตอนนี้ยังดูมีสภาพใช้ได้อยู่เลย เอาเป็นว่าท่านขายให้ข้าเถอะ ด้วยราคานี้ท่านได้กำไรเห็น ๆ จริงไหม?”
“เอ่อ…เอางั้นก็ได้ข้าขายให้เจ้า!”
ปาชี่หงเมื่อได้ภูตนางฟ้ามา 2 ตนแล้วเขาก็รีบพุ่งตัวไปหาคนต่อไปทันที
“ศิษย์น้องฉี ภูตนางฟ้าของเจ้าอยู่ไหนงั้นเหรอ?” ปาชี่หงถามขึ้น
“ตายไปแล้ว!”
“อ๋อ!”
“……”
ปาชี่หงวิ่งไปทั่วสำนักเขาขจีจนท้ายที่สุดเขาก็ได้ภูตนางฟ้ามา 5 ตน ซึ่งมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ยอมมอบภูตนางฟ้าให้กับเขา ส่วนภูตนางฟ้าตนอื่น ๆ ที่เหลือนั้นล้วนตายไปหมดแล้ว
หลังจากนั้นปาชี่หงจึงบินออกจากสำนักเขาขจีพร้อมกับภูตนางฟ้า 5 ตน เพื่อกลับไปพบกับหลิงตู้ฉิงที่รออยู่ไม่ห่างจากสำนักเขาขจีนัก
สภาพของภูตนางฟ้าทั้ง 5 ตนนั้นนับได้ว่าย่ำแย่เป็นอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกนางเห็นอี้ลั่วเอ๋อในเวลานี้อยู่กับกลุ่มของหลิงตู้ฉิง แววตาของพวกนางก็ยิ่งกลายเป็นเศร้าหมองมากยิ่งขึ้น
องค์หญิงของพวกนางท้ายที่สุดก็ตกอยู่ในมือของพวกมนุษย์ด้วยเหมือนกันงั้นเหรอ?