พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 796 ตัวแทนป่าภูตนางฟ้า
หลังจากที่ซวนหยวนตู่ถูกชี้แนะเรื่องราวต่าง ๆ ทางโลกโดยหลิงตู้ฉิงเพิ่มเติม เขาจึงรู้ว่าเขาจำเป็นต้องมอบสินสอดให้กับเผ่าภูตนางฟ้าด้วย
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาตอนนี้ไม่ได้นำสมบัติใด ๆ ติดตัวกันมาเลยเพราะพวกเขาไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ พวกเขาจึงไม่มีอะไรอย่างอื่นจะมอบให้กับเผ่าภูตนางฟ้านอกซะจากความปลอดภัยที่พวกเขาจะมอบให้ได้
แต่โชคดีที่ในเวลานี้เผ่าภูตนางฟ้ากำลังขาดความผู้เชี่ยวชาญระดับสูงพอดี ดังนั้นภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 3 ตนจึงนับได้ว่าเป็นการแสดงน้ำใจที่เหมาะสมที่สุดที่เขาจะสามารถจะทำให้ได้ในเวลานี้แล้ว
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างใหญ่หลวงเมื่อได้ยินคำพูดของซวนหยวนตู่
ภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 3 ตนงั้นเหรอ? นี่เผ่าภูตดินวางแผนจะทำอะไรกับเผ่าของนางหรือเปล่า?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงพร้อมส่งสายตาสอบถามความเห็นของเขาว่านางควรตกลงดีไหม
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าตกลงแทนเผ่าภูตนางฟ้า แต่เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นข้าจะให้ภูตดินทั้งสามของเจ้าลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์เอาไว้ด้วยก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยองค์เหนือหัว!” จักรพรรดินีภูตนางฟ้าหัวเราะ
ด้วยสัญญากฎสวรรค์ นางจึงสามารถโล่งใจได้ว่าในอนาคตจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
หลังจากนั้นป่าภูตนางฟ้าก็จัดงานแต่งใหญ่โตมโหฬารขึ้นอีกครั้ง เพราะรอบนี้สาว ๆ ของเผ่าภูตนางฟ้าจำนวน 300 กว่าตนได้ถูกส่งตัวเป็นเจ้าสาวให้กับเหล่าภูตดินทั้งห้า ซึ่งแน่นอนว่ารอบนี้จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็ไม่ลืมที่จะประกาศเรื่องของสินสอดที่เหล่าภูตดินมอบให้นั้นคืออะไร เพื่อให้เผ่าของนางรู้สึกยินดีมากยิ่งขึ้น
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อจัดการเรื่องยิบย่อยเหล่านี้เสร็จแล้วเขาจึงกลับไปบ่มเพาะต่อ ก่อนหน้านี้เขาบ่มเพาะร่างโลหะเสร็จแล้วตอนนี้เขากำลังจะบ่มเพาะร่างธาตุไม้ต่อ
แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้เริ่มบ่มเพาะร่างธาตุไม้ เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยการมาถึงของเหรินฉิงชาน ซึ่งนำประตูเคลื่อนย้ายมาติดตั้งที่ป่าภูตนางฟ้า
แต่การมาในครั้งนี้ของเหรินฉิงชานนั้นเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีกคนหนึ่งมากับเขาด้วย
“ฝ่าบาท ประตูเคลื่อนย้ายที่ทางเราสัญญาเอาไว้ว่าจะนำมาติดตั้งให้กับท่านได้เดินทางมาถึงแล้ว” เหรินฉิงชานพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “และผู้ที่มากับข้าด้วยในครั้งนี้ก็คือนายช่างระดับปรมาจารย์ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเรา เมื่อมีเขาติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายให้กับท่าน ข้ามั่นใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นอย่างแน่นอน”
ในตอนนี้จักรพรรดินีภูตนางฟ้าพยายามข่มความเกลียดชังที่นางมีต่อผู้คนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์เอาไว้สุดฤทธิ์เพื่อที่นางจะสามารถร่วมมือทำสิ่งต่าง ๆ กับหอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้
เพื่อการพัฒนาป่าภูตนางฟ้าของนาง นางจำเป็นที่จะต้องฝังความแค้นทุกอย่างเอาไว้ในใจ และยิ่งไปกว่านั้นในใจของนางก็รู้ดีว่าเรื่องที่ลูกสาวของนางโดนจับไปขายนั้นมีคนในหอการค้าเชื่อมสวรรค์เป็นส่วนน้อยที่รู้เรื่องและส่วนใหญ่ยังพอคบค้าได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงยิ้มและตอบกลับไป “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รบกวนให้พวกท่านช่วยไปติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายที่พระราชวังของข้าด้วยก็แล้วกัน”
นางไม่กังวลในเรื่องของความปลอดภัยหากประตูเคลื่อนย้ายจะถูกนำไปติดตั้งในพระราชวัง เพราะนางตั้งใจว่าจะให้ภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิทั้งสามเป็นผู้เฝ้ามัน และแน่นอนว่าเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว หากหลิงตู้ฉิงว่างเมื่อไหร่ นางก็จะขอให้เขามาช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยอีกที และให้เขาช่วยเชื่อมพิกัดของอาณาจักรจันทราให้ด้วย
ในระหว่างที่พวกของเหรินฉิงชานยุ่งอยู่กับการติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายเวลาก็ผ่านไปอีก 3 ปี ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมานี้ในที่สุดจักรพรรดินีก็ตัดสินใจได้ว่านางจะมอบที่ดินจุดไหนให้กับหอการค้าเชื่อมสวรรค์เพื่อเอาไว้ใช้ก่อสร้างสาขาขึ้นในป่าภูตนางฟ้า
แน่นอนว่าจักรพรรดินีภูตนางฟ้าตัดสินใจว่าที่ตั้งสาขาของหอการค้าเชื่อมสวรรค์นั้นอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังของนางนัก เพื่อที่นางจะได้สามารถติดต่อค้าขายได้อย่างสะดวก
และแล้วเมื่อประตูเคลื่อนย้ายติดตั้งเสร็จ จักรพรรดินีจึงไปเข้าพบหลิงตู้ฉิง และพูดกับเขาว่า “องค์เหนือหัว ตอนนี้ประตูเคลื่อนย้ายติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว องค์เหนือหัวโปรดช่วยตรวจสอบให้กับพวกเราที”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเมื่อเขาไปตรวจสอบประตูเคลื่อนย้ายได้สักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า “มันไม่มีปัญหาอะไร พวกเจ้าสามารถใช้งานมันได้ไม่ต้องกังวล เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะใช้ผลึกวิญญาณของข้าเปิดใช้งานมันให้และเชื่อมต่อพิกัดของอาณาจักรจันทราเข้ากับประตูเคลื่อนย้ายของเจ้า หลังจากนี้หากเจ้ามีปัญหาอะไร เจ้าก็สามารถส่งคนของเจ้าไปติดต่อกับลูกชายของข้าได้”..
จักรพรรดินีภูตนางฟ้ายิ้มและตอบกลับ “ถ้างั้นข้าให้ลั่วเอ๋อรับหน้าที่เป็นตัวแทนไปติดต่อกับอาณาจักรจันทราของลูกชายท่านดีไหมองค์เหนือหัว?”
“แล้วแต่เจ้า เรื่องนี้เจ้าสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้เลย” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ถึงแม้ว่าข้าจะเคยเป็นเจ้านายของบรรพบุรุษเจ้า แต่เรื่องภายในของเจ้าข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซงอะไรด้วย และหลังจากที่ข้าเปิดใช้งานประตูเคลื่อนย้ายให้เจ้าแล้ว ข้าจะกลับไปบ่มเพาะต่อทันที”
“ขอบพระทัยองค์เหนือหัว!” จักรพรรดินีภูตนางฟ้าโค้งคำนับ
หลังจากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงจัดการเรื่องประตูเคลื่อนย้ายเสร็จ จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็พาเขาไปที่ห้องนอนของนางเพื่อให้เขาได้บ่มเพาะร่างธาตุไม้ตามความต้องการอย่างสงบ
ถัดมาอี้ลั่วเอ๋อก็รับหน้าที่เป็นตัวแทนเผ่าภูตนางฟ้า จากนั้นนางก็นำคณะเดินทางของนางเดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายไปยังอาณาจักรจันทรา
หลิงฟ่างหัวเป็นคนแรกที่ปรากฏกายขึ้นเมื่อกลุ่มของอี้ลั่วเอ๋อเดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายมาถึงคฤหาสน์สราญรมย์
เมื่อเห็นว่าคนที่มาถึงคืออี้ลั่วเอ๋อ หลิงฟ่างหัวจึงรีบถามขึ้นทันที “ท่านพ่อข้าปกติดีรึยัง?”
อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะ “คุณหนู ตอนนี้นายท่านเกือบจะปกติดีแล้ว ตอนนี้เขากำลังบ่มเพาะร่างกายอยู่ที่ป่าภูตนางฟ้าของข้า ก่อนหน้านี้นายท่านได้ทำศึกใหญ่กับเหล่าศัตรูของเผ่าข้าและนายท่านได้สังหารฝั่งศัตรูไปมากกว่า 10 ล้านชีวิต อ๋อใช่! นายท่านเสกให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของฝั่งศัตรูกลายเป็นดักแด้ด้วยล่ะคุณหนู!”
หลิงฟ่างหัวตบหน้าผากตัวเองและพูดว่า “ไอ้หยา ข้าพลาดเรื่องเด็ดอีกแล้ว…ว่าแต่เจ้าพาคนของเจ้ามาด้วยมากมาย เจ้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะ “ที่ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะว่าข้าได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนของเผ่าข้ามาเจรจากับนายน้อยหกเรื่องอนาคตความร่วมมือของเผ่าข้ากับอาณาจักรจันทรา เอาล่ะคุณหนูถ้างั้นข้าคงต้องขอตัวไปทำธุระของข้าให้เสร็จก่อนไว้พวกเราค่อยคุยกันใหม่”
หลิงฟ่างหัวโบกมือและพูดว่า “เจ้ากับข้าพวกเราอยู่กันมานานจนเหมือนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรกับข้ามากนักหรอก เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะส่งพวกเจ้าไปหาน้องหกโดยตรงเลยจะดีกว่าเพื่อความรวดเร็ว!”
เมื่อพูดจบ หลิงฟ่างหัวก็หยิบประตูมิติของนางขึ้นมา จากนั้นนางเปิดมันออก ซึ่งทุกคนก็ได้เห็นว่าปลายทางก็คือท้องพระโรงของพระราชวังแห่งอาณาจักรจันทรา และหลิงยี่เทียนก็กำลังนั่งว่าราชการอยู่
หลิงยี่เทียน เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ กลางท้องพระโรงของเขาก็มีช่างว่างมิติเปิดออก เขาก็ตะโกนถามขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “พี่ห้า ท่านมีอะไรอีก?”
หลังจากผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก ตอนนี้หลิงฟ่างหัวสามารถใช้ประตูมิติของนางพาคนเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้ตามที่ใจนางต้องการในระยะ 5,000 กิโลเมตร ซึ่งความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ของนางแบบนี้มันทำให้หลิงยี่เทียนรู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก
เพราะนอกเหนือจากที่เขาต้องรับมือกับความวุ่นวายของเรื่องบ้านเมืองตัวเองในท้องพระโรงแล้ว เขายังต้องคอยรับมือกับเรื่องวุ่นวายของพี่สาวของเขาอีก
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเหนื่อยใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะหลิงฟ่างหัวคือพี่สาวของเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างขมขื่น
หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “น้องหก! ตอนนี้ประตูเคลื่อนย้ายของเราได้เชื่อมกับที่ป่าภูตนางฟ้าเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็ได้สั่งตัวแทนมาเจรจากับเจ้า เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะส่งพวกเขาไปหาเจ้า ส่วนข้าจะขอไปดูเรื่องสนุก ๆ ที่ป่าภูตนางฟ้าสักหน่อย!”
เมื่อพูดจบ หลิงฟ่างหัวจึงส่งคณะของอี้ลั่วเอ๋อไปหาหลิงยี่เทียน ส่วนตัวของนางก็นำหยูเจิ้นไห่เดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายไปยังป่าภูตนางฟ้า