พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 806 อาณาจักรอ้าวเฟิงล่มสลาย
หลิงตู้ฉิงใช้เขตแดนประกาศิตอีกครั้งเพื่อช่วยชีวิตเหล่าภูตนางฟ้าที่ถูกจับเป็นตัวประกันทั้ง 8,000 ตน
อันที่จริงหากเขาไม่เห็นหนทางที่จะช่วยภูตนางฟ้าเหล่านี้ เขาก็ตั้งใจว่าจะปล่อยให้ภูตนางฟ้าถูกฆ่าเพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นวันนี้เขาจะต้องทำลายราชวงศ์อ้าวเฟิงให้ได้
แต่เหมือนกับว่าดวงของเหล่าภูตนางฟ้าที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังแข็งอยู่ เพราะเมื่อพวกนางถูกพาตัวขึ้นมาบนกำแพงเมืองมันก็ทำให้หลิงตู้ฉิงมีหนทางที่จะช่วยเหลือพวกนาง
แต่แน่นอนว่าราคาที่เขาต้องจ่ายในการช่วยเหล่าภูตนางฟ้าทั้ง 8,000 ตนนี้ก็ไม่น้อยเช่นกัน หลังจากที่ใช้เขตแดนประกาศิตปฏิเสธพลังแห่งความตายทั่วอาณาเขตเมืองหลวงของอาณาจักรอ้าวเฟิง ระดับการบ่มเพาะร่างโลหิตอมตะของหมิงยู่ก็ลดลงเหลือระดับสวรรค์สามัญทันที ส่งผลให้หมิงยู่ต้องรีบแยกร่างออกจากหลิงตู้ฉิง และหายตัวเข้าไปในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์เพื่อฟื้นฟูพลังของนางให้กลับไปอยู่ในระดับเดิม
หลังจากใช้งานเขตแดนประกาศิตเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มลงมือโจมตีเมืองด้วยทะเลเลือดทันที ซึ่งจักรพรรดินีภูตนางฟ้าเมื่อเห็นเช่นนี้นางก็ได้แต่เบือนสายตาหนีไม่อยากเห็นภาพอันน่าอนาถของคนของนาง เพราะนางเข้าใจว่าเหล่าภูตนางฟ้าที่ถูกจับตัวไว้คงไม่รอดแน่
“นี่มันกล้าโจมตีจริง ๆ งั้นเหรอ?” ลั่วหยูเฮงอุทานขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “ได้! ถ้าอย่างนั้นข้าจะลากนังพวกนี้ตายไปกับข้าด้วย ฆ่าพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้!”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของอาณาจักรอ้าวเฟิงลงมือทันทีโดยใช้เจตจำนงของเขาสังหารเหล่าภูตนางฟ้าทั้ง 8,000 ตนในพริบตา
แต่แล้วภาพที่ทุกคนไม่คิดว่าจะได้เห็นก็บังเกิดขึ้น เพราะจู่ ๆ เหล่าภูตนางฟ้าที่ถูกฆ่าทั้ง 8,000 ตนกลับฟื้นขึ้นมาในชั่วพริบตาซะอย่างนั้น
ทางด้านของเหล่าภูตนางฟ้าทั้ง 8,000 ตนที่รู้ว่าวันนี้นั้นคือวันตายของพวกนางก็รู้สึกปลอดโปร่งใจเพราะวันนี้มันคือวันสุดท้ายที่พวกนางจะต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน หลังจากพวกนางตายไปแล้วทุกอย่างมันจะจบลง
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันกับพวกนางก็เกิดขึ้น เพราะพวกนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของอาณาจักรอ้าวเฟิงลงมือสังหารพวกนาง ซึ่งก่อนพวกนางจะตาย พวกนางก็ได้รับความเจ็บปวดอย่างทรมานสาหัสจนกรีดร้องออกไปเสียงหลง จากนั้นหลังจากที่สติของพวกนางหายไปแค่วูบเดียว พริบตาถัดมาพวกนางก็กลับมามีสติเหมือนเดิมและยังไม่ตาย!
แน่นอนว่าพวกที่ตื่นตะลึงที่สุดก็คงไม่พ้นจะเป็นเหล่าคนของอาณาจักรอ้าวเฟิง
พวกเขาต่างมองไปที่ภูตนางฟ้าทั้ง 8,000 ตนที่ไม่ยอมตายด้วยสายตาตกตะลึงราวกับว่าพวกเขาเห็นผี
ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้พวกนางตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ กลับฟื้นขึ้นมาได้อีก?
“นี่มันจะต้องเป็นผลของค่ายกลภาพมายาของไอ้ปีศาจนั่นแน่นอน!” ลั่วหยูเฮงตะโกนขึ้น “ทหารของข้าทำลายค่ายกลบ้าบอนี่ซะ และรีบฆ่าพวกนางเร็ว!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของอาณาจักรอ้าวเฟิงลงมือต่ออีกรอบ แต่รอบนี้เขาไม่ใช่เจตจำนงอีกแล้ว แต่เป็นการซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของเหล่าภูตนางฟ้าแทน ส่งผลให้ร่างของพวกนางระเบิดกระจุยจนเป็นเศษเนื้อ ซึ่งในวินาทีถัดมาร่างของเหล่าภูตนางฟ้าที่กลายเป็นเศษเนื้อก็กลับมารวมตัวกันก่อร่างเป็นเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
“ฝ่าบาท ข้ามั่นใจว่านี่มันไม่ใช่ค่ายกลภาพมายาแน่นอน!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าน่าเกลียด
เมื่อครู่เขาลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาย่อมสัมผัสได้แน่นอนว่าภูตนางฟ้าที่เขาสังหารไปนั้นมันคือร่างที่แท้จริงของพวกนางไม่ใช่ภาพมายาแบบที่ลั่วหยูเฮงเข้าใจ
“ข้าไม่สนใจ พวกเจ้าต้องฆ่านังพวกนี้ให้หมดให้ได้!” ลั่วหยูเฮงตะโกนด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง
ลั่วหยูเฮงยังพอทำใจได้หากอาณาจักรของเขาจะถูกทำลายด้วยอำนาจที่เหนือกว่าของหลิงตู้ฉิง แต่สิ่งที่มันทำให้เขาโกรธจนแทบเสียสติก็คือตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวของเขานั้นน่าอดสูจนถึงขนาดที่ไม่สามารถฆ่าเหล่าภูตนางฟ้าที่เขาจับตัวไว้ได้สักตน!
เมื่อเป็นเช่นนี้มันจะมีประโยชน์อะไรที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิในเมื่อแม้แต่เหล่าภูตนางฟ้าที่ต่ำต้อยเหล่านี้เขายังไม่สามารถสังหารได้? เต๋าดวงใจจักรพรรดิที่เขาบ่มเพาะมาด้วยความยากลำบากทำไมมันถึงช่างไร้อำนาจแบบนี้?
คิดได้แบบนี้ ดวงใจเต๋าของเขาก็เริ่มสั่นคลอนและเริ่มส่งสัญญาณว่ามันใกล้จะถึงจุดแตกหัก
“ฆ่ามัน ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกนังสารเลวเหล่านี้ให้หมด!” ลั่วหยูเฮงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าบ้าคลั่งพร้อมกับตัวเขาเองก็ชักกระบี่ออกจากฝัก และวิ่งเข้าไปบั่นคอเหล่าภูตนางฟ้าด้วยตัวเอง
แต่แล้วภาพเช่นเดิมก็ปรากฏขึ้น
แค่เพียงพริบตาเดียวหลังจากที่เหล่าภูตนางฟ้าถูกสังหาร หัวของพวกนางที่ถูกบั่นหลุดออกจากร่างก็ลอยกลับไปประกอบอยู่บนร่างเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ว่าพวกนางจะถูกฆ่าแบบไหนหรือถูกฆ่ากี่หนพวกนางก็จะฟื้นกลับมาทุกรอบ
แต่แน่นอนว่าหากเป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ มันก็มีข้อเสีย เพราะถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่ตายแต่การถูกฆ่าบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ ทุกครั้งที่พวกนางถูกฆ่าพวกนางจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ซึ่งหลังจากที่พวกนางถูกฆ่ากันไปสิบกว่ารอบติด ๆ กันพวกนางทั้งหมดก็หมดสติไปเนื่องจากความเจ็บปวด..
ทางด้านของอาณาจักรอ้าวเฟิงเมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่อาจฆ่าพวกนางได้สำเร็จก็เริ่มหยุดลงมือแล้วเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันต้องเป็นภาพมายา มันต้องเป็นภาพมายาแน่นอน! ไอ้ปีศาจนั่นมันกำลังลวงพวกเราอยู่ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ลั่วหยูเฮงในตอนนี้เสียสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตัวเขาเองได้ลงมือสังหารเหล่าภูตนางฟ้าไปสิบกว่ารอบ ซึ่งทุกรอบเหล่าภูตนางฟ้าที่เขาสังหารไปก็ฟื้นกลับมาได้เหมือนเดิม สิ่งนี้มันทำให้เต๋าดวงใจจักรพรรดิของเขาแตกสลาย
อันที่จริงไม่ใช่แค่เพียงลั่วหยูเฮงคนเดียวที่ดวงใจเต๋าของตนเองพังทลาย เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่พยายามสังหารภูตนางฟ้าอยู่หลายรอบแต่ไม่สำเร็จก็เริ่มตั้งคำถามกับตนเองเช่นกัน
พวกเขาตั้งคำถามกับตนเองว่าที่พวกเขาบ่มเพาะมานับพันปีนั้นมันมีประโยชน์ตรงไหน? แค่ภูตนางฟ้าอ่อนแอเหล่านี้พวกเขายังสังหารไม่ได้แล้วพวกเขาจะบ่มเพาะต่อไปทำไม?
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ 2 คนที่อยู่ข้างกายลั่วหยูเฮง เมื่อเห็นว่าในตอนนี้พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว พวกเขาก็รีบเตือนลั่วหยูเฮงว่า “ฝ่าบาท มันถึงเวลาที่พวกเราต้องหนีแล้ว!”
ไม่จำเป็นต้องเป็นคนฉลาดก็รู้ว่าในตอนนี้อาณาจักรอ้าวเฟิงจบสิ้นแล้ว ดังนั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาตอนนี้ก็คือหนี แต่ก่อนที่จะหนีพวกเขาก็ต้องพาบุคคลสำคัญของอาณาจักรหนีออกไปด้วย แต่แน่นอนว่าในใจของพวกเขาก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์นี้เหมือนกัน พวกเขาเองก็ถามกับตัวเองเช่นกันว่าจะบ่มเพาะไปทำไม?
“นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย! มันเป็นแค่ภาพลวงตา! พวกเจ้าอย่าออกไปนี่มันเป็นแผนของศัตรู หากพวกเราไม่ออกไปพวกมันก็ทำลายอาณาจักรเราไม่ได้!” ลั่วหยูเฮงที่เสียสติไปแล้วและเริ่มพูดจาวกวน
บรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรอ้าวเฟิงทั้งหลายเมื่อเห็นว่าผู้นำของพวกเขาเสียสติไปแล้ว พวกเขาก็หมดใจที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นพวกเขาจึงมองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณและรีบบินขึ้นไปบนท้องเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ทันที
แต่แล้วเมื่อพวกเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาก็ถูกจัดการโดยกลุ่มบรรพบุรุษของสำนักมหาอำนาจที่ถูกหลิงตู้ฉิงสั่งให้ล้อมรอบเมืองไว้ก่อนหน้านี้
ในเวลาเดียวกันภายใต้การควบคุมของหลิงตู้ฉิง ทะเลเลือดก็ไหลบ่ามาถึงกำแพงเมืองและจากนั้นคลื่นกำแพงเลือดก็ม้วนตัวไต่ระดับขึ้นไปจนสูงเหนือยอดกำแพง และกลืนกินทุกชีวิตที่อยู่ด้านบน
แน่นอนว่าภายใต้อำนาจของทะเลเลือด เหล่าภูตนางฟ้าทั้ง 8,000 ตนที่อยู่บนยอดกำแพงก็ได้รับการช่วยเหลือให้กลับมายังจุดปลอดภัย ซึ่งในทันทีที่เหล่าภูตนางฟ้าถูกช่วยเหลือ หลิงตู้ฉิงก็ถอนอำนาจของเขตแดนประกาศิตในทันทีและเริ่มพรากชีวิตของเหล่าผู้คนที่สมควรตายในเมืองหลวงอาณาจักรอ้าวเฟิง
ทางด้านของจักรพรรดินีภูตนางฟ้าเมื่อเห็นว่าเหล่าคนของนางถูกช่วยออกมาได้สำเร็จ นางก็ดีใจจนถึงขนาดหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดี
แต่ถึงแม้ว่านางจะดีใจ ในเวลาเดียวกันนางก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเมื่อครู่ทำไมคนของนางถึงไม่ตาย? หลิงตู้ฉิงใช้วิธีการไหนกันที่ทำให้คนของนางถูกฆ่าแล้วฟื้นได้ใหม่เรื่อย ๆ
อันที่จริงคำถามนี้ไม่ใช่เพียงแค่นางเท่านั้นที่อยากจะรู้คำตอบ แต่คนอื่น ๆ ที่มากับหลิงตู้ฉิงด้วยก็สงสัยเหมือนกัน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเขตแดนประกาศิตนั่นคืออะไร
จะมีก็แค่คนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ในวันนั้นที่รู้ว่าเขตแดนประกาศิตของหลิงตู้ฉิงคืออะไรแบบคร่าว ๆ พวกเขาจึงมีสีหน้าตื่นเต้นที่เห็นมันอีกครั้ง โดยเฉพาะหลิงฟ่างหัวที่พยายามอธิบายเขตแดนประกาศิตที่นางแทบจะไม่เข้าใจเลยโดยการทวนคำพูดในวันนั้นที่หลิงตู้ฉิงเคยอธิบายให้นางฟังให้กับหลิงยี่เทียนด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็เดินออกจากเมืองหลวงของอาณาจักรอ้าวเฟิงพร้อมกับจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในมือ
นอกเหนือจากเหล่าผู้คนที่อยู่บนยอดกำแพงเมือง และเหล่าผู้คนที่อยู่ในเงื่อนไขต้องตาย คนที่เหลือของอาณาจักรอ้าวเฟิงต่างถูกไว้ชีวิต
พร้อมกันนั้นทะเลเลือดที่ปกคลุมอาณาจักรอ้าวเฟิงทั้งหมดก็ถูกดูดกลับเข้าไปในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว และกำแพงเลือดก็หายไปเช่นกัน
ส่วนการต่อสู้บนท้องฟ้าของเหล่าผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรอ้าวเฟิงที่พยายามจะหนีกับเหล่าบรรพบุรุษของสำนักมหาอำนาจทั้งหลายก็จบลงอย่างรวดเร็วในเวลาถัดมาเช่นกัน
“เอาล่ะ อาณาจักรอ้าวเฟิงถูกชำระล้างอย่างสมบูรณ์แล้ว ยี่เทียน เจ้าให้คนของเจ้าจัดการต่อได้เลย” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ส่วนที่เหลือออกเดินทางไปกับข้าต่อที่สำนักไร้ขอบเขต!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ทุกคนก็รีบมุ่งหน้าไปที่สำนักไร้ขอบเขตต่อทันที ส่วนหลิงยี่เทียนก่อนที่เขาจะตามพ่อของเขาไปนั้น เขาหันกลับมาสั่งกับหยูไท่ฉวนว่า “ข้าจะทิ้งทุกอย่างของที่นี่ไว้ให้เจ้าจัดการ ต่อไปนี้มันจะขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้วว่าเจ้าจะได้ประโยชน์จากเรื่องทั้งหมดนี้แค่ไหน!”