พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 825 เปิดใช้งานหอคอยเสียงสวรรค
“ตึ่งงงง” เสียงระฆังดังสนั่นหวั่นไหวได้ยินไปทั่วเกาะหนานชาน
เสียงที่บังเกิดขึ้นจากหอคอยเสียงสวรรค์นี้ดังก้องไปถึงจิตใจของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ
หากเป็นคนธรรมดาพวกเขาจะได้ยินแค่เสียงอันเลือนรางของมัน และเมื่อพวกเขาลองฟังดี ๆ พวกเขาจะไม่ได้ยินอะไร
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูง พวกเขาจะได้ยินมันอย่างชัดเจนและรู้ว่ามันดังมาจากหอคอยเสียงสวรรค์!
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างรีบรุดหน้ามาที่หอคอยเสียงสวรรค์ในทันทีเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมาถึง พวกเขาต่างเห็นว่าเป็นหลินหรูซวนที่กำลังนั่งเล่นพิณอยู่ชั้นบนสุดของหอคอยเสียงสวรรค์ และท่วงทำนองที่นางเล่นก็ส่งผลให้หอคอยเสียงสวรรค์เปล่งเสียงออกมา
แน่นอนว่าเสียงที่เปล่งออกมาทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตกอยู่ในสภาวะหยั่งรู้ และทำให้พวกเขาเข้าใจพลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกได้ง่ายขึ้น
บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างเก็บคำถามที่พวกเขามีอยู่ในใจลงไปก่อน เนื่องจากตอนนี้พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาควรทำเป็นอันดับแรกก็คือการนั่งลงและบ่มเพาะ เพื่อยืมอำนาจของหอคอยเสียงสวรรค์เพิ่มพูนระดับการบ่มเพาะของตนเอง
ในระหว่างที่คนอื่น ๆ กำลังนั่งหลับตาบ่มเพาะ หลิงตู้ฉิงก็เคาะมือของเขาไปที่หอคอยเสียงสวรรค์เพื่อทำให้มันส่งเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนอกจากจะทำให้เหล่าผู้คนเข้าใจในพลังแห่งกฎได้ง่ายขึ้นแล้ว เสียงที่ดังขึ้นยังทำให้คนอื่น ๆ ได้เห็นภาพความคิดพวกเขาเองอีกด้วย
“ไม่ว่าคนเหล่านี้จะดีหรือเลว นับจากนี้ข้าจะได้เห็นมันอย่างกระจ่างชัด!” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลินหรูซวน “ในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในสภาวะหยั่งรู้และไม่มีทางที่จะตื่นขึ้นได้ง่าย ๆ หากพวกเราไม่โจมตีพวกเขา พวกเขาจะไม่มีทางยอมตื่นขึ้นมาเองแน่นอน”
“นี่ท่านทำได้ยังไง?” หลินหรูซวนถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย “ทำไมข้าถึงทำไม่ได้บ้าง?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “อย่าลืมว่าเจ้าคารวะข้าเป็นบรรพบุรุษแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องเรียกข้าบรรพบุรุษด้วย! ส่วนคำถามที่เจ้าถามว่าข้าทำยังไงนั้น มันเป็นเพราะข้าบรรลุถึงความเข้าใจในกฎต่าง ๆ มากกว่าเจ้ามากนัก ในสายตาของข้าแทบไม่มีกฎหรือปริศนาใดสามารถรอดพ้นสายตาของข้าไปได้ ซึ่งถ้าหากเจ้าอยากจะทำได้แบบข้า เจ้าคงจะต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกสักหมื่นปีถึงจะทำได้แบบนี้!”
ในความเป็นจริงแม้แต่แสนปีหลินหรูซวนก็ไม่อาจเข้าใจกฎได้มากเท่าเขาแน่นอน แต่ถ้าหากเข้าใจแค่พอใช้งานหอคอยเสียงสวรรค์ได้แบบเขา เวลาหมื่นปีมันก็อาจจะพอ
หลินหรูซวนพยักหน้าและพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีเคารพ “ท่านบรรพบุรุษ ท่านช่วยสอนวิธีนี้ให้ข้าได้ไหม? และต่อให้ระดับการบ่มเพาะยังคำต่ำต้อยอยู่ แต่ข้าเชื่อว่าท่านมีวิธีที่จะเพิ่มมันให้ข้าจริงไหม?”
“มันไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากสอนให้เจ้า แต่ต่อให้ข้าสอนไป ตอนนี้เจ้าไม่อาจเข้าใจมันได้อยู่ดี” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “สิ่งที่เจ้าเห็น เจ้าอาจจะเห็นแค่ข้าเคาะหอคอยเสียงสวรรค์ แต่ถ้าเจ้าลองทำบ้าง เจ้าจะรู้สึกว่ามันยากเหมือนกับเจ้าต้องยกเกาะหนานชานขึ้นไปบนฟ้า ซึ่งต่อให้เจ้ารู้วิธียกมันแต่เจ้าก็ไม่อาจยกมันขึ้นได้”
“ส่วนเรื่องระดับการบ่มเพาะ จากที่ข้าดูรากฐานการบ่มเพาะของเจ้าแล้วรากฐานการบ่มเพาะของเจ้านั้นช่างอ่อนแอนัก ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงยังไม่สามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้กับเจ้าได้ เจ้าลองดูที่ข้า แม้ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้าจะอยู่ในขอบเขตนภา แต่ถ้าหากข้าจะสังหารคนทั้งหมดที่อยู่ในกาะหนานชานแล้วล่ะก็มันง่ายซะยิ่งกว่าดีดนิ้ว ฉะนั้นเจ้าอย่าคิดว่าระดับการบ่มเพาะคือสิ่งชี้วัดความแข็งแกร่งได้กับทุกคน”
“ถ้าอย่างนั้นท่านรู้ความลับของหอคอยเสียงสวรรค์ใช่ไหมว่ามันคืออะไร? ทำไมหอคอยเสียงสวรรค์ถึงมีอำนาจแบบนี้?” หลินหรูซวนยังคงถามต่อ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและส่ายหัว “ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรให้มากนัก เอาแค่ตอนนี้เจ้าตั้งใจเล่นพิณของเจ้าไปก่อนก็พอและคอยเล่นไปตามบทบาทเมื่อพวกหนูทั้งหลายมันโผล่หัวออกมา”
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงคุยกับหลินหรูซวน เขาเองก็ตั้งใจตรวจสอบเหล่าผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ไปด้วยว่ามีใครที่คิดอะไรอยู่บ้าง
ในระหว่างที่เขากวาดสายตามองไป เขาก็ไปสะดุดกับภาพที่ในตอนนี้ถังเหวินหลี่กำลังเห็น ซึ่งมันทำให้หลิงตู้ฉิงได้รู้ว่าคนผู้นี้เป็นคนของคนผู้หนึ่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงเคาะหอคอยเสียงสวรรค์อีกครั้งเพื่อทำให้ภาพที่ถังเหวินหลี่กำลังเห็นอยู่ยิ่งแจ่มชัดขึ้น
ไม่นานต่อมา หลิงตู้ฉิงก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของคนที่ถังเหวินหลี่รับใช้ได้อย่างชัดเจนทั้งหมด..
หลิงตู้ฉิงรีบวาดรูปคนผู้นั้นและส่งมันไปให้หลินหรูซวนดูทันที และถามขึ้น “เจ้ารู้จักคนผู้นี้ไหม?”
“ข้าสามารถพูดได้ว่าข้าเคยเห็นเขา แต่ข้าไม่รู้จักเขา!” หลินหรูซวนตอบกลับ “ชายผู้นี้คือคนดังที่อยู่ในอาณาเขตใกล้ ๆ แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขา พวกเราเคยได้เห็นเพียงแค่รูปวาดหน้าตาของเขาเท่านั้น”
“ผู้คนต่างเรียกเขาว่านายน้อยมิติ เพราะเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่สามารถควบคุมมิติได้ ส่วนระดับการบ่มเพาะของเขานั้นว่ากันว่าเขาอยู่ในระดับนักบุญแล้ว แต่ด้วยทักษะเกี่ยวกับมิติที่เขาเชี่ยวชาญ มันจึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญคนอื่น ๆ ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้เลย อันที่จริงมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญระดับรู้แจ้ง หรือขอบเขตสวรรค์ระดับ 5 ได้ด้วยซ้ำ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “หากเขาเชี่ยวชาญพลังของกฎแห่งมิติ ถ้างั้นเขาก็สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับสูงกว่าได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ว่าแต่เจ้ารู้รึเปล่าว่าเขาเป็นคนของสำนักอะไร? และวิชาอะไรที่เขาบ่มเพาะอยู่?”
หลินหรูซวนส่ายหัว “ข้าเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ๆ ของตระกูล ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ข้อมูลเหล่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่าจริง ๆ แล้วพื้นเพของนายน้อยมิตินั้นเขาไม่ใช่คนอาณาเขตแถวนี้ เขาเป็นคนที่มีเบื้องหลังมาจากอาณาเขตที่ห่างไกลออกไป”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ
ครั้งนี้เขาออกเดินทางมาตัวคนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถส่งใครไปสืบเรื่องราวนี้ให้เขาต่อได้
“ซวน เจ้าจงทำตามแผนเดิมของพวกเราต่อไป” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “อีกไม่นานพวกเขาน่าจะตื่นขึ้นแล้ว ข้าต้องแสร้งทำเป็นว่าข้าอยู่ในสภาวะหยั่งรู้เช่นกัน”
ทันทีที่หลิงตู้ฉิงหลับตาลง หลินหงเหวินก็ลืมตาขึ้นพอดี
ในทันทีที่หลินหงเหวินลืมตาขึ้น เขาก็รีบหันไปมองหลินหรูซวนด้วยแววตาเป็นประกาย เนื่องจากตอนนี้เขารู้แล้วว่าหลานสาวของเขาสามารถทำให้หอคอยเสียงสวรรค์เปล่งอำนาจของมันได้!
และด้วยความสามารถของหลานสาวของเขาที่ทำได้แบบนี้ ในอนาคตตระกูลหลินจะต้องรุ่งโรจน์จนไม่มีใครฉุดอยู่!
จากการเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้เมื่อครู่ เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคอขวดที่เขากำลังติดอยู่ตอนนี้มันเริ่มคลายออกและถ้าหากเขาได้เข้าสู่สภาวะหยั่งรู้แบบนี้อีกสัก 4-5 รอบ เขาน่าจะสามารถทะลวงระดับของตนเองได้แน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นหากมันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสักร้อยสักพันปี ความฝันที่เขาจะทะลวงไปถึงระดับนภาครามเพื่อรู้ว่าความลับของตระกูลเขามันคืออะไรก็คงไม่เป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป
ในเวลานี้สายตาที่เขามองไปยังหลินหรูซวนนั้นไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขากำลังมองสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
หลังจากผ่านไปสัก หลินหรูซวนก็หยุดเล่นพิณ เมื่อไม่มีท่วงทำนองที่ออกมาจากพิณหอคอยเสียงสวรรค์ก็หยุดเปล่งอำนาจของมันเช่นกัน ส่งผลให้เหล่าผู้คนค่อย ๆ ตื่นขึ้น
แน่นอนว่าทุกคนที่ตื่นขึ้นต่างมองไปที่หลินหรูซวนด้วยสายตาที่ตื่นเต้น โดยเฉพาะคู่พ่อลูกแซ่ถังที่แทบจะเก็บอาการตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
หากพวกเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าหลินหรูซวนจะมีความสามารถทำได้แบบนี้ ถังเหวินหลี่คงจะสู่ขอหลินหรูซวนให้กับลูกชายของเขาไปนานแล้วไม่มามัวแต่รีรออะไรอยู่จนสถานการณ์ตอนนี้มันเริ่มมีความไม่แน่นอน
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ คู่พ่อลูกแซ่ถังต่างก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตามุ่งร้าย…
ส่วนทางด้านของหลินหงเหวินก็รีบพุ่งตัวไปหาหลินหรูซวนในพริบตา จากนั้นเขาถามขึ้นว่า “หลานปู่ เจ้ามีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? และหอคอยเสียงสวรรค์นั้นถูกเปิดใช้งานโดยท่วงทำนองที่เจ้าเล่นจริง ๆ งั้นเหรอ?”
หลินหรูซวนตอบกลับหน้าตายว่า “ท่านปู่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่วงทำนองที่ข้าเล่นเมื่อครู่ข้าได้มาจากตอนที่ข้าอยู่บนหอคอยเสียงสวรรค์ตอนที่มันเปล่งอำนาจเมื่อวันก่อน ซึ่งมันทำให้ข้ารู้สึกผ่อนคลายจิตใจของข้าเองได้เป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงอยากลองเล่นมันดูที่นี่ที่ที่ข้าได้ยินมันอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหอคอยเสียงสวรรค์เปล่งอำนาจออกมานั้นมันเกี่ยวกับท่วงทำนองที่ข้าเล่นรึเปล่า”
“งั้นเจ้าก็ลองเล่นดูอีกครั้งหนึ่งดีไหม?” หลินหงเหวินรีบแนะนำ