พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 859 ศึกชิงตัวปรมาจารย
เหลียนปู้ชิงเดินออกไปหาจี้กงซวน และพูดว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสข้องใจในความสามารถของข้า ถ้างั้นท่านมามีส่วนร่วมในพิสูจน์ความจริงสักหน่อยเป็นไง?”
จี้กงซวนขมวดคิ้ว “ข้าต้องทำอะไรบ้าง?”
เหลียนปู้ชิงหัวเราะ “ผู้อาวุโสท่านมีสมบัติระดับสวรรค์ติดตัวบ้างไหม เอาแบบที่ท่านเชื่อมความเป็นนายกับมันแล้วยิ่งดี”
จี้กงซวนครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วพูดว่า “สมบัติชิ้นนี้คือสมบัติระดับนภาคราม ซึ่งข้าไม่ได้ใช้มันมานานมากแล้ว แต่ข้าได้เชื่อมความเป็นนายกับมันมาหลายพันปี เจ้าจะเอามันไปลองก็ได้”
เหลียนปู้ชิงมองไปที่ขลุ่ยที่อยู่ในมือของจี้กงซวน จากนั้นเขาหัวเราะ “ผู้อาวุโส ท่านไม่จำเป็นต้องยื่นมันให้ข้า แค่ท่านเปิดใช้งานมันก็พอ!”
จี้กงซวนขมวดคิ้ว จากนั้นเขาโคจรพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปในขลุ่นจนมันลอยขึ้นไปบนอากาศ
แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะที่ขลุ่ยกำลังลอยอยู่ แค่เพียงเหลียนปู้ชิงกวักมือเท่านั้น ขลุ่ยวิเศษกลับหลุดจากการควบคุมของจี้กงซวน และบินมาหาเหลียนปู้ชิงในทันที
หรือถ้าให้พูดสั้น ๆ ก็คือ เหลียนปู้ชิงขโมยขลุ่ยวิเศษไปจากจี้กงซวนได้อย่างง่ายดาย
บรรดาผู้คนที่เห็นเช่นนี้ต่างอุทานขึ้นแทบจะพร้อม ๆ กัน “ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
เหล่าผู้คนต่างฮือฮากันใหญ่ เนื่องจากแค่เพียงการสาธิตนี้แค่อย่างเดียวก็ยืนยันได้แล้วว่า เหลียนปู้ชิงย่อมเป็นผู้สืบทอดมรดกของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!
เหลียนปู้ชิงยิ้มและพูดว่า “นี่คือทักษะสูงสุดของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ ทักษะสวรรค์มหาบงการ ซึ่งตอนนี้ข้าเพิ่งฝึกฝนไปได้แค่ระดับควบคุมสมบัติระดับสวรรค์เท่านั้น หากเป็นสมบัติระดับราชันขึ้นไปข้ายังคงไม่สามารถควบคุมได้ ผู้อาวุโส นี่ขลุ่ยของท่าน ข้าขอมอบคืนให้!”
จี้กงซวนโบกมือและพูดว่า “มันก็แค่สมบัติระดับนภาครามที่ข้าไม่ได้ใช้แล้ว เจ้าจงเก็บเอาไว้เถอะ คิดซะว่ามันเป็นของขวัญจากข้าเนื่องในโอกาสที่พวกเราได้มาเจอกัน”
เหลียนปู้ชิงส่ายหัว “ผู้อาวุโสท่านรับมันคืนไปเถอะ สำหรับข้าแล้วสมบัติระดับนี้มันไม่ได้มีค่าอะไรเลย”
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถสร้างสมบัติระดับนภาครามได้ แต่เหลียนปู้ชิงรู้ดีว่าเขาไม่ควรติดค้างจี้กงซวน ดังนั้นเขาจึงคืนมันไปและด้วยความสามารถของเขา เขาแน่ใจว่าในอนาคตอีกไม่นานเขาจะสามารถสร้างสมบัติระดับนี้ได้อยู่แล้ว
จี้กงซวนจ้องเขม็งไปที่เหลียนปู้ชิง จากนั้นเขาจึงรับขลุ่ยวิเศษคืนมา
ฉินหวงหัวเราะ และจากนั้นเขาพูดกับเหลียนปู้ชิงว่า “ในเมื่อปรมาจารย์เหลียนเป็นผู้สืบทอดมรดกของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นในอนาคตโลกของเราจะต้องพึ่งพาท่านเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าคิดว่าเพื่อให้ท่านยิ่งพัฒนาความสามารถได้เร็วยิ่งขึ้น ท่านควรจะมาอยู่กับอาณาจักรฉินของข้าจะดีกว่า ที่อาณาจักรของข้านั้นมีทรัพยากรมากมาย ซึ่งข้าให้สัญญากับท่านได้เลยว่าหากท่านต้องการสิ่งใดข้าจะจัดการให้ในทันที!”
เฉินสั่วหนาน เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาตะโกนขึ้นแทรกด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที “ฉินหวง ปรมาจารย์เหลียนเป็นคนของอาณาจักรจันทรา! ท่านโน้มน้าวคนต่อหน้าเราแบบนี้มันจะเสียมารยาทไปหน่อยไหม!”
หลิงยี่เทียนโบกมือปรามเฉินสั่วหนาน จากนั้นเขาพูดกับฉินหวงว่า “พี่ฉิน ตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์จะสามารถทำประโยชน์ต่อโลกได้มากที่สุดก็ต่อเมื่ออยู่ในอาณาจักรจันทราของข้าเท่านั้น”
เจียงหวงส่ายหัว แล้วพูดกับเหลียนปู้ชิงว่า “ปรมาจารย์เหลียน ท่านคิดว่าอาณาจักรจันทราจะสามารถตอบสนองความต้องการของท่านได้ทั้งหมดงั้นเหรอ? ให้ข้าพูดตามตรง หากเทียบกับอาณาจักรจันทราแล้วอาณาจักรของข้านั้นดีกว่าเป็นไหน ๆ!”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเจียงหวงนั้นจะเต็มไปด้วยการดูถูก แต่หลิงยี่เทียนก็ยังคงแสดงสีหน้าไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าก็แสดงให้กับทุกท่านเห็นไปแล้วว่าข้าไม่ได้โกหก อาณาจักรของข้านั้นมีผู้สืบทอดมรดกของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์อยู่จริง ตอนนี้พวกท่านยังจะต้องการให้ข้าพิสูจน์เกี่ยวกับสำนักโอสถนิรันดร์อีกไหม? หากไม่จำเป็นข้าจะได้แนะนำผู้สนับสนุนคนที่สามของข้าเลย”
“ข้าไม่ได้เห็นวิธีการหลอมโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์มาหลายหมื่นปีแล้ว ดังนั้นช่วยแสดงให้ข้าเห็นเป็นขวัญตาตอนนี้หน่อยเถอะ!”
“ใช่พวกเรายังอยากดู!”
“……”
ทุกคนต่างตะโกนร้องกันขึ้นต้องการให้หวงอี้เฟยแสดงความสามารถ
หวงอี้เฟยยิ้มแล้วพูดว่า “การหลอมโอสถระดับสูง มันจำเป็นต้องใช้เวลานาน ดังนั้นข้าขอพิสูจน์อีกแบบก็แล้วกัน ในมือข้าตอนนี้คือสูตรการหลอมโอสถ 1,320 แบบ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสูตรการหลอมโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ ที่ข้านำขึ้นมาแสดงให้พวกท่านเห็นในตอนนี้ก็เพราะข้าได้ทำการคัดลอกสำเนาของพวกมันเอาไว้เป็นจำนวนมากเรียบร้อยแล้วเพื่อแจกจ่ายให้กับพวกท่านทุกสำนักที่มาที่นี่เพื่อเป็นการทำให้เต๋าโอสถที่กำลังตกต่ำอยู่ในตอนนี้ถูกยกระดับขึ้น ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนหลังจากได้รับมันไปแล้วพวกท่านจะช่วยกันคัดลอกและแจกจ่ายกันต่อ ๆ ไปอีกเพื่อเป็นการช่วยข้าเผยแพร่เต๋าโอสถไปอีกทาง”
“ส่วนเคล็ดการหลอมโอสถนั้น เอาเป็นว่าข้าจะสาธิตมันโดยการหลอมโอสถดาราประสานให้พวกท่านดู เพื่อที่พวกท่านจะได้เห็นเคล็ดการหลอมของสำนักโอสถนิรันดร์ได้อย่างชัดเจนและไม่เสียเวลามากนัก”
อันที่จริงหวงอี้เฟยนั้นไม่ได้ต้องการที่จะแจกจ่ายสูตรโอสถเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เขายอมทำเช่นนี้เพราะหลิงยี่เทียนเล่าแผนการต่าง ๆ ให้เขาฟังจนเขายอมใจอ่อน
แผนการของหลิงยี่เทียนนั้นเรียบง่ายมาก ซึ่งก็คือการให้เขาแจกจ่ายสูตรโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์และโอสถอื่น ๆ ที่มีระดับต่ำกว่าออกไปให้กับคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้ทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าในตอนนี้สำนักโอสถนิรันดร์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อาณาจักรจันทราจะกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่านักหลอมโอสถทันที นักหลอมโอสถจากทั่วทุกสารทิศจะต้องมาเยือนหาพวกเขาและจากนั้นทั้งอาณาจักรจันทราและหวงอี้เฟยจะมีนักหลอมโอสถมาถวายตัวให้เลือกใช้แบบไม่อั้น!
แน่นอนว่ากลอุบายที่เปิดเผยเช่นนี้เป็นใคร ๆ ก็ย่อมดูออก แต่ปัญหาก็คือถึงแม้ว่าจะถูกมองออกได้ง่าย แต่มันก็ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดกระบวนการนี้ได้เช่นกัน
เมื่อพูดจบ หวงอี้เฟยหยิบเอาแผ่นหยกนับร้อยที่ด้านในบรรจุข้อมูลสูตรโอสถ 1,320 สูตรเอาไว้ขึ้นมา จากนั้นเขาโยนแจกจ่ายให้กับผู้คนที่อยู่รอบ ๆ พร้อมกับพูดว่า “ข้าขอรบกวนพวกท่านช่วยเผยแพร่สูตรเหล่านี้ออกไปสักหน่อยก็แล้วกัน!”
ผู้คนที่ได้รับสูตรโอสถมาต่างดีใจกันยกใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ฉินหวง เจียงหวง ซ่งว่านหลุน ต่างแสดงรอยยิ้มอันขมขื่น
ในตอนนี้พวกเขารู้สึกหดหู่กับตัวเอง เพราะพวกเขาเป็นคนให้หลิงยี่เทียนเริ่มแสดงคุณสมบัติก่อน
หลังจากนั้นหวงอี้เฟยก็ใช้เวลาอีก 10 กว่านาทีในการสาธิตเคล็ดการหลอมโอสถ นวโคจรกำเนิดโอสถของสำนักโอสถนิรันดร์ให้กับคนอื่น ๆ ได้เห็น ซึ่งมันทำให้ทุกคนเชื่ออย่างหมดใจจริง ๆ ว่าหวงอี้เฟยคือผู้สืบทอดมรดกสำนักโอสถนิรันดร์ของจริง!
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มจะอยู่เหนือการควบคุม ฉินหวงรีบพูดกับหลิงยี่เทียนเสียงดังทันที “น้องยี่เทียน เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำผิดมหันต์ที่เอาแต่เก็บปรมาจารย์ทั้งสองท่านไว้กับตัว! อาณาจักรของเจ้าในตอนนี้มีทรัพยากรเท่าไหร่กัน? เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำให้ปรมาจารย์ทั้งสองพัฒนาไปได้อย่างเหมาะสมงั้นเหรอ?”
“เจ้าเลิกเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งปรมาจารย์ทั้งสองไว้กับเจ้าได้แล้ว จงปล่อยท่านปรมาจารย์ทั้งสองมาอยู่กับข้าเพื่อที่พวกเขาจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้นและที่สำคัญด้วยพื้นที่ของอาณาจักรข้าที่ใหญ่กว่าเจ้าเป็นสิบ ๆ เท่า ข้ามั่นใจว่าคนทั้งโลกจะได้สัมผัสสินค้าของปรมาจารย์ทั้งสองได้ง่ายกว่าการที่พวกเขาอยู่กับเจ้าแน่นอน!”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยพี่ฉิน!” หลิงยี่เทียนโบกมือ “ผู้สนับสนุนของข้าคนต่อไปจะช่วยข้าแก้ไขปัญหาที่ท่านว่ามาได้ทั้งหมดให้กับข้าเอง! ท่านตามี่ โปรดแนะนำตัวของท่านให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้จักที!”