พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 863 หลอมรวมกระดานหมากชดใช
ผลลัพธ์ที่ได้จากการตกลงกันในตอนท้ายคือ ฉินหวง และ เจียงหวง ยังคงจะดำเนินแผนการขยายอาณาเขตของพวกเขาเองต่อไปโดยทำในนามของหลิงยี่เทียน
ในทางกลับกัน ซ่งว่านหลุน ซึ่งไม่ได้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ เขายอมที่จะสละอาณาเขตที่เขายึดได้ทั้งหมด แต่มีข้อแม้ว่าหลิงยี่เทียนจะต้องคอยส่งทรัพยากรต่าง ๆ ที่ได้จากอาณาเขตที่เขาสละให้มามอบให้กับเขา เพื่อที่เขาจะได้นำพวกมันมาบ่มเพาะตัวเขาเอง
ฟู่เซียน เมื่อเห็นว่าผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ทั้งสี่ตกลงกันได้ด้วยดีแบบนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในตอนแรกเขากังวลเป็นอย่างมากว่า ฉินหวงและคนอื่น ๆ จะไม่ยอมถอยให้กับหลิงยี่เทียน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนั้นหลิงตู้ฉิงจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่างที่มันรุนแรงแน่นอน แถมเขายังไม่สามารถขัดขวางได้อีกต่างหาก
แต่ถึงแม้ว่าผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ทั้งสี่จะตกลงกันได้ด้วยดีแล้ว ปัญหาอีกรูปแบบหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของเขา เพราะพิธีการถัดมาคือพิธีการส่งตัวหลิงยี่เทียนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์
แต่ว่าในตอนนี้บัลลังก์ดันมีใครบางคนนั่งอยู่เรียบร้อยแล้ว!
ฟู่เซียนเหล่มองไปที่หลิงตู้ฉิง พลางคิดในใจว่า ‘ในเมื่อเจ้าทำลายเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อน เมื่อถึงเวลาข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะแก้ปัญหายังไง เมื่อถึงตอนที่ลูกชายของเจ้าขึ้นไปนั่งบัลลังก์ แต่กลับไม่มีเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนมาอวยพรให้เขา!’
จากนั้นฟู่เซียนขมวดคิ้วด้วยความลังเลว่าเขาควรจะประกาศให้หลิงยี่เทียนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เลยดีไหมหรือว่าจะทำยังไงต่อดี?
ทางด้านหลิงยี่เทียนก็มองไปที่พ่อของเขาเช่นกัน เพื่อพยายามส่งสายตาว่าเขาควรจะทำยังไงต่อ?
หลิงตู้ฉิง ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์เขายิ้มให้กับทุกคนและพูดว่า “กระดานหมากล้อมนี้นับได้ว่าเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเหล่ามวลมนุษย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อให้คนรุ่นต่อ ๆ ไปสามารถเข้ามาศึกษามันได้ ข้าจะใช้อำนาจของข้าผนึกมันไว้ที่นี่ตลอดกาลและมันจะไม่มีวันถูกลบเลือนได้โดยใครทั้งนั้น!”
ฟู่เซียนแสดงสีหน้าตื่นตระหนกทันที และรีบพูดแทรกขึ้นว่า “ท่านผู้แทนโปรดระวังอย่าให้ที่นี่พังทลาย!”
ฟู่เซียนรู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงมีวิธีการที่ทรงพลังมากมาย ซึ่งเขาแน่ใจว่าถ้าหลิงตู้ฉิงไม่ระวังในการใช้วิธีการเหล่านั้นให้ดีที่นี่จะถูกทำลายได้ง่าย ๆ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบกลับ “มรดกของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ที่เหลียนปู้ชิงมีอยู่ในตอนนี้มันก็เป็นข้าที่มอบให้กับเขา ดังนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะไม่มีความสามารถพอถึงขนาดทำให้ที่นี่ระเบิกเป็นเสี่ยง ๆ งั้นเหรอ? แต่เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของข้ายังคงต่ำอยู่ ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องยืมพลังของพระราชวังนี้สักหน่อย อ๋อ เจ้าอย่าได้มีความคิดที่จะช่วงชิงการควบคุมพลังของที่นี่ไปจากข้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้าหากที่นี่ทลายลงจนเหลือแต่ซาก”
เมื่อเตือนเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็ดึงพลังของพระราชวังมาเกื้อหนุนระดับการบ่มเพาะของเขาจนพุ่งไปเหนือกว่าขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดภายในพริบตา
แน่นอนว่าถ้าเป็นคนอื่นร่างคงจะระเบิดไปแล้วหากมีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเติมเข้ามาในร่างกายอย่างฉับพลันแบบนี้ แต่สำหรับหลิงตู้ฉิง ซึ่งมีพื้นฐานการบ่มเพาะระดับ 15 นั้นเขาไม่มีปัญหาเลยเพราะในร่างกายของเขาตอนนี้มันเป็นเหมือนหลุมดำที่สามารถรอบรับพลังวิญญาณได้อย่างไม่อั้น
ผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างมองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าพลังของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มันเหนือกว่าทุกขอบเขตพลังที่ควรมีอยู่บนโลกนี้
ในเวลาเดียวกับที่พวกเขาตกตะลึง พวกเขาก็บังเกิดความรู้สึกดีใจไปด้วยพร้อม ๆ กันเพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาโชคดีเป็นอย่างมากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ลงมือทำอะไรกับหลิงตู้ฉิง ไม่เช่นนั้นจุดจบของพวกเขาคงไม่สวยอย่างแน่นอน
ในเวลาต่อมา ทุกคนก็ได้เป็นประจักษ์พยานของการหลอมรวมกันระหว่างกระดานหมากล้อมและพระราชวังของทำเนียบราชันมนุษย์
กระดานหมากล้อมนั้นถูกตรึงกลับด้านติดอยู่กับเพดานท้องพระโรง ซึ่งตัวหมากที่อยู่บนกระดานหมากล้อมนั้นไม่ใช่ว่าพวกมันวางนิ่งอยู่เฉย ๆ พวกมันกลับขยับไปเรื่อย ๆ ทวนตาเดินของผู้ที่มีสายเลือดราชันแห่งมวลมนุษย์ทั้งสี่ ซึ่งเคยเล่นเอาไว้
และด้วยการแสดงตาเดินทวนซ้ำของตัวหมากเช่นนี้ ในอนาคตเมื่อบรรดาผู้คนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษามัน พวกเขาย่อมจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก
หลังจากเสร็จเรื่องกระดานหมากล้อมแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงตะโกนขึ้น “ยี่เทียน ขึ้นมาหาพ่อตรงนี้!”
เมื่อถูกเรียกตัว หลิงยี่เทียนพยักหน้าและรีบเดินขึ้นไปหาหลิงตู้ฉิง ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ทันที
ในทางกลับกัน บรรดาผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงนั้นไม่ได้สนใจเลยว่าหลิงยี่เทียนเพิ่งจะถูกเรียกตัวขึ้นไปบนบัลลังก์ เนื่องจากว่าพวกเขากำลังดื่มด่ำอยู่กับความอัศจรรย์ของกระดานหมากล้อมที่ถูกตรึงอยู่บนเพดาน
“ท่านพ่อมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” หลิงยี่เทียนถามขึ้นเสียงเบา เนื่องจากเขารู้สึกว่าหลิงตู้ฉิงทำตัวแปลกไปจากเดิม
เท่าที่เขาเข้าใจในนิสัยพ่อของเขา เขามั่นใจว่าการที่พ่อของเขายอมยุ่งยากสร้างประโยชน์ให้กับทำเนียบราชันมนษย์แบบนี้มันย่อมต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน
“บังเอิญว่าก่อนหน้านี้พ่อทำลายเจตจำนงราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนที่สถิตอยู่ที่นี่ไป ดังนั้นเดี๋ยวพ่อจำเป็นที่จะต้องสร้างเจตจำนงปลอมขึ้นมาเลียนแบบของเดิม” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงยี่เทียนผ่านทางดวงวิญญาณ “แต่การที่พ่อจะทำแบบนั้นได้ พ่อจำเป็นต้องขอยืมอำนาจของผนึกดวงใจสวรรค์ของเจ้าด้วย ไม่เช่นนั้นเจตจำนงที่พ่อสร้างขึ้นมามันจะดูไม่แนบเนียน ดังนั้นเจ้าจะต้องร่วมมือกับพ่อสักหน่อย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงยี่เทียนก็หัวเราะอยู่ในใจ เพราะเขานึกไว้แล้วว่าแบบนี้มันถึงจะสมเหตุสมผลกับการกระทำของพ่อเขาหน่อย!
หลังจากนั้นหลิงยี่เทียนก็ทำตามขั้นตอนที่พ่อของเขาแนะนำโดยการฉายภาพเจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อน ซึ่งเป็นพ่อที่แท้จริงของเขาที่อยู่ในใจของเขามาตั้งแต่แรกเริ่มผ่านผลึกดวงใจสวรรค์
ต้องรู้ว่าผลึกดวงใจสวรรค์นั้นมีอำนาจที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อเจตจำนงปลอมถูกฉายภาพออกมามันจึงมีอำนาจพอที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน และนี่ยังไม่รวมไปถึงหลิงตู้ฉิงเองก็ใช้พลังของพระราชวังในการเกื้อหนุนหลิงยี่เทียนอยู่เช่นกัน ดังนั้นกลิ่นอายของเจตจำนงปลอมจึงยิ่งสมจริงไปกันใหญ่
หลังจากการร่วมมือกันของสองพ่อลูก ร่างสีทองร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นเหนือบัลลังก์ ส่งผลให้ฟู่เซียนแสดงสีหน้าโง่งมออกมาในทันที
ไม่ใช่ว่าเจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่รึไง?
ฟู่เซียนจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงไม่วางตา อยากจะถามว่าเจตจำนงของราชันแห่งมวลมนุษย์รุ่นก่อนปรากฏกายขึ้นอีกได้ยังไง? เพราะเขาไม่อาจเปล่งเสียงถามขึ้นมาตรง ๆ ได้ในขณะนี้
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงยิ้มและลุกขึ้นจากบัลลังก์ จากนั้นเขาเดินไปยืนเคียงข้างหลิงยี่เทียน และพูดว่า “ไปสิ ไปเป็นสิ่งที่เจ้าเกิดมาเพื่อที่จะเป็น!”
“ขอบคุณท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ
จากนั้นหลิงยี่เทียนเดินตรงไปที่บัลลังก์ และนั่งลงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
เหตุผลที่หลิงยี่เทียนสามารถนั่งลงบนบัลลังก์ได้ในทันทีก็เพราะเจตจำนงที่ถูกสร้างขึ้นนั้นมันเป็นเจตจำนงที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ดังนั้นการทดสอบต่าง ๆ ที่เขาจำเป็นต้องเผชิญมันจึงไม่เกิดขึ้นและส่งผลให้ในขณะนี้เขาได้กลายเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์แห่งยุคนี้เรียบร้อยแล้ว!
บรรดาผู้คนที่เห็นว่าหลิงยี่เทียนสามารถนั่งลงบนบัลลังก์ได้อย่างไม่มีปัญหา พวกเขาต่างก็รีบก้าวออกมาข้างเพื่อถวายพระพรในทันทีอย่างพร้อมเพรียงกัน!