พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 884 ไม่ใช่ทุกคนที่อ่านได
จางจิงหง เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าหลิงตู้ฉิง เขามองสำรวจหลิงตู้ฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาถามว่า “ข้าขอดูหนังสือของปราชญ์ถังสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าสามารถให้เจ้ายืมหนังสือดูได้ แต่เจ้าจะต้องมอบแก่นแท้ของพลังหยินหยางมาให้ข้าเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน!”
จางจิงหงส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะ และพูดว่า “ท่านเรียกราคาแพงมากไปหน่อยรึเปล่า? ถึงแม้ว่าแก่นแท้พลังหยินหยางจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายข้า แต่ข้าก็ยังสามารถนำมันไปแลกเป็นสิ่งของอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อข้าหรือไม่ข้าก็มอบมันให้กับศิษย์ของข้าที่ในอนาคตอาจจำเป็นต้องใช้มันได้ และยิ่งไปกว่านั้นท่านอย่าลืมว่าปราชญ์ถังเป็นคนของสำนักเที่ยงธรรม!”
ปราชญ์คนอื่น ๆ เมื่อเห็นว่าจางจิงหงเปิดประเด็นแล้วพวกเขาจึงพูดเสริมทันที “ปราชญ์ถังนางเป็นคนของสำนักเที่ยงธรรมตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นสมบัติของนางที่นางทิ้งไว้มันก็ควรที่จะตกเป็นมรดกของสำนัก ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าซึ่งเป็นแค่คนที่เคยฟังคำสอนของนางมีสิทธิ์เก็บมันไว้กับตัวเอง!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะพลางกวาดสายตามองไปยังปราชญ์คนอื่น ๆ ทุกคน และพูดว่า “นี่พวกเจ้าทุกคนก็คงอยากจะดูหนังสือเล่มนี้เหมือนกับจางจิงหงสินะ? อันที่จริงถ้าเป็นพวกเจ้าอยากจะดู ข้าสามารถให้พวกเจ้าดูได้โดยไม่ต้องจ่ายราคาอะไรเลย พวกเจ้าอยากดูมันไหมล่ะ? ส่วนเจ้า จางจิงหง ข้าต้องการแลกเปลี่ยนสมบัติที่เจ้าได้รับมา หากเจ้าจะดูเจ้าจะต้องแลกเปลี่ยนกับข้าเท่านั้น ไม่งั้นข้าไม่มีทางที่ให้มอบมันให้เจ้าดู!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปราชญ์คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าลังเล แต่ในท้ายที่สุดไป๋ชิงหัวก็ก้าวออกมาและพูดว่า “หลักการที่ข้าศึกษามาทั้งชีวิตนั้นถูกพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ถูกต้องจนสวรรค์ไม่มอบรางวัลใด ๆ ให้แก่ข้าเลย ดังนั้นข้าจำเป็นต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดจากศูนย์ ซึ่งถ้าหากข้ามีโอกาสได้ศึกษาแก่นแท้ในหลักการของปราชญ์ผู้อื่นมันจะช่วยให้ข้ายิ่งประหยัดเวลาได้มากขึ้น ฉะนั้นข้าคงต้องขอดูมันสักหน่อย!”
“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าอยากจะดู?” หลิงตู้ฉิงถามย้ำอีกรอบ
“ข้าแน่ใจ!” ไป๋ชิงหัวพยักหน้ายืนยัน
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ายืนยันหนักแน่นขนาดนี้ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องให้เจ้าดู แต่ว่าข้าคงต้องพูดเอาไว้ก่อนนี่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือกเอง ซึ่งข้าไม่ได้บังคับเจ้า!”
เมื่อจบหลิงตู้ฉิงก็ยื่นหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงของถังชี่หยุนออกไปในทันที ซึ่งไป๋ชิงหัวก็รีบรับมันมาเปิดอ่านด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…” ไป๋ชิงหัวอุทานขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ในตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรหลิงตู้ฉิงถึงสามารถเดินขึ้นไปบนแท่นบูชาได้ และทำไมถังชี่หยุนถึงเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางของนาง…
แต่จากนั้นแทบจะในทันทีที่นางเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง จู่ร่าง ๆ กายของนางก็สลายเป็นฝุ่นผงไปในพริบตาจนเหลือแต่หนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงลอยอยู่ในอากาศอย่างโดดเดี่ยว
หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปคว้าหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงมาถือไว้ด้วยสีหน้าใจเย็น จากนั้นเขาหันไปมองปราชญ์คนอื่น ๆ และถามขึ้นอีกรอบ “มีใครอยากจะดูอีกไหม?”
สีหน้าของปราชญ์คนอื่น ๆ เปลี่ยนป็นตื่นตระหนกทันที และลบความคิดที่จะดูหนังสือของถังชี่หยุนออกไปจากหัวอย่างสิ้นเชิงพร้อมกับกระโดดถอยห่างออกจากหลิงตู้ฉิงแทบจะพร้อม ๆ กันอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าไป๋ชิงหัวจะไม่ใช่คนดีและไม่ใช่คนที่มีความสามารถพอที่จะได้รับรางวัลจากสวรรค์ แต่อย่างน้อย ๆ นางก็เป็นปราชญ์คนหนึ่ง แค่การเปิดหนังสือของถังชี่หยุนอ่านเพียงแค่อึดใจเดียว สวรรค์ถึงกับลงทัณฑ์นางด้วยโทษตายเลยงั้นเหรอ?
เนื้อหาอะไรกันที่อยู่ในหนังสือนั่นกันแน่ถึงทำให้สวรรค์ต้องโหดเหี้ยมเด็ดขาดขนาดนี้?
หลิงตู้ฉิงยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน และพูดกับปราชญ์ที่เหลืออยู่ว่า “พวกเจ้านี่มันรนหาที่ตายกันจริง ๆ ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นมหาปราชญ์ แต่อย่างน้อย ๆ พวกเจ้าแต่ละคนก็มีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นไปอยู่บนขั้นบันไดได้ แต่ทำไมพวกเจ้ากลับหน้ามืดตาบอดไม่รู้ว่าอะไรดีกับตัวเองกันได้แบบนี้?”
“มันก็จริงที่ถังชี่หยุนเป็นคนของสำนักเจ้า แต่ทำไมพวกเจ้าไม่ลองใช้สมองของพวกเจ้าไตร่ตรองกันให้ดี ๆ ว่าทำไมหนังสือเล่มนี้มันถึงมาตกอยู่ในมือของข้าได้? นี่ข้าไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมพวกเจ้าแต่คนละถึงไม่มีปัญญาพอที่จะเดินขึ้นไปถึงแท่นบูชา มันไม่ใช่เพราะสติปัญญาที่ทำให้พวกเจ้าไปไม่ถึงจุดหมาย แต่มันเป็นเพราะความโลภของพวกเจ้าต่างหากที่มันทำให้สวรรค์และโลกไม่ยอมรับพวกเจ้าได้อย่างเต็มที่!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดกับปราชญ์คนอื่น ๆ เสร็จ เขาก็หันไปหาจางจิงหง และพูดว่า “เจ้าแตกต่างจากพวกโง่เหล่านั้น ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นมหาปราชญ์ได้แบบนี้! ดังนั้นเจ้าจึงสามารถอ่านเนื้อหาในหนังสือนี่ได้โดยที่เจ้าจะไม่ถูกสวรรค์ลงโทษ แต่ก่อนที่เจ้าจะอ่านได้เจ้าจะต้องได้รับคำอนุญาตจากข้าก่อนเท่านั้น ซึ่งตราบใดที่เจ้าตอบตกลงแลกเปลี่ยนกับข้า ข้าจะอนุญาตให้เจ้าได้อ่านมัน!”
จางจิงหงจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าซับซ้อน ซึ่งในใจของเขานั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าเนื้อหาในหนังสือของถังชี่หยุนมันคืออะไรกันแน่?
เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าทำไมถังชี่หยุนถึงได้รับการส่งเสริมจากสวรรค์และโลกมากกว่าเขา ซึ่งถ้าวัดกันแบบง่าย ๆ ก็คือจำนวนพลังแห่งความเที่ยงธรรมที่นางดูดซับเข้าไปนั้นมันมากกว่าเขามากมายมหาศาลเป็นอย่างมากจนถึงขนาดที่นางสามารถเปลี่ยนวิถีเต๋าได้เลย!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะอยากดู แต่เขาก็ยังรู้สึกลังเลว่าถ้าเขาดูมันจริง ๆ เขาจะไม่ตายเหมือนไป๋ชิงหัวใช่ไหม?
ส่วนแก่นแท้พลังหยินหยางนั้นเขาไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ เพราะอย่างที่เขาบอกไปก็คือมันแทบไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลยนอกซะจากการเขาสามารถเอามันไปแลกกับสิ่งอื่นได้แค่นั้น
หลังจากคิดทบทวนอยู่ได้พักใหญ่ จางจิงหงก็ตกลงปลงใจว่าเขาจะต้องดูเนื้อหาในหนังสือของถังชี่หยุนให้ได้! ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นมหาปราชญ์ที่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์และโลก เขาคงไม่ตายเพราะการอ่านหนังสือแค่รอบเดียวหรอกจริงไหม?
“ข้าตกลงที่จะมอบแก่นแท้พลังหยินหยางให้กับเจ้า แต่เจ้าจะต้องจับมันให้ได้เองตกลงไหม?” จางจิงหงยิ้ม “แต่ไม่ว่าเจ้าจะจับมันได้หรือไม่ได้ เจ้าจะต้องให้ข้าดูหนังสือของปราชญ์ถังนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องยอมรับ!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้านี่ช่างฉลาดดีจริง ๆ แน่นอนว่าข้าตกลง! ต่อให้แก่นแท้พลังหยินหยางที่เจ้ามีมันจะใหญ่กว่านี้ข้าก็สามารถจับมันได้อยู่ดี เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง!”
“ถ้างั้นจงเตรียมพร้อม!” จางจิงหงพูดเตือนขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับแบมือเพื่อแสดงให้เห็นลูกแก้วสีขาวดำที่อยู่บนฝ่ามือของเขา ซึ่งกำลังแผ่อำนาจพลังหยินหยางอย่างรุนแรง
สีหน้าของหลิงตู้ฉิงเปลี่ยนเป็นจริงจังเช่นกัน จากนั้นเขารวบรวมอำนาจของอาณาเขตสวรรค์ของเขาเองมาไว้ที่ปลายนิ้วและชี้ไปที่ลูกแก้วสีขาวดำที่อยู่บนฝ่ามือของจางจิงหง และตะโกนว่า “เจ้าปล่อยมันตอนนี้ได้เลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง จางจิงหงคลายอำนาจของเขาที่ยับยั้งแก่นแท้พลังพยินหยางไม่ให้หนีไปไหนออกทันที ซึ่งในเวลาเดียวกันกับที่เขาคลายอำนาจของเขาออก เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแก่นแท้พลังพยินหยางที่ในตอนแรกเป็นลูกแก้วสีขาวดำจู่ ๆ มันก็สลายเป็นหมอกสีขาวดำภายในพริบตาและหายไปในทันที ซึ่งทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกอะไรเลย
สิ่งนี้ทำให้จางจิงหงรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก และเมื่อเขาลองใช้เจตจำนงของตัวเองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เขาก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก เพราะเขาสามารถจับสัมผัสได้ว่าแท้จริงแล้วแก่นแท้พลังพยินหยางที่หายไปนั้นมันหายเข้าไปหลอมรวมกับโลกจำลองที่จู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นครอบคลุมพื้นที่รอบกายของเขา
หลิงตู้ฉิงเห็นสีหน้างุนงงของจางจิงหงเช่นกัน แต่เขาไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรทั้งนั้น เขายื่นหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงให้กับจางจิงหง และพูดว่า “เอาไปอ่านซะ!”
จางจิงหงรับหนังสือมาและเปิดอ่านอย่างตั้งใจจนเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! มิน่าล่ะทำไมสวรรค์และโลกถึงชมชอบนางมากกว่าข้า!”
จากนั้นจางจิงหงยังคงเปิดอ่านต่อไปจนจบ และจากนั้นเขาก็ยื่นหนังสือคืนให้กับหลิงตู้ฉิงพร้อมกับประสานมือคารวะและพูดว่า “ข้าได้ทำการลบความทรงจำในส่วนของความลับสวรรค์ที่ระบุอยู่ในเนื้อหาของหนังสือเรียบร้อยแล้ว! ส่วนหลักการของนางข้าได้จดจำมันทั้งหมดเรียบร้อย และถ้ามีโอกาสข้าจะช่วยเผยแพร่มันออกไปให้นาง”
หลิงตู้ฉิงเก็บหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรง จากนั้นเขาตอบกลับ “หากเจ้าจะเผยแพร่หลักการของนางออกไปก็ตามใจเจ้า แต่นางคงไม่สนใจเท่าไหร่หรอก เอาล่ะในเมื่อเรื่องทุกอย่างจบแล้วงั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ!”
จางจิงหงยิ้ม “งั้นข้าจะส่งพวกท่านออกไปให้เอง!”
“ก็ดีข้าจะได้ประหยัดเวลาไปได้อีก!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
จากนั้นจางจิงหงจึงสร้างประตูมิติที่เชื่อมถึงบริเวณชายฝั่งของทะเลแห่งความรู้ให้กับหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงหันกลับไปพูดกับคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ว่า “พวกเจ้าทุกคนหากใครอยากจะออกไปกับข้า พวกเจ้าสามารถตามมาได้หรือถ้าหากจะอยู่ที่นี่ต่อก็ตามใจพวกเจ้า!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินหายเข้าไปในประตูมิติทันทีโดยไม่สนใจว่าใครจะตามเขาออกไปบ้าง