พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 889 ชักชวนเหล่าภูต
กวนหลิงอู่รู้สึกตกตะลึงไปพักหนึ่ง เมื่อเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงมีผู้สำเร็จเต๋ามารับหน้าที่เปิดทางให้
ต้องรู้ว่าในตอนนี้มีผู้สำเร็จเต๋าแค่ 2 คนเท่านั้น
หนึ่งในนั้นก็คือมหาปราชญ์ของสำนักเที่ยงธรรม ซึ่งกวนหลิงอู่แน่ใจว่าเขาคงไม่มาร่วมแผนการนี้ของหลิงตู้ฉิง ดังนั้นมันจึงควรจะเป็นผู้สำเร็จเต๋าอีกคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งจะปรากฎขึ้นแน่นอน!
เมื่อเห็นสีหน้าที่โง่งมของกวนหลิงอู่ หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “บังเอิญว่าข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สำเร็จเต๋าคนใหม่พอสมควร ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะร่วมแผนการของเรา เอาล่ะส่วนเจ้าในเมื่อเจ้ายินดีที่จะบุกสำนักเงินตรากับข้า งั้นข้าจะมอบตำแหน่งของสถานที่รวมพล ซึ่งเจ้าจะต้องไปที่นั่นในอีก 20 ปีถัดไป”
“รับทราบนายท่าน เมื่อถึงเวลาข้าจะรีบเดินทางไปที่ตำแหน่งรวมพลแน่นอน!” กวนหลิงอู่โค้งคารวะ
“อืม! งั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ!” หลังจากร่ำลาเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็บินออกจากตำหนักเทพยุทธ์และมุ่งหน้าไปที่สำนักกระบี่เอกภพ
เมื่อไปถึงสำนักกระบี่เอกภพ หลิงตู้ฉิงเข้าไปพบกับมู่หยุนชานโดยตรงและพูดว่า “ข้าเจอกลุ่มคนที่เป็นสาเหตุทำให้พ่อของเจ้าตายแล้ว ดังนั้นเจ้าจงเตรียมพร้อมให้ดีเพื่อไปคิดบัญชีพวกมันกับข้า!”
“ท่านลุง ใครกันที่เป็นสาเหตุทำให้พ่อของข้าต้องตาย?” มู่หยุนชานรีบถามกลับ
“สำนักเงินตรา!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “ก่อนที่ข้ามาหาเจ้า ข้าได้เตรียมการไปบ้างแล้ว จงเอาตำแหน่งของสถานที่รวมพลไปและอีก 20 ปีจงมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อรอข้า”
“ขอบคุณท่านลุง!” มู่หยุนชานประสานมือโค้งคารวะ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดต่อว่า “ข้ามีข่าวดีอีกเรื่องจะแจ้งให้กับเจ้าได้รู้ ผู้สำเร็จเต๋าคนที่สองแท้จริงแล้วคืออาจารย์ของมู่เฉียนหลิง”
“หา!” มู่หยุนชานอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงดัง
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ต้องตกใจอะไรมากขนาดนั้น ตัวเจ้าเองหากพยายามมากพอเจ้าก็สามารถกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้เหมือนกัน!”
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลิงตู้ฉิงก็เดินทางออกจากสำนักกระบี่เอกภพ และมุ่งไปหน้าไปที่สำนักวิญญาณโลหิต
เมื่อไปถึงสำนักวิญญาณโลหิต หลิงตู้ฉิงก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปที่ทะเลโลหิตทันทีโดยที่คนในสำนักวิญญาณโลหิตไม่มีใครรู้ถึงการมาของหลิงตู้ฉิงเลย
“นายท่าน!” หมิงยู่รีบปรากฏกายขึ้น และโผเข้ากอดหลิงตู้ฉิงทันที “ท่านมาหาข้าต้องการให้ข้ารับใช้อะไรงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้องแล้วข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วยแถมมันยังเป็นผลดีต่อสำนักของเจ้าอีกต่างหาก! ตอนนี้ข้ากำลังเตรียมการที่จะกำจัดสำนักเงินตรา ซึ่งข้าจำเป็นต้องใช้ร่างโลหิตอมตะของเจ้าในการบุก”
สีหน้าของหมิงยู่เปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “นายท่าน สำนักเงินตรานั้นไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่ใครเข้าใจ! นอกเหนือจากเรื่องที่พวกเขาเป็นสำนักมหาอำนาจแล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาพิเศษกว่าสำนักมหาอำนาจอื่น ๆ นั้นเป็นเพราะพวกเขามีสายสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนมาก ซึ่งถ้าหากสำนักเงินตราถูกโจมตีเมื่อไหร่ คนจำนวนมากที่เคยติดค้างสำนักเงินตราจะต้องแห่กันมาช่วยแน่นอน และรวมไปถึงหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็จะส่งคนมาช่วยพวกเขาเช่นกัน!”
ในฐานะที่นางเคยเป็นสมาชิกของตำหนักหอมรัญจวน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสมาชิกของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ ดังนั้นนางจึงมีความเข้าใจเป็นอย่างดีกับความแข็งแกร่งของสำนักเงินตรา
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งที่มีอยู่บนโลกใบนี้นั้นถูกครอบครองโดยสำนักเงินตรา ดังนั้นข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาไม่ธรรมดา! แต่ตัวข้าเองใช่ว่าจะไม่เคยทำลายล้างสำนักมหาอำนาจแบบนี้มาก่อน ยกตัวอย่างเช่นตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์และสำนักโอสถนิรันดร์ก็ยังถูกทำลายลงโดยฝีมือข้ามาแล้ว ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล!”
“ในเมื่อนายท่านรู้แล้วข้าก็อุ่นใจ!” หมิงยู่พยักหน้า “นายท่าน ตอนนี้ร่างโลหิตอมตะของข้ามีระดับการบ่มเพาะขอบเขตราชันขั้นกลาง ข้าไม่แน่ใจว่ามันเพียงพอรึเปล่า?”
“ขอบเขตราชันขั้นกลางคงไม่เพียงพอ!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “แต่ว่ายังเหลือเวลาอีก 20 ปีก่อนที่ข้าจะบุก ดังนั้นเจ้าจงรีบดูดซับพลังและทำให้ร่างโลหิตอมตะของเจ้ามีระดับการบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิซะ การจัดการกับสำนักเงินตรานั้นพวกเราจำเป็นต้องเตรียมการเผื่อเอาไว้บ้าง”
“รับทราบนายท่าน ข้าจะเร่งทำให้ระดับการบ่มเพาะของร่างโลหิตอมตะขึ้นไปอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิโดยเร็วที่สุดเพื่อที่ข้าจะได้รับใช้ท่านได้อย่างสมบูรณ์แบบ!” หมิงยู่หัวเราะ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม เมื่อเจ้าเตรียมตัวเสร็จจงไปหาข้าที่อาณาจักรจันทรา!”
เมื่อเดินทางออกจากสำนักวิญญาณโลหิต หลิงตู้ฉิงก็มุ่งหน้าไปที่ป่าภูตนางฟ้าต่อ เพื่อจัดแจงให้จักรพรรดินีภูตนางฟ้าตามเขาไปถล่มสำนักเงินตราด้วยเมื่อถึงเวลา
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินทางต่อไปยังเผ่าภูตดิน และเรียกให้ซวนหยวนตู่มาพบ
“ท่านผู้ส่งสาสน์!” ซวนหยวนตู่คุกเข่าคำนับ
หลิงตู้ฉิงส่งสัญญาณมือให้ซวนหยวนตู่ลุกขึ้น จากนั้นเขาถามว่า “ตอนนี้จำนวนสมาชิกในเผ่าของเจ้ามีจำนวนเท่าไหร่แล้ว?”
“ท่านผู้ส่งสาสน์ หากไม่นับหญิงสาวเผ่าอื่นที่พวกนางแต่งงานกับคนของเรา ตอนนี้พวกเรามีสมาชิกถึง 3,000 แล้ว” ซวนหยวนตู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “สมาชิกส่วนใหญ่ที่กำเนิดขึ้นใหม่นั้นมาจากหญิงสาวชาวมนุษย์ ซึ่งข้าต้องขอขอบคุณท่านผู้ส่งสาสน์จริง ๆ แต่ว่า…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของซวนหยวนตู่ก็กลายเป็นสลดลง
“ภูตดินหนุ่มทั้งห้าของพวกเราในตอนนี้พวกเขาไม่มีพลังที่จะให้กำเนิดอีกแล้ว ส่วนภูตดินสาวทั้งห้านั้นโชคดีหน่อย เพราะในตอนนี้พวกนางยังสามารถตั้งครรภ์ได้อยู่โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นกำลังอุ้มท้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะอีกประมาณ 1,000 ปี บุตรของนางถึงจะคลอดออกมา” ซวนหยวนตู่พูดขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าจะสลดไปทำไม ด้วยจำนวนสมาชิกขนาดนี้เผ่าของเจ้าก็นับได้ว่ารอดพ้นจากการสูญพันธุ์แล้วแน่นอน!”
“ข้าต้องขอขอบคุณท่านผู้ส่งสาสน์อีกครั้ง หากไม่มีท่านเผ่าภูตดินของข้าก็คงต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถแน่นอน!” ซวนหยวนตู่โค้งตัวคำนับด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
“เอาล่ะ เอาล่ะ!” หลิงตู้ฉิงโบกมือ และเปลี่ยนเรื่องคุย “อันที่จริงวันนี้ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้ามีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อเผ่าของเจ้ามาให้ ซึ่งถ้าเจ้าตกลงร่วมมือกับข้า ข้ารับประกันได้ว่าเผ่าของเจ้าจะมีเงินใช้อย่างสบายมือไปอีกนานแสนนาน”
“ท่านผู้ส่งสาสน์ หากท่านต้องการให้พวกเราทำอะไรโปรดท่านพูดมาได้เลย พวกเราทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่างอยู่แล้ว!” ซวนหยวนตู่ตอบกลับแสดงจุดยืนของเขาทันที
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพูดว่า “ข้าต้องการที่จะทำลายสำนักเงินตรา ดังนั้นข้าอยากจะได้ภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดมาช่วยข้าบุกโจมตีสัก 20 ตน และข้าจะให้ยี่เทียนจัดการมอบอาวุธที่เหมาะสมให้แก่พวกเขาเอาไว้ใช้ในการสู้ศึกนี้ ซึ่งหลักจากจบศึกคนของเจ้าสามารถเก็บอาวุธเหล่านั้นเอาไว้ใช้ได้เลย และนี่ยังไม่รวมไปถึงส่วนแบ่งของสมบัติที่มีอยู่ในสำนักเงินตรา ซึ่งหลังจากจบศึกข้าจะแบ่งให้พวกเจ้าอีกต่างหากตามผลงาน”
ซวนหยวนตู่หัวเราะ “ไม่มีปัญหาท่านผู้ส่งสาสน์! ข้าจะส่งคนของข้าเข้าร่วมแน่นอนว่าแต่ท่านต้องการภูตดินขอบเขตจักรพรรดิด้วยไหม? ข้าสามารถส่งพวกเขาไปเสริมได้หากท่านต้องการ!”