พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 901 เกรงกลัว
**ขออนุญาตเรียงขอบเขตพลังให้อีกรอบนะครับเพราะตอนนี้มีขอบเขตพลังใหม่เพิ่มขึ้น**
ขั้นพลัง
ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ
ขอบเขตควบแน่นลมปราณ
ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ
ขอบเขตรวมแสงดารา
ขอบเขตนภา
ขอบเขตสวรรค์ มี 8 ระดับ
-ระดับสวรรค์สามัญ
-ระดับหลุดพ้นสามัญ
-ระดับเหนือล้ำ
-ระดับนักบุญ
-ระดับรู้แจ้ง
-ระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
-ระดับนภาคราม
-ระดับสวรรค์สมบูรณ์
ขอบเขตราชัน
ขอบเขตจักรพรรดิ
ขอบเขตมหาจักรพรรดิ
ขั้นพลังหลังจากขึ้นไปสู่โลกเบื้องบน
ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ
ขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์
ขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์
ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
ขอบเขตเทวะราชา
ขอบเขตจักรพรรดิเทพ
********************************************************************
แค่มองเพียงปราดเดียว หลิงตู้ฉิงบอกได้เลยว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิเหล่านี้ที่เพิ่งมาถึงนั้นเป็นคนของหมู่บ้านซิงหัว ตำหนักหอมรัญจวน และตำหนักเทพโชคลาภ
หรือพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาทั้งหมดคือคนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์
เมื่อได้ยินคำพูดห้วน ๆ ของหลิงตู้ฉิง หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขมวดคิ้วทันที แต่เขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร เนื่องจากรอบกายของหลิงตู้ฉิงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดอยู่เกือบร้อย ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ข่มอารมณ์และถามกลับอย่างใจเย็น “พวกท่านโหดเหี้ยมถึงขนาดสังหารคนทั้งอาณาเขตที่มีความเกี่ยวพันกับหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของพวกเราเช่นนี้ ท่านคิดว่าพวกเราไม่ควรมีสิทธิ์ตั้งคำถามกับพวกท่านสักหน่อยหรือไง?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าอยากรู้เหตุผลงั้นเหรอ? ได้! เหตุผลที่ข้าฆ่าล้างคนในอาณาเขตเงินตราทั้งหมดก็เพราะคนเหล่านี้มันบังอาจสังหารคนของข้าก่อน และคนของข้าที่พวกมันสังหารไปก็คือ เทพกระบี่ และ ผีเสื้อ! ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้มายุ่งเรื่องของข้าจะดีกว่า ครั้งล่าสุดข้าแค่เตือนพวกเจ้าเฉย ๆ แต่ถ้ารอบนี้พวกเจ้ายังกล้ามาแส่เรื่องของข้าอีก ข้าบอกไว้เลยว่าพวกเจ้าจะเป็นรายต่อไปที่ข้าจะไปกวาดล้าง!”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ สีหน้าของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่มาจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์กลายเป็นตื่นตระหนก เพราะพวกเขารู้แล้วว่าในตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร!
ที่แท้คนผู้นี้ก็คือเทพหายนะอันโด่งดังเมื่อในอดีตนั่นเอง!
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดรีบพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นทันที “ผะ..ผะ..ผู้อาวุโส โปรดเมตตาด้วย พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นท่าน!”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ “ข้าขอเตือนพวกเจ้าทุกคนเอาไว้เลย อย่าให้ข้าสัมผัสได้ว่าพวกเจ้ากำลังปองร้ายข้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าพวกเจ้ากำลังคุกคามข้าอยู่ พวกเจ้าควรจะรู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องการฆ่าแล้วข้าไม่เคยเป็นสองรองใคร ซึ่งมันทำให้ข้าไวต่อความรู้สึกหากมีใครมาปองร้ายข้ามาก ๆ”
“พวกเรามิกล้า ๆ” บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิทั้งหมดต่างรีบตอบแทบจะพร้อมกัน
ในตอนนี้ในใจของพวกเขามีเพียงสิ่งเดียวที่คิดอยู่ก็คือพวกเขาอยากจะไปจากที่นี่ให้พ้น ๆ แต่มันติดอยู่ที่พวกเขาก็ไม่กล้าหนีไปเช่นกัน เพราะพวกเขายังไม่ได้รับอนุญาตจากหลิงตู้ฉิง
เมื่อเผชิญหน้ากับเทพหายนะผู้นี้ใครกันจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามให้เขาไม่พอใจ? หากพวกเขารู้แต่แรกว่าเป็นใครที่ทำลายอาณาเขตเงินตรา พวกเขาจะไม่มีทางมาปรากฏกายที่นี่แน่นอน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าเชื่อมสวรรค์พลางครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ในตอนแรกข้าคิดอยู่เหมือนกันว่าจะให้ใครมาดูแลที่นี่ดีหลังจากนี้ แต่ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่แล้วงั้นข้ายกหน้าที่ดูแลที่นี่ให้พวกเจ้าก็แล้วกัน อ๋อเดี๋ยวข้าจะทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวน 1 ใน 10 ส่วนของอาณาเขตเงินตราเอาไว้ให้กับพวกเจ้าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำลายศพให้หมดและฟื้นฟูที่นี่ในอนาคต”
ในตอนนี้ทั้งอาณาเขตเงินตรามีศพกองสุมกันอยู่มากมาย ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้เช่นนี้ที่นี่จะกลายเป็นเหมือนแดนกระดูกขาวแน่นอน ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเป็นจำเป็นต้องจัดการกับศพพวกนี้ให้แร็วที่สุด และแน่นอนว่าการให้คนอื่นมาทำแทนมันก็สะดวกกว่าอยู่แล้วจริงไหม?
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง บรรดาผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็มองหน้ากันด้วยสายตาแปลกประหลาด เพราะจากที่พวกเขาเคยรู้ประวัติของหลิงตู้ฉิง เทพหายนะผู้นี้มีแต่ฆ่าอย่างเดียวไม่เคยฝังศพให้ใคร แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?
“น้อมรับคำสั่งผู้อาวุโส!” เหล่าผู้เชี่ยวชาญหอการค้าเชื่อมสวรรค์รีบตอบกลับ
พวกเขาเข้าใจดีว่า 1 ใน 10 ของทรัพย์สมบัติที่อาณาเขตเงินตรามีนั้นมันมหาศาลแค่ไหน ดังนั้นพวกเจ้าจึงเต็มใจทำงานให้กับหลิงตู้ฉิงเช่นกัน หรือถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไรตอบแทน แต่ถ้าเป็นคำพูดของหลิงตู้ฉิงพวกเขาก็ยังคงต้องทำตามอยู่ดี
หลิงตู้ฉิงโบกมือไล่พร้อมกับพูดว่า “ตอนนี้พวกเจ้าออกไปเตรียมตัวกันให้พร้อมก่อน เอาไว้พวกข้าออกไปเมื่อไหร่พวกเจ้าค่อยเข้ามาเก็บกวาดที่นี่”
“รับทราบ!”
จากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็รีบบินจากไปทันที
แน่นอนว่าว่าหลังจากที่พวกเขาจากไป พวกเขาก็เอาข่าวการปรากฏกายของหลิงตู้ฉิงไปป่าวประกาศทันที ซึ่งหลังจากที่ข่าวการปรากฏกายของเทพหายนะแพร่ออกไป เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างก็ตื่นตระหนกเพราะพวกเขากลัวว่ายุคนี้จะกลายเป็นเหมือนยุคก่อนที่มีแต่ความวุ่นวายจากฝีมือของหลิงตู้ฉิง
โดยเฉพาะหลายสำนักที่เคยร่วมวงเล่นงานคนของหลิงตู้ฉิงในอดีต เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็เดินไปหาศพยักษ์เทวะทั้งสี่
ด้วยอำนาจเต๋าที่พวกมันปลดปล่อยอยู่ในตอนนี้ ร่างของพวกมันจึงไม่อาจให้ใครมาจับต้องเพื่อเคลื่อนย้ายออกไปได้ และไม่ต้องพูดถึงแหวนมิติ ซึ่งไม่สามารถเก็บพวกมันเข้าไปได้เช่นกัน การเคลื่อนย้ายพวกมันมีเพียงอย่างเดียวก็คือต้องมีใครสักคนควบคุมพวกมัน และสั่งให้พวกมันดึงอำนาจเต๋าของพวกมันกลับเข้าไปในร่างเพื่อที่จะสามารถเอาร่างของพวกมันใส่เข้าไปในแหวนมิติได้
“น้องเขย เจ้ารู้รึเปล่าไอ้เจ้าศพยักษ์สี่ตัวนี้พวกมันเคยมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับไหน?” เย่เจียงไห่ถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่เจียงไห่ก่อนจะตอบว่า “ในสี่ตัว มีตัวหนึ่งเคยอยู่ในขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกสามตัวเคยอยู่ในขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์”
“ขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” เย่เจียงไห่อุทานขึ้น
หลิงตู้ฉิงถามกลับ “ชีวิตที่แล้วเจ้าตายยังไง?”
เย่เจียงไห่ยิ้มอย่างขมขื่น และตอบกลับว่า “ในวันนั้นข้ากำลังนั่งบ่มเพาะอยู่ในตำหนักของข้าอยู่ดี ๆ แต่แล้วจู่ ๆ แผ่นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรง และต่อมาแผ่นดินก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ข้าใช้พลังทั้งหมดที่ข้ามีเพื่อปกป้องตำหนักของข้าอย่างสุดกำลัง ซึ่งสุดท้ายข้าก็สามารถปกป้องมันเอาไว้ได้แต่แลกมาด้วยการที่ข้าบาดเจ็บสาหัสจนเกินเยียวยา ข้าจึงใช้ช่วงเวลาที่ข้ายังมีเหลืออยู่เตรียมการต่าง ๆ สำหรับการที่ข้าจะต้องกลับมาเกิดใหม่และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ข้าก็เข้าสู่กระบวนการสังสารวัฎ”
“เจ้าไม่มีความสามารถพอ ดังนั้นเจ้าจึงตาย” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ส่วนศพพวกนี้พวกเขาตายกันในระหว่างที่กำลังหลบหนี!”
ในตอนที่เทพบรรพกาลต้องการสร้างโลกใหม่ มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงตายไปมากมาย ซึ่งศพยักษ์สี่ตัวนี้ก็เช่นกันและอันที่จริงมันก็คงมีศพเช่นนี้อยู่อีกมากมายที่ก้นของหุบเหวมรณะที่แบ่งอาณาเขตต่าง ๆ เอาไว้
เย่เจียงไห่แสดงสีหน้างุนงงและถามกลับ “น้องเขยเจ้าพูดเรื่องอะไรข้าไม่เข้าใจ?”
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความลับของสวรรค์ ต่อให้ข้าจะอธิบายไปเจ้าก็ไม่มีทางได้ยินหรอก!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้อย่าเพิ่งมากวนข้า ข้าต้องใช้สมาธิในการเชื่อมต่อกับศพเหล่านี้ และถ้าหากเจ้าไม่มีอะไรทำ เจ้าก็ใช้เพลิงของเจ้าเผาศพทั้งหมดและให้คนอื่น ๆ ช่วยฝังไปก่อนก็ได้”
หลิงตู้ฉิงกลัวว่าเหล่าผู้คนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์จะจัดการได้ไม่ดี ดังนั้นเพื่อความแน่ใจเขาจึงตัดสินใจให้เย่เจียงไห่ใช้พลังเพลิงกำจัดศพแทนจะดีกว่า ส่วนตัวเขาเองก็หันมาจัดการกับศพยักษ์เทวะโดยใช้ทักษะบงการศพเทวะเพื่อควบคุมพวกมันให้ดึงอำนาจเต๋าของพวกมันเองเก็บกลับเข้าไปในร่าง เพื่อที่เขาจะได้สามารถใส่พวกมันเข้าไปในแหวนมิติได้
แน่นอนว่าในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังง่วนอยู่กับเหล่าศพยักษ์เทวะ ซวนหยวนตู่และคนอื่น ๆ ก็พากันมายืนคุ้มกันเพื่อไม่ให้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
จากนั้น 1 ปีถัดมา เหล่าทหารของหลิงยี่เทียนก็ขนทรัพย์สมบัติจำนวน 9 ส่วนที่มีในอาณาเขตเงินตราเสร็จและเหลือทิ้งไว้ 1 ส่วนให้กับเหล่าคนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์
ส่วนเรื่องการแบ่งสมบัติ อันที่จริงตอนนี้มีแค่เพียงเย่เจียงไห่และกวนหลิงอู่เท่านั้นที่ได้เลือกสมบัติไปก่อน ส่วนสำนักอื่น ๆ ที่หลิงตู้ฉิงชวนมาพวกเขาตั้งใจว่าจะไปเลือกสมบัติที่อาณาจักรจันทราแทน เนื่องจากพวกเขาอยากใช้โอกาสนี้ไปดูอาณาจักรจันทราสักหน่อยว่าพัฒนาไปถึงไหน และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะได้ผูกสัมพันธ์กับหลิงตู้ฉิงได้มากขึ้น
ส่วนบรรดาผู้คนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ต่างก็พาคนของพวกเขากลับมารอหลิงตู้ฉิงอยู่ที่ด้านนอกอาณาเขตเงินตราเรียบร้อย
อันที่จริงหลังจากที่พวกเขากลับไป พวกเขาก็ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงอย่างละเอียดอีกรอบ ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงในตอนนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างผ่อนคลายและกล้าที่จะมารออย่างใจเย็น
หลังจากผ่านไปอีก 1 เดือน หลิงตู้ฉิงก็สามารถควบคุมศพยักษ์เทวะทั้งสี่ได้สำเร็จ ซึ่งเขาก็สั่งให้พวกมันเก็บอำนาจเต๋ากลับเข้าไปในร่าง จากนั้นเขาเก็บพวกมันเข้าไปในแหวนมิติทันที