พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 911 ปั่นหัวเทพมทรณะ
หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองแค่เพียงครั้งเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิทั้งสี่ที่ขวางทางเขาอยู่นั้นเป็นพวกไหน แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสนว่า “พวกเจ้ามากันแค่ 4 คนเองเหรอ?”
“แค่ 4 คนก็เพียงพอแล้วที่จะส่งเจ้าไปเกิดใหม่!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่เป็นผู้นำกลุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา
หลิงตู้ฉิงถามกลับ “เจ้าเป็นเทพมรณะลำดับที่เท่าไหร่?”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “จงจำเอาไว้ข้าคือเทพมรณะลำดับที่ 5 ผู้ที่จะส่งเจ้าไปเกิดใหม่อีกรอบ!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “เฮ้อ…ขนาดสำนักเงินตรายังถูกทำลายด้วยน้ำมือข้า ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจมากจากไหนถึงได้กล้ามายืนรนหาที่ตายต่อหน้าข้าแบบนี้…ทัณฑ์ฟ้าดิน!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของหลิงตู้ฉิง ง้าวเทวะพินาศปรากฏขึ้นทันทีและภายในพริบตาง้าวเทวะพินาศพุ่งเข้าไปสับร่างและดวงวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ 3 คนที่ติดตามเทพมรณะจนแหลกสลายเหลือไว้แค่เทพมรณะ ผู้ที่หลิงตู้ฉิงจงใจไว้ชีวิตเอาไว้
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงคาดเอาไว้แล้วว่าข่าวการปรากฏตัวของเขาที่สำนักดาบสวรรค์และเดินทางโดยลำพังแบบนี้มันจะต้องรู้ไปถึงหูพวกตำหนักดับเซียน ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันจะต้องมาดักสังหารเขาแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือพวกมันมากันน้อยเกินไป!
เมื่อเทพมรณะเห็นการสังหารที่รวดเร็วจนมองไม่ทันเช่นนี้ เขาได้แต่ยืนอึ้งพร้อมกับเริ่มมีอาการสั่นด้วยความหวาดกลัว
เขาเคยได้ยินใครหลายคนพูดถึงการโจมตีนี้ของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน ซึ่งในตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ว่ามันจะไร้เทียมทานอย่างที่คนเขาร่ำลือ แต่เมื่อเขาได้เห็นด้วยตาตัวเอง สิ่งเดียวที่เขาเข้าใจคือการโจมตีนี้มันไม่มีวันหลบพ้น ไม่มีวันต้านทานได้ ใครที่ตกเป็นเป้าหมายคือตายสถานเดียว!
นอกจากนั้นเขาไม่เข้าใจเลยว่าเบื้องหลังการโจมตีนี้มันคืออะไร ความเร็ว? ก็ไม่ใช่! เป็นการโจมตีผ่านมิติ? มันก็ไม่มีความผันผวนของกฎแห่งมิติแม้แต่น้อย!
หลิงตู้ฉิงยืนถือง้าวเทวะพินาศอยู่ในมือพลางมองไปที่เทพมรณะด้วยสายตาหยอกล้อ “ร่างกายผู้นำของเจ้ายังฟื้นฟูไม่เสร็จอีกเหรอ? ทำไมเขายังไม่ออกมาอีก?”
“ข้าไม่รู้เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไร!” เทพมรณะตวาดกลับ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ก็ผู้นำของเจ้าฝึกฝนวิชารวมกายศพจนเสร็จสมบูรณ์กันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“นี่เจ้ารู้ได้ยังไง?” เทพมรณะถามกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ตั้งแต่ที่ข้าเห็นศพยักษ์เทวะในอาณาเขตเงินตราและเห็นว่าพวกเจ้าชอบมุดกันอยู่แต่ในเหวมรณะ ข้าก็พอเดาได้แล้วว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ จะว่าไปพวกเจ้านี่ก็ช่างกล้ากันจริง ๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกศพเทวะโดยไม่กลัวโดนพวกมันกิน เอาล่ะ ในเมื่อชะตาชีวิตของเจ้ามันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ถ้างั้นข้าจะปล่อยให้เจ้ากลับไปก็แล้วกัน จงกลับไปเป็นอาหารของพวกศพเหล่านั้นไปเถอะ”
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องจริง เขาแค่ลองพูดออกไปส่ง ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของเทพมรณะ ซึ่งท้ายที่สุดคำตอบที่เขาได้รับมันก็ชัดเจนตามที่เขาคาดเดา
ที่แท้ผู้นำของตำหนักดับเซียนก็กำลังพยายามรวมร่างของตัวเองเข้ากับศพเทวะ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ในอนาคตเขาคงต้องเพิ่มความรัดกุมในการจัดการกับตำหนักดับเซียนเพราะความแข็งแกร่งของศพเทวะมันไม่ใช่สิ่งที่ประมาทได้
เทพมรณะซึ่งกำลังหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงอยู่แล้ว เมื่อเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงจะปล่อยเขาไป เขาจึงรีบตะโกนขึ้นทันที “รอบหน้าที่ข้าลงมือ ข้ารับประกันว่าเจ้าไม่รอดแน่!”
เมื่อพูดจบร่างของเขาหายไปในพริบตาทันที
หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าราวกับว่าเขาเพิ่งเจอกับเรื่องไร้สาระ จากนั้นเขาก็เริ่มเดินทางต่อ
จากนั้นเมื่อเขายิ่งเดินทางเข้าไปใกล้ภูมิภาคอี้ซางมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งพุทธมากขึ้นเท่านั้นจนท้ายที่สุดเขาต้องหันไปพูดกับโจวจื่อซินว่า “จงหลบอยู่แต่ข้างหลังข้าไว้ ข้าจะต้านพลังแห่งพุทธให้เจ้าเอง ไม่เช่นนั้นพวกเราจะหลอกพระเหล่านั้นไม่ได้”
หลิงตู้ฉิงใช้อาณาเขตสวรรค์ของเขาในการต้านพลังแห่งพุทธที่อยู่รายล้อมเพื่อไม่ให้จับสัมผัสการดำรงอยู่ของโจวจื่อซินได้ ไม่เช่นนั้นหากพวกพระรู้ว่าโจวจื่อซินมีอะไรซ่อนอยู่แผนการพวกเขาจะแตกแน่นอน
โจวจื่อซินรีบบินแอบอยู่ด้านหลังทันที ซึ่งนางก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งพุทธที่อยู่รายล้อมเช่นกัน และมันทำให้นางประหลาดใจจนอดไม่ได้ที่เอ่ยถามขึ้น “สามี ทำไมภูมิภาคอี้ซางถึงได้มีพลังแห่งพุทธสถิตอยู่หนาแน่นขนาดนี้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “มันเกี่ยวพันกับเต๋าของผู้ปกครองภูมิภาคแห่งนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการให้คนนอกที่มีจิตใจหยาบช้าเข้าไปวุ่นวายในภูมิภาคของพวกเขา ซึ่งมีทรัพยากรอยู่มากมายนับไม่ถ้วน”
หลังตู้ฉิงใช้อาณาเขตสวรรค์ของเขาห่อหุ้มร่างของโจวจื่อซินเอาไว้ ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรกับพลังแห่งพุทธที่เข้ามาปะทะเรื่อย ๆ
หลังจากบินต่อไปอีกราว 200,000 กิโลเมตร ในที่สุดหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินก็เข้าไปถึงดินแดนของภูมิภาคอี้ซาง
เมื่อเท้าแตะลงถึงพื้น หลิงตู้ฉิงก็ปลดปล่อยศพยักษ์เทวะตัวที่แข็งแกร่งที่สุดออกจากแหวนมิติ ซึ่งในทันทีที่ศพยักษ์เทวะปรากฏขึ้น พลังแห่งพุทธที่อยู่รายล้อมก็พุ่งเข้าไปยังร่างของศพยักษ์เทวะแทบจะในเวลาเดียวกันเพื่อที่จะพยายามชำระล้างมันให้เข้าสู่วิถีพุทธ
แต่น่าเสียดายที่เต๋าที่ยังคงสถิตอยู่ในร่างของศพยักษ์เทวะทำการต่อต้านพลังแห่งพุทธทันที ซึ่งทำให้ศพยักษ์เทวะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพลังแห่งพุทธแม้แต่น้อย
หลิงตู้ฉิงพาโจวจื่อซินขึ้นไปยืนอยู่บนไหล่ของศพยักษ์เทวะ จากนั้นเขาพูดกับนางว่า “หลังจากนี้ข้าจะเปลี่ยนรูปแบบตัวของข้า ซึ่งเจ้าไม่จำเป็นต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าแน่นอนข้าสัญญา!”
“อืม!” โจวจื่อซินพยักหน้า
แต่แล้วหลังจากที่พูดจบจู่ ๆ กลิ่นอายของหลิงตู้ฉิงก็เปลี่ยนไปในทันที
โจวจื่อซินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายของหลิงตู้ฉิงตอนนี้มันชั่วร้ายเป็นอย่างมาก มากซะจนนางอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหลิงตู้ฉิงได้กลายเป็นปีศาจกระหายเลือดที่จ้องจะกินนางอยู่ตลอดเวลา
“สามี ท่านจะไม่กินข้าจริง ๆ ใช่ไหม?” โจวจื่อซินถามขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว
หลิงตู้ฉิงมองไปที่โจวจื่อซินด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ และพูดว่า “ก็ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้าจะเปลี่ยนรูปแบบตัวของข้า ข้าจะกินเจ้าไปทำไม? เฮ้อ ช่างเถอะเอาเป็นว่าเจ้าเอาดอกบัวเพลิงพิพากษาออกมา และเข้าไปนั่งในมันก็ได้เพื่อให้มันต้านทานกลิ่นอายของข้า แต่ว่าเจ้าจงจำเอาไว้ว่าเจ้าห้ามพูดและห้ามทำอะไรทั้งนั้น!”
โจวจื่อซินรีบทำตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งทันที นางรีบเรียกดอกบัวเพลิงพิพากษาออกมาและนั่งในมัน ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ราวกับว่าอยู่คนละโลก แต่เมื่อนางมองไปที่หลิงตู้ฉิง นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวกับดวงตาของเขาที่มันดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
“ถ้าเจ้ายังรู้สึกกลัวอยู่อีกงั้นก็จงหลับตาและทำสมาธิบ่มเพาะไปก็แล้วกัน!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าจนใจ “และเจ้าไม่ต้องสนใจทั้งนั้นว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นรอบ ๆ อย่าส่งเสียงและอย่าเคลื่อนไหว”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงปล่อยศพยักษ์เทวะออกมาอีกตัวหนึ่ง และใช้ให้มันถือดอกบัวเพลิงพิพากษาที่มีโจวจื่อซินนั่งอยู่ด้านในเอาไว้ในอุ้งมือ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเริ่มแผนการของเขาทันที เขาปล่อยกลิ่นอายอันชั่วร้ายออกไปทุกทิศทางอย่างรุนแรงปกคลุมศพยักษ์เทวะทั้งสองรวมไปถึงโจวจื่อซิน
หากมองจากมุมของคนภายนอก มันคล้ายกับลว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังคร่ากุมตัวโจวจื่อซินเอาไว้
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับสภาพของกลุ่มเขาในตอนนี้ จากนั้นเขาโบกมือขึ้นสั่งศพยักษ์เทวะทั้งสองให้เดินหน้าไปเรื่อย ๆ
แต่แล้วเมื่อเดินไปได้ไม่นานนัก หลิงตู้ฉิงก็เห็นวัดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลและที่หน้าประตูวัดมีป้ายสีดำขนาดใหญ่เขียนเอาไว้ว่า ‘วัดต้าหง’
แต่ยังไม่ทันที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้เข้าไปในวัด บรรดาหลวงจีนทั้งหลายก็วิ่งกรูกันออกมาจากวัดปิดทางเข้าไว้ทั้งหมด และจ้องหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเย็นชา
“ไอ้โล้น พวกเจ้าออกมาต้อนรับพ่อของเจ้าผู้นี้เหรอ?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หลวงจีนซึ่งดูน่าจะเป็นเจ้าอาวาสตะโกนตอบกลับทันที “อาตมาไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีมนุษย์ที่ชั่วร้ายได้ขนาดนี้!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะคิกคัก “ไอ้โล้นถือศีลจอมปลอมเอ๊ย เมื่อชีวิตที่แล้วพวกเจ้าพากันมาก่อกวนข้าไม่หยุดหย่อน ในชีวิตนี้ข้าคงต้องขอมาก่อกวนพวกเจ้าเพื่อเป็นการเอาคืนพวกเจ้าบ้าง! ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอยากจะทำข้าให้กลับใจกลายเป็นหัวโล้นแบบพวกเจ้าไม่ใช่เหรอ? มา! เข้ามาเลย เข้ามาสวดคาถาบ้า ๆ บอ ๆ ของพวกเจ้าทำให้ข้ากลับใจให้ได้ แต่ถ้าหากทำไม่ได้ข้าจะฟาดเจ้าให้เละเลยคอยดู!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หยิบแส้ระดับศักดิ์สิทธิ์อันหนึ่งขึ้นมา และฟาดมันไปยังประตูวัดส่งผลให้บานประตูลอยละลิ่วราวกลับลูกศรที่ออกจากคันธนู
แน่นอนว่านี่คือการท้าทาย!