พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 995 พันธะที่ไม่อาจลบล้าง
กลุ่มคนของภูเขาฟีนิกซ์ต่างไม่นึกไม่ถึงเช่นกันว่าพวกนางจะได้เจอกับหลิงไช่หยุนที่นี่
พวกนางท่องทั่วไปอยู่นานและรวมกลุ่มกับเผ่าต่าง ๆ ที่พวกนางรู้จักด้วยจนกลายเป็นกลุ่มใหญ่
หลังจากผ่านประสบการณ์ที่เห็นพวกของตัวเองตายไปมากมาย พวกนางก็รู้ได้ว่าสมบัติในโลกของแม่น้ำมหาดารานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะการสังหารสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ยิ่งไม่ใช่ทางแก้ปัญหามากเข้าไปใหญ่ ทุกครั้งที่พวกเขาฆ่าสิ่งมีชีวิตของโลกแห่งนี้ โลกแห่งนี้จะลงทัณฑ์ผู้ที่ลงมือทันทีจนท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้แต่สำรวจไปเรื่อย ๆ ไม่กล้าแตะต้องสมบัติใด ๆ และไม่กล้าฆ่าสิ่งมีชีวิตอะไรอีกต่อไป
แล้วในหลังจากสำรวจไปได้พักใหญ่ ๆ ในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอสถานที่ที่เต็มไปด้วยมวลพลังเต๋า ซึ่งมวลพลังนี้มันง่ายต่อการดูดซับเป็นอย่างมากและพวกเขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเหมือนกับสมบัติต่าง ๆ ที่พวกเขาได้เจอมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำการตกลงแบ่งมันกันด้วยความเบิกบานทันที
แต่แล้วในระหว่างที่พวกเขากำลังแบ่งสันปันส่วนกันอยู่ กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็ปรากฏขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญสำนักเพลิงสวรรค์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “องค์หญิงของพวกเจ้ามีผู้ติดตามมาด้วยตั้งหลายคน หากเจ้ายืนยันจะให้นางได้รับส่วนแบ่งจริง ๆ งั้นเจ้าก็ต้องปันส่วนที่พวกเจ้าได้ให้องค์หญิงของพวกเจ้าเอาเอง”
ผู้เชี่ยวชาญภูเขาฟีนิกซ์ขึ้นเสียงกลับทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ชิวชี่หมิง เจ้าทำแบบนี้มันเกินไปหน่อยรึเปล่า?”
“มันมากเกินไปหน่อยตรงไหน? พวกเจ้าภูเขาฟีนิกซ์ในตอนแรกมีกันเกือบ 20 คน ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นแก่ภูเขาฟีนิกซ์ของเจ้า แต่แล้วตอนนี้จู่ ๆ เจ้ากลับพาคนมาแบ่งส่วนเพิ่มอีกแบบนี้ใครกันแน่ที่ทำเกินไป? พวกเรามีกันร้อยกว่าคน แต่พวกเจ้าตอนนี้มีคนมาเพิ่มเป็นเกือบ 40 คน ถ้าแบ่งส่วนกันตามที่เจ้าต้องการมันไม่หมายความว่าแค่พวกเจ้ากลุ่มเดียวได้ส่วนแบ่งไปเกือบครึ่งเลยไม่ใช่เหรอไง เจ้าลองคิดดูดี ๆ ว่าการที่เจ้าทำแบบนี้มันเอาเปรียบคนอื่นมากไปหน่อยไหม?” ชิวชี่หมิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าใกล้จะหมดความอดทน
ในระหว่างที่ทั้งสองคนเถียงกัน หลิงตู้ฉิงมองเข้าไปในกลุ่มคนที่รออยู่และพูดกับหลิงยี่เทียน “ยี่เทียน คนของเจ้าก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน”
หลิงยี่เทียนชะโงกหน้ามองไปในทันที จากนั้นเขาโทรจิตเรียกคนของเขาให้เดินออกมาเพื่อมาคุยกัน
เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของหลิงยี่เทียน คนของเผ่าอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรก็เริ่มไม่พอใจ
“ข้า มู่หลินจากเผ่าปีศาจเหล็กดาราขอแย้งพวกเจ้า จู่ ๆ พวกเจ้าเผ่ามนุษย์และภูเขาฟีนิกซ์ต่างเพิ่มคนเข้ามากลางคันแบบนี้ข้าว่ามันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น ๆ การที่พวกเจ้าทำเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรกับการผิดสัญญาที่พวกเราตกลงกันเอาไว้ในตอนแรก หากพวกเจ้ายังดึงดันที่จะทำแบบนี้ต่อไป ข้าขอออกเสียงขับไล่พวกเจ้าออกจากกลุ่มพันธมิตร!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีร่างกายที่มันเงาเหมือนโลหะก้าวออกมาพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเช่นนี้ของมู่หลิน กลุ่มคนของหลิงยี่เทียนและหลิงไช่หยุนต่างแสดงสีหน้าลำบากใจ
ใจหนึ่งพวกเขาทั้งหมดต่างอยากได้ส่วนแบ่งพลังเต๋านี้เพื่อพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งพวกเขาก็ไม่กล้าขัดใจองค์ชายและองค์หญิงของตัวเอง พวกเขาควรจะทำยังไงดี?
อันที่จริงหลิงยี่เทียนและหลิงไช่หยุนต่างไม่ได้สนใจว่าพวกคนฝั่งตรงข้ามจะคิดอะไรกันยังไง พวกเขาสนใจแค่ต่อจากนี้หลิงตู้ฉิงจะเอายังไง ถ้าหากพ่อของพวกเขายืนยันจะเอาส่วนแบ่งให้ได้คนเหล่านี้ไม่มีทางรอดแน่นอน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่พลังเต๋าที่สถิตอยู่ไม่ไกลอยู่นาน จนในท้ายที่สุดเขาพูดว่า “ช่างเถอะข้ามอบมันให้พวกเจ้าก็ได้! แต่ข้าขอแนะนำอะไรพวกเจ้าอย่าง หากพวกเจ้าดูดซับพลังเต๋านี้แค่เพียงครึ่งเดียวจากที่มีอยู่พวกเจ้าจะรอด แต่ถ้ามากกว่านั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะไม่มีใครที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ อ๋อและอย่าลืมว่าหลังจากพวกเจ้าดูดซับพลังเต๋ากันเสร็จแล้ว พวกเจ้าจำเป็นต้องสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ด้วยเพื่อเป็นการตอบแทน ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็จะไม่สามารถออกไปจากโลกนี้ได้เช่นกัน”
หลังจากเตือนเสร็จ หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับกลุ่มคนของเขาทันที “พวกเราไปที่อื่นกันต่อ!”
หลิงยี่เทียนและหลิงไช่หยุนต่างมองไปที่คนของพวกเขาและพูดว่า “มันจะดีที่สุดหากพวกเจ้าตามพวกเรามา แต่แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ต่อพวกข้าก็ไม่ว่าอะไร”
ท้ายที่สุดมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ติดตามหลิงยี่เทียนและหลิงไช่หยุนจากไป ส่วนคนอื่น ๆ พวกเขาเลือกที่จะอยู่ต่อ
หลิงยี่เทียนและหลิงไช่หยุนต่างถามสองคนที่ตามพวกเขามาด้วยสีหน้าพึงพอใจ “พวกเจ้าสองคนชื่ออะไร?”
“ฝ่าบาทข้ามีนามว่า หลิวชิงเฟิง ก่อนที่จะเข้ามา บิดาของข้าย้ำให้ข้าปกป้องฝ่าบาทให้ดีที่สุดแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม แต่น่าเสียดายเมื่อข้าเข้ามาข้าก็ไม่เห็นฝ่าบาทแล้ว แต่โชคยังดีที่ตอนนี้ในที่สุดข้าก็ได้เจอฝ่าบาท!”
“องค์หญิงข้า จี๋ชิงเฉิง บรรพบุรุษของข้าย้ำให้ข้าปกป้องท่านด้วยชีวิต แต่น่าเสียดายที่ตอนเข้ามาข้าก็ไม่เห็นท่านซะแล้ว นับจากนี้ข้าจะขอติดตามท่านไปจนกว่าท่านจะออกจากที่นี่!”
จากคำพูดของทั้งสองคน ทุกคนในกลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็เข้าใจได้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นกลุ่มคนชุดหลังที่ตามเข้ามา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ได้เจอกันในตอนแรก
หลิงไช่หยุนมองไปที่ทั้งสองคนด้วยสีหน้าเบิกบานและพูดว่า “ข้ารับประกันได้ว่าหลังจากนี้พวกเจ้าจะต้องรู้สึกว่าการตัดสินใจที่พวกเจ้าติดตามพวกข้ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของพวกเจ้า! และอีกอย่างนับจากนี้พวกเจ้าจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของพ่อข้าทุกประการ ห้ามลงมือทำอะไรก่อนที่จะได้รับอนุญาตเป็นอันขาด”
“น้อมรับบัญชาองค์หญิง!” จี๋ชิงเฉิงรีบตอบกลับ
ทางด้านของกลุ่มพันธมิตรในตอนนี้พวกเขาต่างยืนจ้องไปที่มวลพลังเต๋าขนาดยักษ์กันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ พวกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำเตือนของหลิงตู้ฉิงเลยแม้แต่น้อย
“เหอะ! ทำมาเป็นขู่พวกข้าคิดว่าพวกข้าจะโง่เชื่อรึไง? เอาล่ะทุกคนตอนนี้ไม่มีใครมาก่อกวนพวกเราแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะร่วมกันดูดซับพลังเต๋านี้และทะลวงระดับไปพร้อม ๆ กัน!” มู่หลินตะโกนขึ้น
จากนั้นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญร้อยกว่าคนต่างดูดซับพลังเต๋ากันอย่างบ้าคลั่ง จนท้ายที่สุดพวกเขาทุกคนก็ทะลวงระดับไปยังขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์กันได้ครบทุกคน
จากนั้นเมื่อพวกเขาทะลวงระดับร่างของพวกเขา ทุกคนก็ถูกส่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะของผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักศักดิ์สิทธิ์
แต่แล้วในเวลาเดียวกันหลังจากถูกส่งตัวมาอีกพื้นที่หนึ่ง พวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกได้แบบเดียวกันก็คือตอนนี้ชะตาชีวิตของพวกเขาได้ถูกผูกกับโลกนี้จนมันกลายเป็นว่าพวกเขาได้กลายเป็นผู้คนของโลกนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากที่เป็นคนของโลกนี้ พวกเขาก็สัมผัสได้อีกอย่างว่าโลกนี้มันใกล้จะแตกสลายเต็มท นส่งผลให้พวกเขาต่างพยายามที่จะออกไปจากโลกนี้ แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว
เวลานี้พวกเขาไม่อาจไปจากโลกแห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง
มีเพียงแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงรู้สึกว่าตราบใดที่พวกเขาสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกใบนี้เพื่อตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้รับมาอย่างเท่าเทียมจนครบ พวกเขาจะสามารถหลุดจากพันธะนี้และกลับไปยังโลกภายนอกได้เหมือนเดิม
แน่นอนว่าในเวลานี้ไม่มีใครในสักคนในกลุ่มพวกเขาที่จะไม่คิดถึงคำพูดที่หลิงตู้ฉิงเคยเตือนพวกเขาเอาไว้ พวกเขาต่างรู้สึกเสียใจจนอยากจะร้องไห้ แต่เมื่อรู้ว่าต่อให้เสียใจก็ไม่สามารถทำอะไรได้พวกเขาจึงพากันแยกย้ายออกไปคนละทิศทางเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกนี้ หวังว่าพวกเขาอาจจะมีโอกาสหลุดพ้นจากพันธะนี้ได้ในท้ายที่สุด
ทางด้านของกลุ่มหลิงตู้ฉิง ขณะนี้พวกเขาได้บินผ่านดินแดนไปมากมายนับร้อยนับพัน ซึ่งจี๋ชิงเฉิงและหลิวชิงเฟิง เมื่อพวกเขาเห็นว่าตลอดทางหลิงตู้ฉิงไล่ชักชวนสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเข้าไปในโลกของตัวเองแล้วระดับการบ่มเพาะกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาจึงลองทำดูบ้าง
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาพูดขึ้นอธิบายกับคนทั้งสองว่า “แค่พวกเจ้าจับสิ่งมีชีวิตของที่นี่เข้าไปอยู่ในโลกของพวกเจ้าเพียงอย่างเดียวมันไม่พอหรอก พวกเจ้าจำเป็นต้องคิดหาทางให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่รอดและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ควรจะเป็นในโลกของพวกเจ้าได้ด้วยมันถึงจะนับว่าพวกเจ้าได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ ขืนพวกเจ้ายังคงจับสิ่งมีชีวิตเข้าไปอยู่ในโลกของพวกเจ้ามั่ว ๆ ต่อไป ท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นว่าพวกเจ้าทำกรรมให้กับโลกนี้ ซึ่งมันจะส่งผลทำให้พวกเจ้ามีพันธะและไม่อาจออกจากที่นี่ได้อีกตลอดไป”
เมื่อได้ยินคำเตือนเช่นนี้ จี๋ชิงเฉิงและหลิวชิงเฟิงต่างรีบปล่อยสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่พวกเขาดูดเข้าไปในโลกตัวเองให้ออกมาทั้งหมดทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
สีหน้าของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ถูกปล่อยออกมาต่างแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อจี๋ชิงเฉิงและหลิวชิงเฟิง
พวกมันไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไรทั้งนั้นกับการกระทำของจี๋ชิงเฉิงและหลิวชิงเฟิง ในทางกลับกันพวกมันกลับรู้สึกว่าจู่ ๆ ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาลักพาตัวพวกมันไปอยู่ในโลกที่รกร้างไม่มีอะไรเลย ซึ่งชะตาชีวิตแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับแบบเดิมที่พวกมันเผชิญอยู่ด้วยซ้ำ แค่เปลี่ยนจากต้องตายเพราะโลกแตกกลายเป็นอดตายแทน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกมันถูกปล่อยออกมาจากโลกของจี๋ชิงเฉิงและหลิวชิงเฟิง พวกมันก็ได้เห็นโลกอันอุดมสมบูรณ์ของหลิงตู้ฉิง ซึ่งพวกมันต่างตอบรับคำชวนของหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าซาบซึ้งและเข้าไปอยู่ในโลกของหลิงตู้ฉิงทันที
อีก 100 ปีถัดมา หลังจากท่องไปทั่วทุกที่จนครบ ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็เอ่ยขึ้นกับทุกคน “เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนตอนนี้ถึงเวลาทะลวงระดับเพื่อไปยังพื้นที่ถัดไปกันแล้ว!”