ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 103 จัดจำหน่าย + บทที่ 104 จะไม่ย่างเท้าเข้าไปในเมืองแม้แต่ก้าวเดียว
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 103 จัดจำหน่าย + บทที่ 104 จะไม่ย่างเท้าเข้าไปในเมืองแม้แต่ก้าวเดียว
บทที่ 103 จัดจำหน่าย
ข่าวคราวเรื่องนั้นกระจายออกไปได้สามวัน และเซียวฉีเทียนก็ได้มาถึงพร้อมกับคนของเขา หลังจากดื่มสุราดอกแอปริคอทอึกใหญ่ รวมทั้งสุราดอกไม้ต่างๆ เขาก็รู้สึกว่าคุ้มค่านัก ที่ตนเองใช้เวลายาวนานในการเก็บดอกท้อและดอกแอปริคอทมา
นอกเหนือจากสุราดอกท้อและสุราดอกแอปริคอทแล้ว หนิงเมิ่งเหยายังให้เขานำสุราเข้มข้นจำนวนหนึ่งกลับไปด้วย แน่นอนว่ารสชาติของพวกมันนั้นไม่ได้ดีไปกว่าสุรานารีแดงซึ่งวางขายไปแล้วเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้เซียวฉีเทียนตื่นเต้นสุดขีด “ไอ๊หยา นี่มันมีแอลกอฮอล์น้อยไปหน่อยนะ” ถ้าสุราเหล่านี้มีมากกว่านี้ละก็ เขาพอจะจินตนาการความความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในเมืองหลวงได้เลย
“สุรานี้ต้องรออีกหนึ่งปีน่ะ ตอนนี้จึงไม่มีเหลืออีกแล้ว นอกเสียจากว่าเจ้าจะหาดอกท้อและดอกแอปริคอทมาเพิ่ม” หนิงเมิ่งเหยากรอกตาใส่เซียวฉีเทียนก่อนเอ่ยขึ้นอย่างหมดคำพูด
‘คนผู้นี้รู้ความหมายของคำว่า ‘วัตถุดิบที่หายากนั้นมีค่ายิ่ง’ ไหมนะ’
เซียวฉีเทียนมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเกร็งๆ ด้วยความอยากรู้ว่าหญิงสาวนั้นพูดจริงหรือไม่ จนในที่สุดก็เห็นถึงความขึงขังในแววตาของนาง เขาจึงผงกศีรษะ “ก็ได้ ไว้ข้าค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังก็แล้วกัน”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอรบกวนเจ้าด้วย แต่ถ้าเจ้าจำกัดจำนวนการขายของสุราสองทั้งชนิดนี้ก็จะดีมากเลยนะ ส่วนสุราอื่นๆ นั้น เชิญจัดสรรได้ตามสบายเลย” เนื่องจากสุรานั้นสามารถผลิตได้ในตอนนี้เลย หญิงสาวจึงไม่กังวลเรื่องยอดขายนัก
“ตกลง”
เซียวฉีเทียนอยู่บ้านของหนิงเมิ่งเหยาเพียงครู่เดียวก่อนจะจากไปพร้อมกาสุรา เห็นท่าทางของเขานั้น ก็พอจะเดาสาเหตุได้ว่าทำไมเขาจึงดูรีบเร่งนัก
หลังจากชายหนุ่มกลับมายังเมืองหลวง เขาจึงบอกลูกน้องของตนเองให้มาหาทันทีเพื่อจะคิดหาวิธีขายสุราสามสี่ชนิดนี้ให้ได้
กลิ่นหอมละมุนของสุราอบอวลไปทั่วเหลาสุราทำให้ลูกค้าทุกคนรู้สึกกระหาย ‘สุรานี้…พวกเขาจะต้องลิ้มลองให้ได้’
“เจ้าของร้านนี้วางแผนจะขายสุรานั่นเช่นไรหรือ”
“นั่นสิ บอกมาเร็วเข้า เพียงแค่กลิ่มหอมของมัน ก็ทำให้ข้าอยากจะจิบแล้ว”
ผู้เป็นเจ้าของรู้สึกพอใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ก่อนจะยิ้มให้พวกเขา
“วันนี้เราขายสุราเพียงแค่สองชนิดเท่านั้น คือสุราดอกท้อและสุรากลั่นบริสุทธิ์ โดยสุราดอกท้อจะมีเพียงสิบกาเท่านั้น ส่วนสุรากลั่นบริสุทธิ์นั้นจะมีห้าสิบกา” เถ้าแก่เฉียนแห่งเหลาสุราเอ่ยขึ้นพลางมองดูผู้คนทั้งหลาย
ทุกคนต่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินว่าเหลือสุราเพียงหกสิบกาเท่านั้น “ข้าเอาสุราบริสุทธ์หนึ่งกา”
“ใช่ๆ ข้าด้วย”
ทุกคนเริ่มพูดคุยกัน ก่อนที่จะประกาศราคาด้วยซ้ำ ผู้คนต่างแย่งชิงซื้อสุราทั้งหกสิบกานั้น และมีบางคนที่ไม่อาจซื้อมันได้
“เถ้าแก่เฉียน จะมากเกินไปแล้วนะ” เหล่าผู้คนที่ไม่ได้ซื้อต่างกลืนน้ำลายพลางสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรับกลิ่นหอมละมุนจากสุรา พร้อมทั้งมองดูผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างกดดัน
เถ้าแก่เฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “สุราที่ดีมีจำนวนจำกัดเสมอ หากท่านต้องการ โปรดมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เช้านะขอรับ”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงรู้ว่าไม่อาจทำอะไรได้อีก และรู้ดีว่าเหลาสุราแห่งนี้นั้นมีผู้อิทธิพลคอยหนุนหลังอยู่ จึงไม่มีใครอยากสร้างปัญหาขึ้นที่นี่ ด้วยเหตุนี้ ผู้คนที่ซื้อสุรามาได้นั้นจึงหยิบมันขึ้นมาจิบ หลังจากดื่ม พวกเขาก็ไม่อาจลืมเลือนรสชาติของมันได้เลย
แม้ว่าราคาของสุราดอกท้อจะมีราคาถึงกาละ 152 ตำลึง และสุรากลั่นบริสุทธิ์นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 150 ตำลึงต่อกา แต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไร นอกเสียจากเรื่องปริมาณที่น้อยเกินไปเท่านั้น
เซียวฉีเทียนยืนมองดูเหตุการณ์ชุลมุนจากบนชั้นสองอดหัวเราะไม่ได้
สุราหนึ่งกานั้นมีน้ำหนักสองจิน ภายในวันนี้วันเดียว สุราทั้งหกสิบกาก็ขายออกจนเกลี้ยง และทำเงินได้มากกว่าหนึ่งพันตำลึง หากมีสุราจำนวนมากกว่านี้แล้วล่ะก็…
เพียงแค่เซียวฉีเทียนจินตนาการเรื่องนี้ดู ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งแล้ว
“นายท่านขอรับ วันพรุ่งนี้เราควรขายสุราชนิดเดิมไหมขอรับ” เถ้าแก่เฉียนก้มลงมองชั้นล่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นบันไดมาหาเซียวฉีเทียน และเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ไม่ล่ะ วันพรุ่งนี้เราจะขายสุราดอกแอปริคอทสิบกา และสุราไผ่เขียวอีกห้าสิบกา หลังจากนี้ทุกๆ วัน เราจะขายสุราดอกท้อและสุราแอปริคอทสามกา รวมทั้งสุรากลั่นบริสุทธิ์และสุราไผ่เขียวอีกเจ็บสิบกา ส่วนพวกสุราดอกไม้นั้นจะมีราคากาละ 150 ตำลึง และที่เหลือราคาร้อยตำลึงต่อกา” เซียวฉีเทียนพูดขึ้นตรงๆ อย่างโผงผาง
ในเมืองหลวงนั้น มีเศรษฐีจำนวนไม่น้อยเลย เขาเองยังเคยชิมสุราสี่ชนิดเหล่านี้มาก่อน แม้ว่ามันจะมีราคากาละสองร้อยตำลึง เขาจึงมั่นใจได้ว่าคนอื่นๆ จะต้องอยากดื่มสุราพวกนั้นทั้งสิ้น
“ได้เลยขอรับ นายท่าน!” เถ้าแก่เฉียนเดินจากไป พลางจินตนาการว่าสุราทั้งสี่ประเภทนั้นจะต้องทำให้เกิดพายุแห่งความโกลาหลขึ้นในอนาคตเป็นแน่
วันรุ่งขึ้น สุราทั้งหกสิบกานั้นถูกซื้อไปจนหมดตามที่คาดการณ์เอาไว้ ส่วนผู้คนที่ซื้อไม่ทันต่างกล่าวโทษตัวเองที่ช้าเกินไปจนไม่อาจซื้อก่อนคนอื่นๆ ได้
หลังจากวันที่สองเป็นต้นไป แม้ว่าสุราทั้งสองประเภทนั้นจะเพิ่มจำนวนแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนของลูกค้าอยู่ดี นอกจากนี้ ยังมีสุราที่คุณภาพยอดเยี่ยมยิ่งกว่าอย่างสุราดอกท้อและสุราแอปริคอทเพียงแค่สามกาเท่านั้น เขาคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเจ็บใจนัก
บทที่ 104 จะไม่ย่างเท้าเข้าไปในเมืองแม้แต่ก้าวเดียว
มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหล่านั้นได้เห็นกับตาว่าผู้คนต่างกอดสุราเอาไว้แนบชิดอก ในขณะที่พวกเขาได้เพียงแค่ดมกลิ่นแต่ไม่อาจดื่มกินได้ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น พวกเขาต่างอยากเข้าไปกระชากตัวคนๆ นั้นแล้วต่อยหน้าให้หายอยาก
สิบวันผ่านไป เซียวฉีเทียนนับเงินที่ได้จากการขายสุราจนกล้ามขึ้น เนื่องจากในหนึ่งวันนั้นเขาสามารถทำเงินได้ราวๆ 15,000 ตำลึงเงิน และสิบวันก็เป็นจำนวนเงินถึง 150 ตำลึงทองเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะได้ค่าส่วนแบ่งแค่ร้อยละยี่สิบ แต่มันก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลย
แววตาของเซียวฉีเทียนเต็มไปด้วยเงินตราขณะที่เขากำลังคิด ‘ไม่ได้การแล้ว! เขาต้องกลับไปที่นั่นเพื่อให้รู้ว่ามันมีหรือไม่มีสุราใหม่ๆ และหากว่ามี เขาก็จะได้นำมันกลับมาด้วย’
เขาทำตามความคิดดังกล่าว และนำเงินก้อนนั้นติดตัวไปด้วย ก่อนจะควบม้าไปยังที่นั่นในทันที
ขณะนั้นเอง เฉียวเทียนช่างก็สร้างบ้านของตนเองเสร็จพอดี มันเป็นบ้านสองชั้นที่มีสามห้อง และมีลานบ้านเล็กๆ ที่หนิงเมิ่งเหยาช่วยตกแต่งจนดูงามตา
“เมิ่งเหยา เดาสิว่าสิบวันที่ผ่านมานั้นเราทำเงินกันได้เท่าไหร่” เซียวฉีเทียนดื่มน้ำอึกใหญ่ขณะมองพวกเขาทั้งคู่
“เท่าไหร่รึ”
“150 ตำลึง” เซียวฉีเทียนเอ่ยตอบอย่างร่าเริง
“ข้าขายเพียงวันละ 146 กาต่อวันเท่านั้น มีสุราไผ่เขียวและสุรากลั่นบริสุทธิ์เจ็ดสิบกา รวมแล้วขายได้ร้อยตำลึงเงิน ส่วนสุราดอกท้อและสุราดอกแอปริคอทนั้นขายได้สามกาต่อวัน ซึ่งทำเงินได้ 150 เงิน” เซียวฉีเทียนหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
หากเขาขายในจำนวนมากขึ้น รายรับที่จะได้ก็จะไม่ใช่เพียงแค่นี้อีกต่อไป
หนิงเมิ่งเหยามองชายหนุ่มผู้มีความสุขยิ่งคนนี้อย่างแปลกๆ แม้ว่าหญิงสาวจะคิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องขายสุราทั้งหมดได้ แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้
แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี อีกอย่าง มันก็ดีต่อการล่อให้ลูกค้าติดเบ็ด
เซียวฉีเทียนหยิบเงินกองโตมาให้หนิงเมิ่งเหยา ก่อนที่หญิงสาวจะยื่นเงินให้เขาและเฉียวเทียนช่างคนละสามหมื่นตำลึงเงิน
“ดูเหมือนว่าข้าจะได้สามหมื่นตำลึงเงินโดยไม่ต้องทำอะไรเลยนะ” เฉียวเทียนช่างมองดูเงินในมือก่อนเอ่ยอย่างติดตลก
เนื่องจากชายหนุ่มมิได้ช่วยเรื่องนี้มากนัก แต่เขากลับได้รับเงินถึงสามหมื่นตำลึงเงิน แล้วนี่ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเงินทั้งหมดอีกด้วย
“ที่นี่ยังมีสุราอยู่ เจ้าเข้าไปเอาเองได้เลย” จากตอนนั้นที่เซียวฉีเทียนมารับสุราไป นางก็ให้ชิงเซวียนไปเรียกคนมาช่วยกลั่นสุราเพิ่ม และตอนนี้ผลผลิตก็เริ่มตามทันการส่งไปขายแล้ว
เซียวฉีเทียนมองหยิงเมิ่งเหยาด้วยแววตาเป็นประกาย “ข้ารอคำนี้จากเจ้าอยู่พอดีเลย”
มือที่หญิงสาวประคองถ้วยชาอยู่นั้นก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าตนเองไม่ควรพูดออกไปเช่นนั้น หญิงสาวแทบจะสำลักน้ำชาใส่หน้าชายหนุ่มหลังจากที่เขาวางตัวเป็นใหญ่
หนิงเมิ่งเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกและกรอกตาใส่เขา “ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้าอีกสักครั้งหนึ่ง” หญิงสาวเดินกลับเข้าห้องของตนเอง และนำกระดาษและแปรงพู่กันมาเขียนสูตรเมนูอาหารสองสามอย่าง
“ฮ่าๆ! เมิ่งเหยา เจ้าเป็นเทพธิดาพยากรณ์! เหตุใดจึงไม่กลับไปกับข้าเล่า” เซียวฉีเทียนดวงตาเป็นประกายขณะมองดูหญิงสาว
ท่าทีของหนิงเมิ่งเหยาเย็นชาลง “หากไม่มีธุระจริงๆ ข้าก็จะไม่ไปเหยียบเมืองหลวงอีกแม้แต่ก้าวเดียว”
เซียวฉีเทียนอึ้งไปและมองนางอย่างสงสัย “ทำไมหรือ”
“นั่นเป็นเรื่องของข้า” หญิงสาวลดศีรษะลงและไม่คิดจะบอกเขาเรื่องนั้น
เซียวฉีเทียนมองดูหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะรู้สึกได้ว่าชายหญิงคู่นี้ช่างเหมาะสมกันดีเสียจริง
“เอาเถอะ พวกเจ้าทั้งสองคิดเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่บังคับพวกเจ้าหรอก หากข้ามีเรื่องอะไร ข้าจะมาตามหาพวกเจ้าเอง” เซียวฉีเทียนทนไม่ไหวจึงโบกมือและเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้
เขาพักอาศัยอยู่สองวันก่อนจะเข้าไปรับสุราและเดินทางกลับอย่างไม่รีรอ
หนิงเมิ่งเหยามองดูเขาจากไปด้วยดวงตาเป็นกังวลพลางขมวดคิ้ว
เฉียวเทียนช่างเดินเข้ามาอยู่ตรงด้านหลังของหญิงสาวและเอื้อมมือไปจับนาง “อย่ากังวลเลย ไม่มีอะไรหรอก”
“นั่นสิ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หากเป็นไปได้ นางหวังว่าหลิงหลัวจะไม่มาตามหานางอีก เพราะตอนนี้หญิงสาวรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นดีมากแล้ว
หนิงเมิ่งเหยากังวลใจน้อยลงเมื่ออยู่กับเฉียวเทียนช่าง
บรรดาสุราและเมนูอาหารที่เซียวฉีเทียนนำกลับมานั้นทำให้เหลาสุราเกิดบรรยากาศครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง
ส่วนของหลิงหลัวนั้น เขากำลังมองดูภาพวาดในมือด้วยความสับสน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น
หลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาจากไป เขาได้ส่งคนไปตามหานางจนทั่วแต่ไม่มีแม้วี่แวว จากนั้นเขาจึงเข้าพิธีแต่งงานกับเซียวจื่อเซวียน พร้อมทั้งเคยคิดว่ามันจะทำให้ชีวิตของเขามีความสุข แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
เขาตระหนักได้ว่าหลังจากอยู่ในตำแหน่งซื่อจื่อ หัวใจของเขากลับว่างเปล่าในทันที โดยเฉพาะเมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียน