ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 109 ชายาซื่อจื่อตั้งครรภ์ + บทที่ 110 การลอบสังหาร
บทที่ 109 ชายาซื่อจื่อตั้งครรภ์
หลิงหลัวไม่อาจเถียงหนิงเมิ่งเหยากลับได้ ในยุคที่พวกเขาจากมานั้น นางเป็นลูกสาวของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย นางมีความสามารถด้านธุรกิจและครอบครัวของนางก็ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าของนางอีกด้วย ในช่วงเวลานั้นเอง นางออกจากบ้านของตนเอง และได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหล้าระดับโลกเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ในช่วงสองปีที่นางออกจากบ้านของตนมานั้น ทักษะการทำอาหารของนางก็เทียบเท่ากับระดับของผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย นางมักจะศึกษาเรียนรู้สิ่งที่ตนเองชื่นชอบ และไม่เคยหลงระเริงกับอำนาจหรือเงินทองเลยสักครั้ง
“เหยาเอ๋อร์ เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ” ก่อนหน้านี้หลิงหลัวมิได้มองหน้าหนิงเมิ่งเหยาเลย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มองดู ก่อนจะเห็นเพียงความเย็นชาและความเฉยเมยจากนางเท่านั้น
หนิงเมิ่งเหยากวาดสายตามองเขาอย่างแผ่วเบา “ตอนที่เจ้าทิ้งข้าไป เจ้าก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเราทั้งสองไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก”
หลิงหลัวหยุดการกระทำทุกอย่าง แล้วทำเพียงจ้องมองหญิงสาวตรงๆ
“ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้ ชายที่ไม่มีอะไรเลยจะสามารถทำให้ชีวิตของเจ้าสงบสุขได้เช่นไรกัน เหยาเอ๋อร์ เจ้าจะต้องกลับมาอยู่เคียงข้างข้าในสักวันหนึ่งแน่นอน” หลิงหลัวเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
เฉียวเทียนช่างมองเหยียดหลิงหลัวอย่างขบขัน “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เหยาเหยา กลับเข้าไปด้านในกันเถอะ”
“ตกลง”
หลิงหลัวยืนมองดูทั้งสองคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปยังบ้านหลังธรรมดาๆ หลังนั้น
จังหวะนั้นเอง คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ หลิงหลัวก็เดินเข้ามาหาเขา “ซื่อจื่อขอรับ มีข่าวแจ้งมาว่าชายาของท่านตั้งครรภ์ขอรับ”
แม้ว่าคำพูดของเขาคนนี้จะไม่ดังมากนัก แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างได้ยิน ฝีเท้าของทั้งสองชะงักลง หญิงสาวเงยศีรษะขึ้นและพบว่าสายตาของชายหนุ่มนั้นมีความเป็นห่วง นางจึงยิ้มให้เขาเพื่อสื่อว่าตนเองไม่เป็นไร
หลิงหลัวขมวดคิ้ว ‘ตั้งครรภ์รึ ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยนะ’
“กลับ” หลิงหลัวมองแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างเดือดดาล แม้ว่าตอนนี้ยังมีช่องว่างกั้นตรงกลางระหว่างพวกเขา แต่เขาก็มั่นใจว่าสักวันหนึ่งนางจะเบื่อกับชีวิตแบบนี้และจะกลับไปอยู่เคียงข้างเขาเอง
หนิงเมิ่งเหยายิ้มออก เมื่อเห็นว่าหลิงหลัวขี่ม้าและจากไป
เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางหวังว่าหลังจากเขากลับไปแล้ว จะไม่กลับมาอีก เขามีภรรยาแล้วและกำลังจะมีลูกเร็วๆ นี้อีกด้วย หากเขายังเป็นเช่นนี้อยู่ อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้
เมื่อหลิงหลัวกลับถึงบ้าน เซียวจื่อเซวียนก็กลับมายังจวนของพวกเขา ก่อนจะยิ้มอย่างเหนียมอายเมื่อเห็นเขา “สามี ท่านกลับมาแล้ว”
“ใช่” หลิงหลัวพยักหน้าแผ่วเบา สายตาของเขาจับจ้องไปยังหน้าท้องของผู้เป็นชายาอย่างละเอียด
สายตานั้นทำให้เซียวจื่อเซวียนยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม “สามี ท่านมองอะไรน่ะ มีอะไรผิดปกติไปหรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ยังดูไม่ออกน่ะ กี่เดือนแล้วหรือ” หลิงหลัวเดินมาข้างๆ เซียวจื่อเซวียนและลูบท้องนางอย่างอ่อนโยนราวกับเด็กคนนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของตนเอง
เดิมทีเซียวจื่อเซวียนนั้นเป็นกังวลอยู่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของหลิงหลัวเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้มอันจริงใจขึ้นมา
“ท่านหมอเพิ่งตรวจพบ ตอนนี้ก็สองเดือนแล้ว” หญิงสาวเอ่ยพลางลูบหน้าท้องของตนเอง ก่อนจะวางมือของตนบนมือของหลิงหลัว
เซียวจื่อเซวียนหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “สามี หากท่านชอบหญิงสาวคนนั้นก็พานางกลับมาที่บ้านก็ได้นะ”
ฝ่ามือของหลิงหลัวหยุดชะงัก “ทำไมหรือ”
ใบหน้าของผู้เป็นชายานั้นดูเขินอายและดูมีเมตตาขึ้น “ข้าคิดว่าสามีจะต้องชอบหญิงสาวผู้นั้นอย่างมากเป็นแน่ เพราะท่านเก็บภาพวาดเหล่านั้นราวกับเป็นสิ่งมีค่า ตอนนี้ข้าตั้งครรภ์แล้ว จึงควรจะมีใครสักคนคอยดูแลท่าน ดังนั้นข้าเลยคิดว่า…”
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว” หลิงหลัวตัดบทเซียวจื่อเซวียนและเดินออกจากเตียงไปตรงหน้าต่าง
หลิงหลัวยืนอยู่ข้างหน้าต่างและมองดูสิ่งต่างๆ ภายนอก เดิมทีหนิงเมิ่งเหยาเป็นคนออกแบบลานบ้านแห่งนี้ ในตอนนั้นเขาคิดว่าเขาจะได้อยู่อาศัยกับนางที่นี่
แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็เลิกรากัน ตอนนี้ข้างๆ เขาก็มีเซียวจื่อเซวียน และอีกไม่นานพวกเขาก็จะมีลูก ส่วนหนิงเมิ่งเหยานั้นก็มีชายอื่นอยู่ข้างๆ แล้ว
เขารู้สึกได้ว่านางชอบชายคนนั้นจริงๆ และไม่ได้เสแสร้งตบตาเขาเลย
หลิงหลัวลดศีรษะลงพร้อมกับสายตาที่รู้สึกผิดหวังกับตนเอง ‘นางพูดถูก เป็นเพราะเขาเองที่ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาลง’
บทที่ 110 การลอบสังหาร
แม้ว่าใบหน้าของเซียวจื่อเซวียนจะเผยรอยยิ้ม แต่ฝ่ามือของนางนั้นก็กำผ้าแน่นจนเส้นเลือดแทบจะปะทุออกมา ทว่าความเกลียดชังในจิตใจของนางกลับรุนแรงยิ่งกว่า
นางยอมประนีประนอมด้วยแล้ว แล้วเขายังต้องการอะไรอีก เขาคงไม่คาดหวังให้นางยอมสละตำแหน่งชายาซื่อจื่อไปหรอกนะ
หลิงหลัวยืนอยู่ข้างหน้าต่างครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง และมองเซียวจื่อเซวียน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์อยู่นะ เจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอ”
“ข้ารู้”
“ข้าจะไปข้างนอกสักพักหนึ่ง แล้วจะกลับมาอยู่ด้วยกันกับเจ้าในภายหลังนะ” หลิงหลัวยิ้มอย่างแผ่วเบา ราวกับว่าห่วงใยนางจริงๆ แต่ทว่าเซียวจื่อเซวียนนั้นกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมีพิรุธ
ในเวลานี้ เซียวจื่อเซวียนไม่อยากจะหงุดหงิดนัก จึงยิ้มและพยักหน้ารับ “ท่านไปทำธุระของท่านเถิด ข้ามีสาวใช้ดูแลอยู่ที่นี่ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร”
“ดี ถ้าเช่นนั้นข้าก็หายห่วง” เขายืนขึ้นและจากไปโดยไม่ลังเล
หลังจากเขาเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวจื่อเซวียนค่อยๆ จางหาย และดูโหดเหี้ยมน่ากลัว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านังผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน”
“ข้าทราบแล้วขอรับ”
“ฆ่านางทิ้งเสีย”
“ขอรับ”
เซียวจื่อเซวียนหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นความเย็นชาและกระหายเลือด
ในช่วงกลางคืน หนิงเมิ่งเหยากำลังเตรียมตัวเข้านอน จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากด้านนอก
หญิงสาวกำลังจะออกไปดู แต่เฉียวเทียนช่างเข้ามาหานางในห้อง “อยู่ด้านในก่อนเถิด”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าคิดว่ามีนักฆ่าอยู่ที่นี่”
“นักฆ่าหรือ” หนิงเมิ่งเหยามองชายหนุ่มอย่างงุนงง ‘ใครอยากจะมาฆ่านางกัน’
“ข้าคิดว่าน่าจะมาจากหลิงหลัว หรือถ้าพูดให้ถูกแล้ว คือน่าจะมาจากชายาของเขา” เฉียวเทียนช่างตอบหญิงสาว
เขาเคยเห็นชายาของหลิงหลัวมาก่อน แม้ว่านางจะเป็นหญิงสาวที่ดูแล้วน่ามอง แต่ลึกๆ แล้วนางมักจะขุ่นเคืองและน่ากลัวอย่างมาก อีกทั้งนางเคยสังหารบ่าวรับใช้ของตนเองอยู่หลายคน
หนิงเมิ่งเหยาตื่นตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มอย่างเยาะหยัน “เช่นนี้นี่เอง ก็สงสัยอยู่ว่าตัวข้าไประรานคนไม่ดีคนใดกัน”
‘ช่างน่าขันนัก หลิงหลัวเพิ่งมาหานางได้ไม่นาน หญิงผู้นั้นก็ทนไม่ไหว จนถึงขั้นรีบจะฆ่านางให้ได้เลยทีเดียว’
‘หรือบางที บุตรสาวแห่งราชวงศ์คนนั้นจะกังวลว่าหลิงหลัวจะพานางกลับไป ทำให้ตำแหน่งของตนเองต้องสั่นคลอนระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์กันนะ’
‘แต่บางทีเฉียวเทียนช่างอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ หนิงเมิ่งเหยาเองไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน และไม่เคยกังวลว่าจะถูกคุกคามจากผู้หญิงที่รักหลิงหลัวเช่นนี้’
“เจ้าอยู่ด้านในก่อนเถิด ลูกน้องของเจ้านามว่าชิงเซวียนกับข้าจะไปจัดการผู้บุกรุกคนนั้นเอง” เฉียวเทียนช่างโน้มศีรษะเข้ามาหอมแก้มนาง ก่อนจะหมุนตัวและจากไป ไม่นานนัก หนิงเมิ่งเหยาก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากด้านนอก
หญิงสาวอยากจะเข้าไปช่วย แต่นางเองก็รู้ดีว่ามันอันตรายเกินไป
นางพอจะจัดการคนธรรมดาทั่วไปได้ แต่ไม่อาจต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ได้เลย
ขณะที่หนิงเมิ่งเหยารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เสียงด้านนอกนั้นก็ค่อยๆ เงียบลง ทำให้หญิงสาวกล้าจะออกไปด้านนอก ก่อนจะพบเห็นศพจำนวนเจ็ดถึงแปดร่างนอนอยู่ตรงสวน โดยเฉียวเทียนช่างนั้นได้จับตัวคนๆ หนึ่งเอาไว้
“เขา…”
“เขาคือองครักษ์ลับของเซียวจื่อเซวียนเป็นแน่”
“องครักษ์ลับหรือ โอ้ ผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องการฆ่าข้าจริงๆ ถึงกับจ้างองครักษ์ลับมาเพื่อจัดการข้าซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวเช่นนี้” หนิงเมิ่งเหยาอุทานอย่างเย้ยหยัน
เฉียวเทียนช่างมองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา นางก็เอ่ยต่อ “ชิงซวง ข้ายกคนผู้นี้ให้เจ้าจัดการเลย”
“ได้เจ้าค่ะ คุณหนู” ชิงซวงเผยตัวออกมาจากความมืด ในแววตามีประกายแห่งความเยาะเย้ยถากถาง
ในเวลานั้นชิงซวงมีครบทุกอย่างแล้ว นอกจากคนที่นางต้องการจะให้มาทดสอบตัวโอสถของตน คนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่อาจทนรับผลข้างเคียงของโอสถได้ แต่นางคิดเองว่าองครักษ์ลับผู้นี้คงจะสามารถอดทนได้นานพอสมควรหากเทียบกับคนอื่นๆ
เซียวจื่อเซวียนยังคงรอให้องครักษ์ลับของตนมาแจ้งข่าวดี
แต่กลับไม่มีข่าวดีมาให้ หนำซ้ำนางกลับได้รับศีรษะเปื้อนเลือดมาแทน
นางกรีดร้องเมื่อเห็นดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างในระยะใกล้ “กรี๊ด…”
ผู้คนด้านนอกได้ยินเสียงร้องตกใจนั้น จึงรีบเปิดประตูเข้ามา แต่หลังจากเห็นศีรษะเหล่านั้น พวกเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเช่นกัน ส่วนบรรดาผู้คนที่ใจกล้าพอก็รีบไปตามหาหลิงหลัวและโหวเยว่
เมื่อหลิงหลัวกลับมา เขาเห็นผู้เป็นชายาของตนนั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด นางดูเปราะบางจนเขารู้สึกสงสาร
“ทำความสะอาดที่นี่เสีย”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
“ไม่เป็นไรนะ ข้าจะพาเจ้าไปที่บ้านของข้าเอง”
เซียวจื่อเซวียนผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะ