ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 117 ความรู้สึกผิด + บทที่ 118 หยางเล่อเล่อผู้โชคดี
บทที่ 117 ความรู้สึกผิด
การกระทำเช่นนี้นั้นเป็นการหาเรื่องกันอย่างไม่ต้องสงสัย อันที่จริง เมื่อดูจากสีหน้าของนายท่านแล้ว ดูเหมือนว่าเขาต้องการให้มีการสืบสวนเรื่องนี้เกิดขึ้น
“นายท่าน หญิงสาวก่อนหน้านี้ นางเป็นภรรยาท่านหรือขอรับ?” เหลยอันเหลือบมองเฉียวเทียนช่างอย่างระมัดระวัง
เฉียวเทียนช่างมองเหลยอัน ก่อนยิ้มบางๆ “เจ้าอยากรู้หรือ?”
เหลยอันหลุบตาลงมองพื้นก่อนส่ายศีรษะเป็นพัลวัน “ไม่ขอรับ ข้าไม่อยากรู้ขอรับ”
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
“ขอรับ ข้าแน่ใจ ไม่อยากรู้ขอรับ ข้ากลับก่อนนะขอรับนายท่าน” เหลยอันอยากจะตบหน้าตัวเอง เขาไม่ควรถามเลยจริงๆ
ความสัมพันธ์ของทั้งสองชัดเจนปานนั้น เหตุใดเขายังต้องถามด้วย? เขานี่มันช่างหาเรื่องเสียจริง
เฉียวเทียนช่างมองท่าทางแข็งๆ ของเหลยอันอย่างเย็นชา “เมื่อเจ้ากลับไป คงเป็นการดีกว่าถ้าเจ้าจะปิดปากเงียบในสิ่งที่เจ้าไม่ควรพูด”
“ทราบแล้วขอรับ ข้าจะไม่พูดเรื่องนางเลยแม้แต่คำเดียว” เหลยอันพยักหน้ารัวเร็ว
“กลับบ้านของหยางเล่อเล่อก่อน แล้วค่อยกลับไป” เฉียวเทียนช่างสังเกตเห็นว่าเหลยอันทำท่าจะกลับประเดี๋ยวนั้น เขาจึงกล่าวเสริมขึ้นมาทันที
เหลยอันมีท่าทางงุนงงในตอนแรก แต่แล้วก็เข้าใจว่าเฉียวเทียนช่างหมายความว่าอย่างไร เขาพยักหน้าช้าๆ “ได้ขอรับ ข้าทราบแล้ว”
ทั้งสองกลับมาด้วยกัน เมื่อนางหยางและหยางจู้เห็นเหลยอัน ทั้งสองก็คุกเข่าลง และกล่าวขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ “ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยลูกสาวของเรา”
“ท่านลุง ท่านป้า อย่าทำเช่นนี้เลย ไม่ว่าใครก็คงทำเช่นเดียวกับข้ากันทั้งนั้น” เหลยอันรู้สึกเขินเมื่อโดนพวกเขาคุกเข่าขอบคุณเข้าเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบช่วยทั้งสองให้ลุกขึ้นยืน
เมื่อเห็นเหลยอันลนลานพยายามช่วยให้พวกเขาลุก หยางจู้ก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ชายผู้นี้เป็นคนดี “อย่าพูดเช่นนั้นเลย เจ้าช่วยชีวิตลูกสาวคนสำคัญของพวกเราไว้”
“นางดีขึ้นหรือยัง?” เหลยอันทนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ไหว เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ
“ดีขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้แม่หนูคนใช้ของเมิ่งเหยาก็มาดูอาการให้ นางบอกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี พวกเราเพียงแค่ต้องคอยดูแลแผลของนางไปสักระยะเท่านั้น”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
“เอ๋? จะไปแล้วหรือ? ทำไมไม่อยู่ทานอะไรที่นี่สักหน่อยก่อนแล้วค่อยกลับไปเล่า?” หยางจู้ตาลีตาเหลือกรีบพูด เมื่อได้ยินว่าเหลยอันกำลังจะกลับ
เหลยอันหันมองเฉียวเทียนช่าง สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า “ขอบคุณท่านลุง แต่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการอยู่ ดังนั้นจึงต้องไปแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางจู้ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้ารั้งผู้มีพระคุณของลูกสาวให้อยู่ต่อ
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ครั้งหน้าหากมีโอกาสเจ้าก็มาเยี่ยมที่นี่บ้างก็แล้วกัน ขอบใจเจ้าจริงๆ” หยางจู้กล่าวเบาๆ
“ได้แน่นอน ข้าลาล่ะ” เหลยอันสัญญาและยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าภายในใจเขาจะรู้ว่าตนคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกก็ตาม อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่เขาจะสามารถอยู่ได้นานอยู่แล้ว
เมื่อเหลยอันจากไป เฉียวเทียนช่างก็หันไปหาหยางจู้ “ลุงหยาง อย่าห่วงไปเลย พวกเราจะหาตัวการของเรื่องนี้ให้เจอ”
“อืม ข้าก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน” หยางจู้พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเฉียวเทียนช่างนั้นไม่ใช่นายพรานธรรมดาๆ ในเมื่อเขากล่าวเช่นนั้นด้วยตัวเอง จึงเชื่อได้ว่าเรื่องนี้จะต้องถูกจัดการอย่างราบรื่นแน่นอน
หนิงเมิ่งเหยาอยู่ที่บ้านของตระกูลหยางต่อ ดังนั้นเฉียวเทียนช่างจึงไม่ได้กลับออกไป แต่เดินไปคุยกับนางหยางที่สวนแทน เมื่อตอนใกล้ค่ำ หนิงเมิ่งเหยาก็เดินออกมาบอกว่า “นางตื่นแล้ว”
หยางจู้ผุดลุกขึ้นและเดินอย่างอ่อนล้าไปหานาง เมื่อดูจากท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมานั้นเขาเองก็ซ่อนความกังวลของตัวเองเอาไว้ให้พ้นจากสายตาผู้อื่นตลอดเวลา
“ท่านพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วง” หยางเล่อเล่อนอนอยู่บนเตียง หันหน้ามองบิดาของตนที่รุดเข้ามาหา
หยางจู้ยื่นมือไปลูบศีรษะของลูกสาว เขายิ้มแล้วบอกว่า “เจ้าก็ไม่ต้องห่วงข้า พักผ่อนให้สบายเถิด”
“ข้ารู้ แต่พี่ใหญ่ที่ช่วยข้าไว้ไม่อยู่เสียแล้ว” หยางเล่อเล่อดูสลดลงเล็กน้อย ถ้าหากเขาไม่ได้ปกป้องนางเอาไว้ เขาก็คงไม่ตาย
เมื่อเห็นลูกสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจมีท่าทีเช่นนี้ หยางจู้ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบประโลมนางอย่างไรดี
“ข้าทราบแล้ว ไปถามเมิ่งเหยากันเถิดว่าในตระกูลเขามีผู้ใดบ้างหรือไม่ ถ้ามี เราจะดูแลพวกเขาเอง”
“ไม่มีผู้ใดเลย พี่ใหญ่เป็นเด็กกำพร้า เขามีที่อยู่ได้ก็เพราะได้เจอกับเหยาเหยา” หยางเล่อเล่อรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก ทำให้หยางจู้เป็นห่วงอย่างมาก
หนิงเมิ่งเหยาได้ยินบทสนทนาของพวกเขาจากด้านนอก นางจึงเคาะประตูแล้วเข้ามา เมื่อนางเห็นหยางเล่อเล่อมีสีหน้าเศร้าใจ นางก็นั่งลงข้างเตียง “อย่าคิดมากเลย พวกเราจะแก้แค้นให้เขา แต่ตอนนี้เจ้าต้องรักษาแผลของตัวเองเสียก่อน”
“แต่…”
“เล่อเล่อ ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า โจรพวกนั้นต่างหากที่สมควรจะเป็นผู้ผิด” หนิงเมิ่งเหยาอับจนหนทาง นางเข้าใจว่าทำไมหยางเล่อเล่อจึงได้รู้สึกเช่นนั้น แต่พี่ชายผู้นั้นเพียงแค่ทำตามหน้าที่ของเขา และหน้าที่นั้นคือการปกป้องหยางเล่อเล่อ
บทที่ 118 หยางเล่อเล่อผู้โชคดี
หยางเล่อเล่อยังคงรู้สึกผิดอย่างเหลือล้น แต่เมื่อเห็นบิดาของตนและหนิงเมิ่งเหยาที่พยายามปลอบนางอย่างไม่ลดละแล้ว นางก็ยิ้มออกมา “ข้าเข้าใจแล้ว เหยาเหยา”
“เช่นนั้นก็พักเสีย ข้าจะกลับบ้านก่อน แล้วจะมาเยี่ยมเจ้าพรุ่งนี้” มันดึกมากแล้ว ถ้าหากนางยังอยู่ต่อ ข้างนอกนั่นมีแต่จะยิ่งมืดขึ้นเรื่อย ๆ
“เมิ่งเหยา ทำไมไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนกลับล่ะ?” นางหยางรีบเรียกนางเอาไว้ก่อนที่นางจะกลับ
เมิ่งเหยาส่ายหน้า “ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ท่านป้า ข้าต้องส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน” ตลอดช่วงสองสามเดือนมานี้ไม่มีโจรเลยแม้แต่คนเดียว ทว่าตอนนี้กลับมามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มันออกจะมีพิรุธอยู่
“แต่….”
“ท่านป้า ท่านกลัวว่าข้าจะเลิกมากินข้าวที่บ้านท่านหรือ? เราอยู่ใกล้ๆ กันแค่นี้เอง ถ้าข้าอยากมา ข้าก็มาหาได้เสมอไม่ใช่หรือ?” หนิงเมิ่งเหยาพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย
นางหยางคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นจริงตามนั้น นางจึงพยักหน้าและกล่าวลากับทั้งสอง
ระหว่างทางกลับบ้าน เมื่อเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยามีสีหน้าซึ่งยากจะอ่านได้ เฉียวเทียนช่างจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “อย่าห่วงเลย ข้าบอกให้เหลยอันไปรายงานเบื้องบนให้แล้ว”
“หือ?” หนิงเมิ่งเหยาหันไปมองเขา คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย รายงานเบื้องบน? เขาหมายความว่าอย่างไร?
เมื่อเห็นคิ้วมุ่นๆ ของหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างก็โอบนางไว้เพื่อให้นางใจเย็นลง “เรื่องครั้งนี้ ดูเหมือนว่าโจรพวกนั้นจะไม่ใช่โจรธรรมดาๆ อย่างที่พวกมันตั้งใจให้เราเห็นภายนอก พวกมันคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับคนระดับสูงแน่ๆ อีกอย่าง สถานที่ซึ่งหยางเล่อเล่อโดนปล้นก็เป็นจุดที่มีคนพลุกพล่านอีกด้วย แล้วจู่ๆ โจรพวกนี้จะมาจากไหนได้กัน?”
หนิงเมิ่งเหยาชะงักไปครู่หนึ่ง นางไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้เลยสักนิดเดียว แต่พอเฉียวเทียนช่างพูดขึ้นมาตอนนี้ ก็ดูมีความเป็นไปได้อยู่
นางเคยเดินทางผ่านสถานที่แห่งนั้นมาสองครั้งแล้ว แต่นางไม่เคยได้ยินเรื่องการดักปล้นหรืออะไรทำนองนั้นมาก่อน แต่แล้ว พวกมันกลับปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้ แล้วจู่โจมแม้กระทั่งหยางเล่อเล่อ…
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีการของเจ้า เพราะฉะนั้น ช่วยข้าสืบเรื่องนี้เถอะ” หนิงเมิ่งเหยาพูดเสียงเย็น
ใครก็ตามที่กล้ามาทำร้ายเพื่อนของนางนั้นถือว่าหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร”
ตอนที่ทั้งสองกำลังเดินมุ่งหน้าสู่ประตูทางเข้าหมู่บ้าน จู่ๆ หูก็ได้ยินเสียงอันไม่น่าฟังดังขึ้น “โชคดีชะมัด นางรอดตายหวุดหวิด”
เสียงนั้นฟังดูคุ้นหูชอบกล… ทั้งสองมองหน้ากัน มันเป็นเสียงของหยางซิ่วเอ๋อร์
พวกเขาย่องไปที่ประตูก่อนยืนอยู่เงียบๆ ตรงนั้น แล้วหนิงเมิ่งเหยาก็ได้ยินเสียงนางเฉิน “ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน! ถ้าหากมีใครได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด เจ้าคิดว่าพวกเรายังจะอยู่ที่นี่ได้อีกหรือ?”
“ข้าพูดอะไรผิดหรือ? หยางเล่อเล่อโชคดีนัก ขนาดเจอโจร นางก็ยังรอดตายกลับมา โธ่เอ๊ย ถึงกับมีคนที่ผ่านมามาช่วยเอาไว้อีก” หยางซิ่วเอ๋อร์พูดอย่างหงุดหงิด
นางเห็นคนที่มาช่วยหยางเล่อเล่อ เขาเป็นชายหนุ่มซึ่งค่อนข้างจะหล่อเหลาเอาการทีเดียว หรือถ้าจะพูดจริงๆ ก็คือ คนผู้นั้นดูไม่เหมือนสามัญชนเลยแม้แต่นิดเดียว ช่างเป็นความบังเอิญยิ่งนักที่จู่ๆ ก็มีคนที่ยอดเยี่ยมปานนั้นโผล่เข้ามาช่วยชีวิตของหยางเล่อเล่อเอาไว้
ร่องรอยโทสะฉายอยู่ในดวงตาของหนิงเมิ่งเหยา นางเกือบจะผลักประตูเข้าไป แต่เฉียวเทียนช่างหยุดไว้และดึงนางออกมาก่อน
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เมื่อออกมาจากหมู่บ้าน เฉียวเทียนช่างก็ปล่อยหนิงเมิ่งเหยา แต่นางทำเพียงถลึงตาใส่เขา
เขายื่นมือไปเคาะศีรษะของหนิงเมิ่งเหยาเบาๆ “เหลยอันไม่ได้บอกใครว่าหยางเล่อเล่อเจอโจร เขาบอกว่าม้านางพยศเพราะกลัวอะไรบางอย่างแล้วพุ่งเข้าชนต้นไม้ ส่วนแผลพวกนั้นก็มาจากกิ่งไม้ข่วนเอา”
ข้ออ้างนี้ดูจะสมเหตุสมผล แต่ปริศนาตอนนี้คือการที่หยางซิ่วเอ๋อร์เพิ่งพูดเรื่องหยางเล่อเล่อรอดตายจากการโดนปล้นได้อย่างไรต่างหาก
หยางซิ่วเอ๋อร์รู้เรื่องหยางเล่อเล่อเจอโจรได้อย่างไร?
“เจ้าจะบอกว่าหยางซิ่วเอ๋อร์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ?” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว “แต่นางเป็นแค่หญิงชาวบ้านนะ”
“ยังเร็วเกินกว่าที่จะตัดสินนัก แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าหยางซิ่วเอ๋อร์รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่จะด้วยบทบาทอะไรที่นางกำลังสวมอยู่นั้น เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อสืบเรียบร้อยแล้ว” เมื่อเฉียวเทียนช่างได้ยินสิ่งที่หยางซิ่วเอ๋อร์กล่าว เขาก็รู้ได้ในทันทีว่านางนั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน
ความคิดนี้ดูจะมีความเป็นไปได้จริง ๆ
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาดำทะมึน “หากหยางซิ่วเอ๋อร์มีส่วนกับการทำร้ายครั้งนี้จริง ข้าจะไม่ปล่อยนางไปแน่”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็มีความคิดประหลาดๆ ผุดขึ้นมา หากหยางซิ่วเอ๋อร์เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปล้น เช่นนั้นนางก็จัดว่ามีความสามารถทีเดียว
เฉียวเทียนช่างลูบศีรษะหนิงเมิ่งเหยา “ไปกันเถอะ ไว้ค่อยมาคุยเรื่องนี้กันหลังจากสืบความได้” เขาเองก็รู้สึกว่าหญิงผู้นั้นควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง