ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 135 เทศกาลแข่งเรือ + บทที่ 136 โดนผลักตกทะเลสาบ
บทที่ 135 เทศกาลแข่งเรือ
หลังได้รับของขวัญจากหนิงเมิ่งเหยา ทุกคนต่างยิ้มแย้ม พูดคุยกันว่าพวกตนไม่ต้องไปซื้อเนื้อสำหรับวันพรุ่งนี้แล้ว
หนิงเมิ่งเหยาให้ทุกคนหยุดเพื่อไปฉลองงานเทศกาลวันที่สอง ในเมื่อคลังสินค้ายังมีของเหลือเฟือ วันหยุดสักวันย่อมไม่ส่งผลกระทบมากนัก
เฉียวเทียนช่างแวะมาในตอนเช้าตรู่เพื่อช่วยงานเหมือนทุกที เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จ เขาหยิบคันธนูและลูกธนูขึ้นภูเขาไป
ตั้งแต่ทั้งสองผ่านพ้นจุดที่ต่างฝ่ายต่างประดักประเดิดใส่กันมาได้ เฉียวเทียนช่างก็นอนหลับที่บ้านของนางง่ายขึ้น ทุกวันเขาจะกินอาหารทั้งสามมื้อที่บ้านหนิงเมิ่งเหยา ท่านยายฉินและหญิงรับใช้คนอื่นเห็นพ้องต้องกันว่าท่าทางเขาเหมือนอยากจะรีบแต่งงานกับนางใจจะขาด
เมื่อเฉียวเทียนช่างออกไป หนิงเมิ่งเหยานั่งคิดเรื่องนั้นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะไหวไหล่เลิกสนใจ แล้วไปทำงานต่างๆ
นางตั้งใจจะทำอาหารให้อร่อยมากขึ้น จึงวุ่นอยู่ในครัวหลังกินข้าวเช้าเสร็จ มีท่านยายฉินและชิงเสวี่ยช่วยนางอยู่ ขั้นตอนการตระเตรียมจึงไม่ยุ่งยากนัก
“คุณหนู วันนี้ท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” ชิงเสวี่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นวัตถุดิบที่หนิงเมิ่งเหยาเตรียมไว้
“แค่ของง่ายๆ น่ะ” หนิงเมิ่งเหยาตอบ มือขยับเป็นระวิง
เฉียวเทียนช่างกลับมาตอนพวกนางทำใกล้เสร็จแล้ว เขาแบกกวางป่ามาบนไหล่ มืออุ้มลา ไก่ฟ้า และกระต่ายป่า
พอเห็นเขา หนิงเมิ่งเหยาก็จ้องเฉียวเทียนช่าง “เจ้าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน”
“เจ้าอยากเดาไหมเล่า” เฉียวเทียนช่างเดินไปหาหนิงเมิ่งเหยา
“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นเลย ตัวเจ้าเปื้อนเลือดเต็มไปหมด” หนิงเมิ่งเหยาผลักเขาออก นิ้วชี้เลือดบนตัวชายหนุ่ม
เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วแล้วเดินไปยืนข้างหนิงเมิ่งเหยา เขาเอื้อมมือไปกอดนาง “เปื้อนเลือดเพียงนิดเดียว เจ้าก็ไล่ข้าเสียแล้ว”
“เจ้าน่ารังเกียจเสียจริง กลับบ้านเจ้าไปเลย อาบน้ำเปลี่ยนผ้าก่อนจะกลับมาที่นี่” หนิงเมิ่งเหยาผละออกจากอ้อมแขนแล้วถลึงตาใส่เขา
เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าจะจัดการเจ้าพวกนี้ก่อน ครั้งก่อนเจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าอยากจะย่างเนื้อกว้าง เจ้าอยากลองวันนี้เลยหรือไม่”
ดวงตาหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกาย นางชอบใจความคิดนี้ “ก็ได้ ข้าตัดสินใจแล้ว คืนนี้เราจะกินเนื้อย่างกัน ชิงซวง ไปบ้านท่านลุงหยางแล้วเชิญพวกเขามาที่นี่คืนนี้”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
เฉียวเทียนช่างเตรียมเนื้อทั้งชุดที่เปื้อนเลือด หนิงเมิ่งเหยามองเขาอยู่พักหนึ่งจนเบื่อจึงค่อยกลับไปทำอาหารต่อ
วันนี้นางทำอาหารเก้าจาน และทุกจานล้วนมีรสชาติโอชะ
“ข้าหิวเหลือเกิน” เฉียวเทียนช่างล้างมือแล้วนั่งบนเก้าอี้
กลิ่นหอมหวนเตะจมูกเช่นนี้ เขาไม่อยากจะล้างเนื้อต่อแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาจ้องมองเฉียวเทียนช่าง แล้วเอาตะเกียบยัดใส่มือเขาคู่หนึ่ง “มีของกินตั้งเยอะ แต่เจ้ายังจะพูดมากอีก”
“คุณหนู วันนี้ในเมืองมีงานแข่งเรือมังกร…” ชิงจู๋บ่นกับหนิงเมิ่งเหยา
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ
“ไปดูงานแข่งกันหลังกินเสร็จเป็นอย่างไรเล่า” ตอนนี้เป็นยามอู่[1] กว่าพวกนางจะไปถึงงานก็คงเป็นเวลาบ่ายคล้อย หลังจากนั้นพวกนางจะได้กลับมาก่อนพลบค่ำ
“ถ้าพวกเจ้าอยากไป ก็ต้องรีบกิน” เฉียวเทียนช่างพูดเสียงดังให้คนที่กำลังฝันกลางวันได้ยิน
หลายคนตกใจเสียงเขา แล้วรีบลงมือกินทันที หลังทานอาหารเสร็จ เฉียวเทียนช่างถึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าขณะที่ทุกคนก็ไปเตรียมตัวเช่นกัน
แม่นมฉินกับเจี่ยงเฉวียนไม่อยากไป บอกว่าจะอยู่เตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็น หนิงเมิ่งเหยาจึงพาข้ารับใช้ทั้งสามกับเฉียวเทียนช่างและชิงเซวียนไปที่เมือง
ตอนพวกนางไปถึง มีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ข้างทะเลสาบ
ในยามปกติ สถานที่นี้ก็เหมาะมาหาความรื่นรมย์อยู่แล้ว เมื่อจัดงานแข่งขัน ฝูงชนจึงยิ่งมากกว่าปกติ
“คนเยอะขนาดนี้เชียว แล้วเราจะชมการแข่งได้อย่างไร” หนิงเมิ่งเหยามองฝูงชนอย่างอับจนหนทาง
เฉียวเทียนช่างคอยปกป้องและพานางไปแถวหน้า
หนิงเมิ่งเหยามายืนอยู่ข้างหน้าสุดแล้ว และยังคงประหลาดใจว่าเขาทำได้อย่างไร
“เจ้านี่ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยากล่าวอย่างอึ้งๆ
“ฮ่าๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เรามาได้จังหวะพอดี การแข่งใกล้จบแล้ว” เฉียวเทียนช่างพูด สำรวจมองไปยังงานแข่งว่าคืบหน้าไปเพียงใด ตอนนี้ถึงครึ่งหลังแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะลงแล้วจับจ้องไปที่การแข่งขัน ฟังเสียงกลองและเสียงคนโห่ร้องดังลั่น บรรดาผู้ชมต่างอดตื่นเต้นกันไม่ได้ บางคนก็ส่งเสียงร้องให้กำลังใจร่วมกัน
บทที่ 136 โดนผลักตกทะเลสาบ
หยางชุ่ยเองก็ตามพี่ชายและพี่สะใภ้มาดูงานแข่งเรือมังกรเช่นกัน นางไม่คาดไม่ถึงว่าพอหันไปจะได้เห็นเฉียวเทียนช่างคอยปกป้องหนิงเมิ่งเหยากลัวว่านางจะโดนคนอื่นผลักตกทะเลสาบ
สายตาที่มองอย่างระมัดระวังให้ทำหยางชุ่ยนึกขยะแขยง เหตุใดเฉียวเทียนช่างจึงปฏิบัติกับนางจิ้งจอกนั่นดีปานนี้
นางแอบมองไปรอบด้านให้แน่ใจว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ไม่ได้กำลังมองตนอยู่ แล้วนางก็ลอบเข้าไปใกล้หนิงเมิ่งเหยา
เมื่อนางเข้าไปใกล้พอ นางแกล้งทำเป็นโดนคนอื่นผลักไปชนหนิงเมิ่งเหยาเข้า
เดิมเฉียวเทียนช่างก็คอยดูแลหนิงเมิ่งเหยาไม่ให้นางโดนคนข้างหลังผลัก แต่เขาไม่ทันคิดว่าจะมีคนมาชนหนิงเมิ่งเหยาจากด้านข้าง
หนิงเมิ่งเหยาซึ่งไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างโดนผลักตกลงไปในทะเลสาบ หยางชุ่ยคว้าเสื้อเฉียวเทียนช่างไว้ได้ทันตอนที่นางเองกำลังจะตกลงไป
เสียงน้ำสาดรกระจายทำให้ฝูงชนละแวกนั้นตกตะลึง มีบางคนรีบกระโจนลงทะเลสาบไปช่วยหนิงเมิ่งเหยา
ตอนแรกหยางชุ่ยหวังจะรั้งเฉียวเทียนช่างไว้ไม่ให้เขาไปช่วยหนิงเมิ่งเหยาได้ แต่เขาโยนนางไปให้พ้นทางและขู่ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเหยาเหยา เจ้าตายแน่”
สีหน้าปานจะกินเลือดกินเนื้อของเขาทำเอาหยางชุ่ยตัวชาวาบ
หยางชู่กับนางซุนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และพอมองยังสีหน้าของหยางชุ่ย พวกเขาก็รู้ว่านางเป็นคนผลักหนิงเมิ่งเหยา
เฉียวเทียนช่างกระโดดลงไปในทะเลสาบทันที แล้วกอดหนิงเมิ่งเหยาไว้ในอ้อมแขน แม้ช่วงนี้อากาศจะอุ่นแล้ว แต่ในน้ำก็ยังเย็นนัก
“เหยาเหยา เจ้าเป็นอะไรไหม” เฉียวเทียนช่างประคองนางไว้แล้วถามด้วยความกังวล
“ข้าไม่เป็นไร แค่เท้าข้าเป็นตะคริว” อันที่จริงแล้วนางว่ายน้ำเป็น แต่ตะคริวทำให้นางเอาตัวรอดเองไม่ไหว
เฉียวเทียนช่างพานางขึ้นฝั่ง ครั้นสังเกตว่าเสื้อผ้าเปียกโชกเผยถึงเนื้อหนังของนางเล็กน้อย เขาก็มีแววตาไม่พอใจ ชายหนุ่มถอดเสื้อตัวเองที่เปียกพอกันห่มให้หนิงเมิ่งเหยา
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ” หยางชุ่ยเห็นเฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยาแล้วกำลังจะไป นางจึงรีบคว้าเสื้อหนิงเมิ่งเหยาไว้ เจตนานางนั้นชัดเจน
สีหน้าเฉียวเทียนช่างยิ่งทะมึน เขาถีบหยางชุ่ยออกไป “ไปให้พ้น”
“หลบไป”
น้ำเสียงเฉียวเทียนช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย บรรดาคนดูต่างเข้าใจแล้วหลบให้
ผู้คนมองไปที่หยางชุ่ยอย่างนึกสงสัย พวกเขาล้วนเห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น นางเบียดฝ่าฝูงชนจากจุดอื่นเข้ามา แล้วเมื่อนางไปถึงตรงนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็ร่วงลงไปในทะเลสาบ แล้วพอหนิงเมิ่งเหยาจะไป นางก็จงใจตามไปคว้าเสื้อหญิงสาวไว้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์
“หญิงสาวแบบนั้นทำอะไรเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
“จริงแท้ หนุ่มสาวคู่นั้นไปทำอะไรให้เจ้ากัน พวกเขาก็แค่ชมการแข่ง แต่เจ้าไปผลักพวกเขาลงน้ำเสียอย่างนั้น”
“เปล่านะ ข้าเปล่า” หยางชุ่ยรีบส่ายศีรษะแล้วอธิบาย
ผู้คนพากันมองหยางชุ่ยด้วยสายตารังเกียจ “ไม่ใช่เจ้าอย่างนั้นรึ ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงต้องพยายามเบียดจนมาถึงตรงนี้กันเล่า หญิงนางนั้นก็ตกไปในทะเลสาบทันทีที่เจ้ามาถึงตรงนี้”
“ใช่เลย เมื่อกี้เจ้าเกือบจะผลักข้าลงไปด้วย”
พวกชาวบ้านพูดกันกระโชกโฮกฮาก หน้าหยางชุ่ยแดงเถือก กระทั่งหยางชู่กับนางซุนยังอายไปด้วย
เฉียวเทียนช่างโอบหนิงเมิ่งเหยาไว้ขณะที่พวกเขาเบียดผ่านผู้คน แล้วตรงไปยังสวนของเมือง
ชิงเสวี่ยกับคนอื่นรออยู่ตรงนั้นแล้ว พวกนางออกมาก่อนเพราะคนแน่นเกินไป พวกนางเห็นหนิงเมิ่งเหยากับเฉียวเทียนช่างตัวเปียกโชกทั้งคู่ แล้วหนิงเมิ่งเหยายังอยู่ในอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่างอีกด้วย
“คุณหนู คุณชาย เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” ชิงเสวี่ยถามอย่างเป็นกังวล
“มีคนผลักนางตกลงในไปทะเลสาบ ชิงซวง ช่วยดูเหยาเหยาที นางบอกว่าเท้าเป็นตะคริว ชิงเสวี่ย เจ้ากับชิงจู๋ไปต้มน้ำร้อนแล้วเตรียมน้ำให้เหยาเหยาอาบ ชิงเซวียน ไปช่วยซื้อเสื้อผ้ามาสองชุด” เฉียวเทียนช่างสั่งงานให้ทุกคนในเวลาสั้นๆ
อีกสามคนไม่นับชิงซวงต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน เฉียวเทียนช่างพาหนิงเมิ่งเหยาเข้าไปในห้องแล้ววางนางลงบนเก้าอี้ “ถอดเสื้อผ้าเจ้าก่อน แล้วเปลี่ยนชุดหลังจากอาบน้ำ”
“ข้ารู้แล้ว”
เมื่อเฉียวเทียนช่างออกไป หนิงเมิ่งเหยาถอดเสื้อผ้าชุ่มน้ำออกโดยมีชิงซวงช่วย พอได้สวมเสื้อคลุมทับ นางก็ให้ชิงซวงตรวจดูอาการ
[1] ยามอู่ 午 (Wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.