ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 159 ไม่มีทางทรยศ + บทที่ 160 อย่าขอบคุณข้าเลย
บทที่ 159 ไม่มีทางทรยศ
หลังจากที่นี่ไปหลายปี เฉียวเทียนช่างก็ได้กลับมาในวันนี้พร้อมข่าวน่าตื่นตะลึง
เรื่องหนึ่งคือการกระจายพลังอำนาจในหมู่เมืองข้างเคียง น่าประหลาดใจนักที่ไปถึงขั้นนี้กันแล้ว กระทั่งตัวฮ่องเต้เซียวชวี่เฟิงยังรู้ไม่ถึงสองในสาม อีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่คู่หมั้นของพี่น้องเคียงบ่าเคียงไหล่ของเขา หนิงเมิ่งเหยาคือเจ้าของทงเป่าไจซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วทุกเมือง
“นางเป็นคนเช่นไรหรือ เทียนช่าง” เซียวชวี่เฟิงเริ่มเกิดความสงสัย หนิงเมิ่งเหยาเป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง ไฉนจึงเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่เช่นทงเป่าไจได้
เพราะมีน้องชายชอบทำการค้า เขาจึงตระหนักดีว่าทงเป่าไจทรงอิทธิพลเพียงใด ทุกปี ทงเป่าไจจะทำเงินได้มหาศาล มากกว่าสองในสามของเงินที่เขาได้ แล้วนั่นเป็นเพียงจำนวนเงินในเมืองเซียวเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นผู้บงการสภาพเศรษฐกิจของเมืองเซียว ถ้าเกิดใจนางเปลี่ยนไปเข้าหาเมืองอื่น…
“ฝ่าบาท ขอพระองค์โปรดอย่าได้กังวล เหยาเหยาไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะข้า นางไม่มีทางเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ” เฉียวเทียนช่างเข้าใจความกังวลของเซียวชวี่เฟิง เขาถึงได้ต้องการมาที่นี่ด้วยตัวเอง
เซียวชวี่เฟิงครุ่นคิด จริงอย่างที่ว่า ถ้าเฉียวเทียนช่างไม่ใช่คู่หมั้นของนาง เขาคงไม่มีทางได้รู้ว่าเจ้าของผู้ลึกลับแห่งทงเป่าไจคือใคร
บัดนี้เซียวชวี่เฟิงทราบแล้ว เขาก็บอกได้ว่าตราบใดที่ตนไม่มุ่งร้ายหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง เมืองเซียวและทงเป่าไจ่ย่อมอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข
ถ้าเกิดสงคราม นางย่อมไม่มีทางทิ้งเฉียวเทียนช่างไป ดังนั้นต่อให้ท้องพระคลังเมืองนี้ร่อยหรอ เขาก็ไม่ต้องห่วงว่าทหารจะไม่มีอาหารและน้ำ
ไม่ว่าจะมองเช่นไร ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพวกเขากำลังได้เปรียบ
“เจ้าคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ เทียนช่าง” เซียวชวี่เฟิงปล่อยเรื่องนี้ไป แล้วมองเฉียวเทียนช่างด้วยแววตาจริงจัง
เฉียวเทียนช่างหรี่ตามองเซียวชวี่เฟิง “กระหม่อมจะติดตามดูเมืองเหล่านี้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอให้เหยาเหยาช่วยเรื่องนี้ได้ ถ้าพระองค์เคลื่อนไหวก่อน อาจจะทำให้พวกนั้นรู้ตัว”
“นับว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม” เซียวชวี่เฟิงชั่งใจแล้ว
ทุกเมืองต่างพร้อมป้องกันตัวจากสายลับเมืองอื่น แต่สำหรับหนิงเมิ่งเหยาก็จะแตกต่างออกไป เพราะอย่างไรนางก็เป็นเพียงแม่ค้าเท่านั้น
“เหยาเหยาบอกว่าควรส่งคนไปจับตาดูเฉียวเจิ้งหงพ่ะย่ะค่ะ”
“เพื่ออะไรรึ”
“หลังเจอบทลงโทษ จะไม่มีใครถือคำเฉียวเจิ้งหงเป็นจริงเป็นจังอีก ดังนั้นถ้าเมืองอื่นคิดจะเล่นงานเรา พวกเขาจะไปหาเขาก่อน” เฉียวเทียนช่างพูดประหนึ่งเฉียวเจิ้งหงเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งในสายตาเขา
เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ “ข้าจะส่งคนไปจับตาดูเขา เจ้าไม่ต้องกังวล”
“เช่นนั้น” เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะลง “กระหม่อมขอทูลลา”
“ไยเจ้าจึงรีบนัก”
“เอ่อ ถ้าข้าอยู่นานเกินไปจะน่าสงสัยเอาพ่ะย่ะค่ะ และยังมีเรื่องอื่นที่ข้าต้องไปช่วยอยู่ข้างๆ เหยาเหยา” เฉียวเทียนช่างรู้ว่าเซียวชวี่เฟิงหมายถึงอะไร แต่ก็ยังเลือกปฏิเสธ
ดังนั้นเซียวชวี่เฟิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากปล่อยเขาไป
หลังจากเฉียวเทียนช่างไปแล้ว เซียวชวี่เฟิงจึงเรียกเซียวฉีเทียนเข้ามา เมื่อได้ทราบเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องระหว่างหนิงเมิ่งเหยากับทงเป่าไจ เซียวฉีเทียนก็ตะลึงงัน
สตรีนางนี้จะมากความสามารถไปได้อีกเพียงใด
“ฉีเทียน เจ้าคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะเป็นภัยต่อเราหรือไม่” เซียวชวี่เฟิงกังวล
เซียวฉีเทียนส่ายศีรษะ “ไม่หรอกขอรับ ถ้าความสัมพันธ์ของเรากับเฉียวเทียนช่างคงเดิม นางก็จะไม่เป็นภัยต่อเรา อีกอย่าง ท่านพี่ ท่านคิดว่าเฉียวเทียนช่างจะมีวันหักหลังท่านหรือ”
“ไม่มีวันเสียหรอก” เซียวชวี่เฟิงตอบโดยไม่รู้ตัว
เขาอาจสงสัยคนทุกผู้ทุกนาม แต่ไม่มีวันสงสัยในตัวเฉียวเทียนช่าง พวกเขาสองคนเรียกได้ว่าเติบโตมาด้วยกันแต่เยาว์วัย ถ้าไม่ได้เฉียวเทียนช่างช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาอาจไม่ได้มาอยู่ตรงนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเฉียวเทียนช่างไม่ภักดี คงไม่เดินทางมาถึงเมืองหลวงเพื่อเรื่องนี้ด้วยตัวเอง อันที่จริงแล้ว เขาคงกลัวว่าจะมีความเข้าใจต่อหนิงเมิ่งเหยาผิด เพราะถ้าไม่ใช่เพื่อเขา เฉียวเทียนช่างคงไม่เอาหนิงเมิ่งเหยามาเกี่ยว
“ดั่งท่านว่า ดังนั้นเราไม่ต้องห่วงเรื่องหนิงเมิ่งเหยาหรอก แต่การที่มีนางอยู่จะช่วยเราได้อีกมาก” เซียวฉีเทียนวิเคราะห์
เขารู้ว่าถ้ามีทงเป่าไจที่วางกลยุทธ์อย่างดีช่วย ตัวเขาจะซื้อข้อมูลจากทางนั้นได้อย่างง่ายดายเหมือนในการสืบครั้งนี้ ตราบใดที่เขาทำตามข้อตกลง ต่อให้เป็นความลับที่ยามอื่นพวกเขาไม่มีทางเอามาได้ก็ไม่มีทางหลบหนีจากทงเป่าไจพ้น
บทที่ 160 อย่าขอบคุณข้าเลย
ในเมื่อมีสมบัติเลอค่าเช่นนี้ในมือ เมืองเซียวย่อมหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองอื่นมาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าพูดถูก ข้าคุยเรื่องนี้กับเทียนช่างแล้ว เขาจะไปขอให้หนิงเมิ่งเหยาช่วยสอดส่อง” เซียวชวี่เฟิงโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง
ในใจเซียวชวี่เฟิง เฉียวเทียนช่างก็เหมือนเซียวฉีเทียน เป็นพี่น้องที่แสนดีของเขา และตัวเขาพร้อมจะมอบความไว้วางใจให้แก่ชายหนุ่มเสมือนเป็นดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด
“ท่านพี่ ท่านควรจะเริ่มเตรียมตัวเผื่อไว้ด้วยเช่นกัน”
“อย่าห่วงเลย ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร” เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ หลังจากทราบข่าวนี้ เขาไม่อาจรอโดยไม่ทำอะไรเลยได้
เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะรับทราบอย่างโล่งอก “เช่นนั้นข้าก็สบายใจ”
เฉียวเทียนช่างรีบกลับไปหมู่บ้านไป๋ซาน เขาเห็นหนิงเมิ่งเหยานั่งอยู่ในศาลาเรือนใหม่ข้างบ่อน้ำ เขาอดเดินไปกอดนางมิได้ “เหยาเหยา ขอบคุณเจ้ายิ่งนัก”
ตัวหนิงเมิ่งเหยาเกร็ง นางหันมามองเฉียวเทียนช่าง “เจ้ากลับมาแล้ว”
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว” เพียงประโยคสั้นๆ พาให้หัวใจเฉียวเทียนช่างอ่อนไหว เมื่อนานมาแล้ว เขาปรารถนาได้ยินสิ่งนี้มาตลอด แต่ไม่เคยได้มีโอกาสจนถึงตอนนี้ เมื่อเขาได้ยิน หัวใจเขาพลันสงบลง
“เป็นอย่างไรบ้าง” หนิงเมิ่งเหยาเชิญเฉียวเทียนช่างเข้ามานั่งก่อนจะทำหน้าจริงจังถามเขา
“ฮ่องเต้ทราบเรื่องแล้ว แต่เหยาเหยา เรายังต้องการให้เจ้าช่วยจับตาดูการเคลื่อนไหวของเมืองอื่น ถึงชวี่เฟิงจะมีสายลับอยู่ในทุกเมือง แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมจะเคลื่อนไหว” เฉียวเทียนช่างนึกไม่ออกว่าตนได้บอกเรื่องนี้กับหนิงเมิ่งเหยาหรือยัง เขาจึงบอกนางเสียเลยตอนนี้ เพราะทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ตกลง ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าหรอก”
“ข้าโล่งใจนัก เหยาเหยา ขอบคุณเจ้าเหลือเกิน” เฉียวเทียนช่างรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาคิดอะไรอยู่ นางเพียงอยากจะมีชีวิตสงบสุข ไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับความขัดแย้ง ทว่านางก็อาสาให้ความช่วยเหลือเพื่อเขา เขาจึงมีเพียงตัวเองให้กล่าวโทษเท่านั้น
หนิงเมิ่งเหยาลูบมือเฉียวเทียนช่างข้างที่กุมมือนางไว้ “อย่าคิดมากนักเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเลี่ยงสงครามไม่ได้ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพของเมืองนี้ ข้าทำได้เพียงช่วยเจ้าสืบหาและแจ้งข่าวให้กับเจ้า” นางได้แต่ทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือเขาเท่านั้น
เฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยาแน่น นางช่างเป็นยอดภรรยาที่สามีทุกคนต่างภาวนาจะได้เจอ
“เหยาเหยา ข้าขอบคุณเจ้ามาก” ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้า
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ นางไม่ได้อยากให้เขาทำตัวเป็นคนแปลกหน้ากับนาง
“ตกลง ข้าจะขอบคุณเจ้าแค่ครั้งนี้” เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ
คู่รักนั่งข้างบ่อน้ำแล้วมองใบบัวที่งอกงาม ไม่นานบัวในบ่อก็จะเบ่งบานสะพรั่ง จนถึงตอนนั้น บ่อนี้คงสวยสดงดงามยิ่งนัก
ขณะทั้งสองนั่งชิดใกล้กัน เจี่ยงเฉวียนเข้ามาหา “คุณหนู นายท่าน”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ ท่านลุงเจี่ยง ดูลุกลี้ลุกลนเชียว” หนิงเมิ่งเหยามองเจี่ยงเฉวียนด้วยความสงสัย อะไรที่ทำให้เขาร้อนรนเช่นนั้นกัน
“เราได้รับข่าวมาจากเมืองหลิง ข่าวเพิ่งมาถึงขอรับ” เจี่ยงเฉวียนส่งจดหมายในมือให้
หนิงเมิ่งเหยารับมาดู พลันเกิดคำถามขึ้นในใจ ซื่อจื่อแห่งเมืองหลิงคิดจะทำอะไร
“เทียนช่าง เจ้าดูนี่สิ” หนิงเมิ่งเหยาส่งจดหมายให้เฉียวเทียนช่าง
หลังอ่านเสร็จ เขาย่นหน้าแล้วได้ข้อสรุป “ข้าเกรงว่าพวกเขาทำเช่นนี้เพื่อให้เราสับสน”
หนิงเมิ่งเหยาใคร่ครวญตามแล้วมองเจี่ยงเฉวียน “ท่านลุงเจี่ยง ส่งข่าวนี้ต่อแล้วให้พวกเขาไปสืบหาว่าจริงหรือไม่”
“ขอรับ คุณหนู”
เจี่ยงเฉวียนรีบไป ปล่อยให้หนิงเมิ่งเหยานั่งอยู่ข้างบ่อ “เหมือนว่ากำลังจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชอบกล”
“ข้าเห็นด้วย อีกไม่นานนักหรอก”
“หืม”
“ชวี่เฟิงมีอนุภรรยาเพียงไม่กี่คน และทุกคนล้วนอยู่มาตั้งแต่ตอนเขายังเป็นซื่อจื่อ ทางเสนาบดีก็เริ่มเตรียมพิธีขึ้นรับตำแหน่งแล้ว ถ้าข้าคาดการณ์ถูก พระองค์จะต้องเลือกมหาสีคนแรกจากตระกูลของเสนาบดีฝั่งขวา”
“เจ้าหมายถึงว่า เมื่อพระองค์ขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จะมีคนจากเมืองอื่นมาที่นี่น่ะหรือ” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างด้วยความประหลาดใจ
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ “ถูกต้อง ข้ามั่นใจเช่นนั้น พิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้เป็นงานใหญ่ และขณะเดียวกันก็เป็นงานเฉลิมฉลองใหญ่โต จะมีคนมากมายมาแน่นอน”
“เข้าใจแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ แต่นางกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน จึงไม่ได้ถามเพิ่มเติม