ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 177 ห้ามจำหน่ายเด็ดขาด + บทที่ 178 ต่อยตี
บทที่ 177 ห้ามจำหน่ายเด็ดขาด
ทุกคนมองดูหนิงเมิ่งเหยาด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะผงกศีรษะ หญิงสาวเป็นคนมอบเหล้านี้ให้ หากพวกเขาไม่ดื่ม ก็คงจะเสียน้ำใจและทำให้นางอับอาย ส่วนเซียวฉีเทียนนั้น… ไม่มีใครสนใจนัก เขาช่างเป็นคนงี่เง่าเสียจริงเชียว
หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจทนดูเหตุการณ์นี้ต่อ นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “นี่เป็นเหล้าที่กลั่นไว้เพื่องานแต่งงานของข้า มีอยู่บางส่วนสำหรับร้านของเจ้าด้วยเช่นกัน ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องมองด้วยแววตาเจ็บปวดขนาดนั้นก็ได้” เหล้าเหล่านี้เป็นของหญิงสาว แต่นางกลับมิได้รู้สึกปวดร้าวที่พวกเขาดื่มกินมัน แล้วทำไมเซียวฉีเทียนจะต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วยเล่า
เซียวฉีเทียนรู้สึกราวกับโดนตัดบท ไม่ให้พูดต่อ
“เมิ่งเหยา เจ้าไม่ต้องใจกว้างมากนักก็ได้ จะอย่างไร มันก็เป็นเงินนะ” เซียวฉีเทียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ‘หญิงสาวใช้เหล้าชนิดใดสำหรับงานแต่งงานของนางกันนะ แล้วจะต้องเตรียมเหล้าไว้เยอะแค่ไหนเล่า อีกอย่าง ตรงนี้ก็มีนักดื่มเหล้าอยู่กลุ่มใหญ่เชียวนะ’
เซียวฉีเทียนสังเกตเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงประเด็นนี้ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ทันจะสงบใจได้อย่างเต็มที่ หญิงสาวก็พูดต่อว่า “ก็ข้าแต่งงานเพียงครั้งเดียวเท่านั้นนี่” นางต้องการจะสื่อว่าตนเองจะต้องใช้เหล้าที่ดีที่สุด เพราะงานแต่งของตนนั้นจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“ข้า…”
“อีกอย่าง เหล้าพวกนี้ก็กลั่นมาพิเศษสำหรับโอกาสนี้โดยเฉพาะ และมันก็มีคุณภาพดีกว่าชนิดที่เจ้าเคยขายมาก่อนหน้านี้อีกต่างหาก” ดูเหมือนว่าหนิงเมิ่งเหยาจะกรีดแทงหัวใจของเซียวฉีเทียนไม่พอ นางยังคงเชือดเฉือนด้วยคำพูดอันแทงใจดำของเขาต่อ
“เราชิมมันตอนนี้ได้หรือไม่” เซียวฉีเทียนถามอย่างจริงจัง
ชายหนุ่มคิดว่ารสชาติของเหล้าชนิดนี้จะต้องดีกว่าชนิดที่เขาเคยขายในร้านอาหารเป็นแน่ ดังนั้นเขาจะต้องนำบางส่วนกลับไปให้ได้
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ นางขอให้ชิงเสวี่ยและชิงจู๋หยิบกาเหล้ามาให้สองสามใบ
เมื่อเปิดฝากาสราออกมา กลิ่นอันเข้มข้นของมันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเมากรึ่ม และต่างรู้ว่ามันคือเหล้าที่ดีอย่างแน่นอน
“บ้าจริง แล้วส่วนตัวของเจ้ายังมีเหล้านี่มากกว่านี้อีกหรือ ไม่มีทาง รอบนี้เจ้าจะต้องเอากาสุรามาให้ข้าหนึ่งร้อยใบ” เซียวฉีเทียนเอ่ยขึ้นอย่างทันที
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว แม้ว่ากาสุราหนึ่งร้อยใบนั้นจะไม่ใช่จำนวนที่มากมายนัก แต่เหล้าชนิดนี้มีไว้สำหรับงานแต่งงานของนางเอง และหญิงสาวก็มิได้อยากจะขายมันก่อนวันงานแต่งงานด้วย
“ไม่หรอก ข้าจะไม่ขายมันก่อนงานแต่งของข้า” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น
“ทำไมเล่า” เซียวฉีเทียนเป็นทุกข์ร้อน ‘มันเป็นเหล้าชั้นยอด แล้วนางจะเก็บตุนเพื่อการส่วนตัวเท่านั้นได้เช่นไรกัน’
หนิงเมิ่งเหยาไม่สนใจความปวดร้าวของอีกฝ่าย และยังคงดื่มชาของตนเองต่อไป
“แม่นาง เจ้าเป็นพี่สะใภ้แท้ๆ ของข้านะ มันก็แค่กาสุราหนึ่งร้อยใบเท่านั้นเอง” เซียวฉีเทียนยอมแลกชื่อเสียงเรียงนามของตนเองเพื่อเหล้าเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม หนิงเมิ่งเหยายังคงส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่อาจขายเหล้าพวกนี้ให้กับเจ้าได้ แต่หากเจ้าต้องการ ข้าสามารถขายเหล้าอีกชนิดหนึ่งให้เจ้าแทนได้” เหล้าอีกชนิดนั้นกลั่นเอาไว้สำหรับงานแต่งงานเช่นกัน แต่ทว่ารสชาติของมันนั้นไม่ดีเท่ากับชนิดนี้ นางจึงอยากจะกำจัดให้มันหมดไป
หญิงสาวต้องการเหล้าที่ดีที่สุดในงานแต่งงานของตนเอง โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงทุกคนต่างอยากมีงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าหนิงเมิ่งเหยาเองก็เช่นกัน เมื่อนางตัดสินใจว่าจะแต่งงานแล้วนั้น นางก็ขอความช่วยเหลือจากคนสองสามคนให้มาช่วยกลั่นเหล้าให้
“ตกลง แต่กาสุราเพียงร้อยใบนั้นไม่พอนะ ข้าต้องการมากกว่านั้นอีก”
“สามร้อยใบแล้วกัน”
“ได้เลย” เซียวฉีเทียนพึงพอใจ และเอ่ยต่อ “พี่สะใภ้ แล้วเหล้านั่นจะเทียบอะไรกับเหล้าชนิดนี้ได้เล่า”
“มันอาจจะมีรสชาติที่ดีไม่เท่า แต่เหล้าชนิดนั้นก็เข้มข้นกว่าเหล้าไผ่เขียวนัก” หนิงเมิ่งเหยาตอบอย่างซื่อตรง
เซียวฉีเทียนครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจสั่งซื้อเหล้ามาอย่างละ 152 ตำลึง เมื่อเขากลับไปแล้ว จะต้องทำเงินให้ได้มากกว่าที่ตนเองลงทุนจ่ายไปตอนนี้อย่างแน่นอน
ทุกคนมองดูเหล้าที่เพิ่งได้รับมา และรับฟังทั้งสองพูดคุยกัน ก็ต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่สะใภ้คนนี้ช่างมีความสามารถด้านการค้าและธุรกิจเป็นเลิศ!
และเจ้านายของพวกเขาก็ช่างโชคดีนักที่ได้หญิงสาวผู้มีฐานะดีมาเป็นภรรยา
“เหยาเหยา เจ้าคือคนสำคัญของข้าจริงๆ ” เฉียวเทียนช่างอดพึมพำกับตนเองไม่ได้
เขารู้อยู่แล้วว่าภรรยาของตนเองนั้นมีความสามารถด้านการกลั่นเหล้า แต่เมื่อได้ยินว่านางกลั่นเหล้าแบบพิเศษมาเพื่องานแต่งงานของพวกเขาโดยเฉพาะ ก็ทำให้ชายหนุ่มมีความคิดว่า ‘ข้าควรเตรียมบางอย่างด้วยดีหรือไม่นะ’ เมื่อคิดเช่นนั้น เฉียวเทียนช่างก็เริ่มวางแผน เพราะเขายังพอมีเวลาเหลืออีกกว่าสองเดือนก่อนจะถึงวันแต่งงาน
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะอย่างพึงพอใจกับความคิดของตนเอง
เซียวฉีเทียนและคนอื่นๆ ต่างมองดูชายหนุ่ม “เทียนช่าง เจ้าวางแผนชั่วร้ายอยู่รึ”
“แล้วเจ้ามายุ่งอะไรด้วยเล่า”
“เอาเถอะ ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก ข้าจะดื่มเหล้าต่อ ตกลงไหม” เมื่อเซียวฉีเทียนไม่อาจนำเหล้านี้ออกไปขายได้แล้ว เขาจึงดื่มมันให้มากขึ้น
เซียวฉีเทียนดื่มเหล้าของตนเองอย่างเงียบๆ ส่วนหลินจือโยวกลับมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยแววตาเป็นประกายก่อนเอ่ยถาม “พี่สะใภ้พอจะขายให้ข้าสักสองกาได้หรือไม่”
“ไม่ได้หรอก เหล้านี้ไม่ได้มีไว้ขายน่ะ” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะอย่างหนักแน่นอีกครั้ง หญิงสาวนำมันออกมาสำหรับการดื่มกินเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนอื่นๆ จะเก็บเอาไว้สำหรับงานมงคลสมรส จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะขายมันก่อนวันแต่งงานของตนเอง หากนางอยากจะขายมันจริงๆ ก็จะต้องรอจนกว่างานแต่งจะสิ้นสุดลงก่อนเท่านั้น
บทที่ 178 ต่อยตี
หลินจือโยวมองดูหนิงเมิ่งเหยาอย่างโศกเศร้าเสียใจ ราวกับว่านางพูดจาหยาบคายกับเขา
“หลินจือโยว เจ้าไม่อยากเก็บลูกตาเอาไว้แล้วใช่ไหม” เฉียวเทียนช่างเอ่ยเตือนขณะมองดูใบหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย
หลินจือโยวผงะ “นายท่าน ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะขอรับ” เขาเพียงมองพี่สะใภ้อย่างหมดหวังก็เท่านั้น มิได้ทำอย่างอื่นเลยสักนิด
“แล้วเจ้าพยายามจะทำอะไรเล่า” เฉียวเทียนช่างโกรธเคือง ‘หมายความว่าอะไรกันที่บอกว่ามิได้ทำอะไร เขาคิดจะทำอะไรอย่างอื่นเช่นนั้นหรือ’
เซียวฉีเทียนยิ้ม “เขาคิดจะมาปล้นภรรยาเจ้าน่ะ เทียนช่าง”
“ข้าจะคอยดูว่าเขาจะกล้าพอหรือไม่” เฉียวเทียนช่างเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
หลินจือโยวมองเซียวฉีเทียน ‘เขากล้าดีมาสร้างปัญหาให้กับข้าได้เช่นไรกัน! เขาพูดเช่นนั้นกับนายท่านได้เช่นไร อยากหาเรื่องกันรึอย่างไร’
“ข้าไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นเลยนะขอรับ จริงๆ ข้าเพียงแค่อยากจะขอซื้อเหล้าเท่านั้นเอง” หลินจือโยวกังวลว่าเฉียวเทียนช่างจะไม่เชื่อคำพูดตนเอง จึงอธิบายอีกครั้งพลางผงกศีรษะ เพื่อยืนยันว่าตนเองพูดเรื่องจริง
เฉียวเทียนช่างมองหลินจือโยว “เจ้าไม่กล้าหรอก แม้ว่าข้าจะยกให้เจ้าก็ตาม”
และแล้วเฉียวเทียนช่างก็หันหลังจากไป ทำให้หลินจือโยวโล่งอก จากนั้นเขาหันไปหาเซียวฉีเทียนที่หลบอยู่ข้างๆ
“เซียวฉีเทียน เจ้าชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปทั่วสินะ หา” หลินจือโยวโกรธเคือง
“ข้าน่ะหรือ ข้าว่าจนถึงตอนนี้ข้ายังมิได้พูดอะไรเลยนะ” เซียวฉีเทียนแสร้งปั้นหน้าว่าไม่รู้เรื่องอะไร
หลินจือโยวยิ้มให้ โดยเพิกเฉยต่อใบหน้านั้นของอีกฝ่าย
“อ้อ จริงหรือนี่” หลินจือโยวยืนขึ้นและเดินไปหาเซียวฉีเทียน สีหน้าของเขาทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดเบาๆ
ขณะนั้น เซียวฉีเทียนก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง “เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
“ข้าจะทำอะไรน่ะหรือ แน่นอนว่าข้ากำลังจะมาต่อยเจ้าอย่างไรเล่า” หลินจือโยวพุ่งเข้าใส่เซียวฉีเทียน พร้อมกับหักข้อนิ้วของตนเอง
เซียวฉีเทียนมองหาเฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ แต่พวกเขาไม่เห็น ส่วนเหลยอันและบางคนนั้นเห็นแล้ว แต่กลับไม่สนใจ
พวกเขาเพียงแค่นั่งดูการเหตุการณ์ราวกับรับชมการแสดงอยู่ก็เท่านั้น
“จือโยว คุยกันก่อนสิ การทะเลาะเบาะแว้งกันจะทำร้ายความสัมพันธ์ของเรานะ จริงไหม” เซียวฉีเทียนยิ้มพลางพูดกับหลินจือโยว
แต่หลินจือโยวยังคงขบฟันกรอดโดยไม่เปลี่ยนท่าทีแต่อย่างใด และยังคงมองเซียวฉีเทียนอย่างสุขุม ก่อนจะเอ่ยถาม “ใครเขาอยากมีสัมพันธไมตรีกับเจ้ากันเล่า” เมื่อพูดจบ เขาก็เหวี่ยงหมัดใส่อีกฝ่ายไปหนึ่งหมัด
เซียวฉีเทียนมิใช่คนอ่อนแอ เขาหมุนตัวและก้มหลบ จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มต่อสู้กันอย่างจริงจัง ในขณะที่คนอื่นๆ นั้นต่างกินอาหารกันอย่างเพลิดเพลิน พลางพูดคุยเกี่ยวกับท่วงท่าการต่อสู้ของพวกเขา ท่าทีอันผ่อนคลายของพวกเขาทำให้เซียวฉีเทียนรู้สึกโกรธเคืองมาก ‘เจ้าพวกซื่อบื้อ ทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน’
“โอ๊ย!” เซียวฉีเทียนไขว้เขว ทำให้โดนชกไปหนึ่งหมัดเต็มๆ
ชายหนุ่มจับใบหน้าของตน และเริ่มขุ่นเคือง “หลินจือโยว เจ้าจะเอาจริงใช่ไหมเนี่ย”
หลินจือโยวดึงแขนกลับช้าๆ ก่อนมองแก้มช้ำๆ ของอีกฝ่าย “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าล้อเล่นกับเจ้านี่”
‘ในเมื่อเจ้ากล้าสร้างปัญหาให้ข้าต่อหน้านายท่าน ก็ควรเจียมตัวเอาไว้’
‘เขาคิดว่าจะรังแกข้าได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ’
หนิงเมิ่งเหยามองดูพวกเขาที่กำลังคึกคะนองกันอยู่อย่างเงียบๆ หญิงสาวสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองคนนั้นสนิทสนมกันมาก มิเช่นนั้น องค์ชายผู้สูงศักดิ์จะมาต่อสู้กันอย่างสนุกสนานเช่นนี้ได้อย่างไรกัน และหลังจากที่โดนต่อยไปแล้ว เขากลับเอ่ยด้วยความขุ่นเคืองเพียงไม่กี่คำ หนำซ้ำเขายังมิได้โกรธจริงอีกด้วย
หนิงเมิ่งเหยาจิบชาและยิ้มออกมา “พวกเจ้าช่างมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากเลยนะ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยแววตาไม่ชอบขี้หน้า “เชอะ ใครอยากไปญาติดีกับเขากัน”
ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะอึ้งไป จากนั้นพวกเขาก็หันหน้าหนีอีกฝ่าย “อย่าเลียนแบบข้าสิ”
หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาพลางผงกศีรษะ “เห็นไหมเล่า พวกเจ้าจะไม่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันได้เช่นไร แม้แต่คำพูด พวกเจ้าทั้งสองยังเอ่ยเหมือนกันและพร้อมกันอีกด้วย จะมีใครเหมือนพวกเจ้าได้อีกเล่า”
“นั่นสิ ที่ปรึกษากองทัพ เจ้ากับองค์ชายสองนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันจริงๆ นะ” เหลยอันและคนอื่นๆ ร่วมลงความเห็นด้วย
ชายหนุ่มทั้งสองคนตะลึงงัน ก่อนจะหันมองเหลยอันและคนอื่นๆ เพื่อตักเตือนอย่างดุดัน “พวกเจ้าเป็นคนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นรึ”
“เปล่าสักหน่อย” เหลยอันและคนอื่นๆ ส่ายศีรษะ
พวกเขาไม่อาจจาบจ้วงชายทั้งสองคนนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงควรอยู่เงียบๆ เสียจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะโดนทำร้ายด้วยอีกคน!