ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 197 สมองยังดีอยู่ + บทที่ 198 ไม่อาจมีปัญหาได้
บทที่ 197 สมองยังดีอยู่
ในขณะที่หยางชุ่ยต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นั้น พวกเขากลับแต่งงานกันอย่างมีความสุข
ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ไม่สามารถพิชิตใจสามีของตนเองได้เลย เขามักจะปฏิเสธนางเสมอ แต่ทำไมพวกเขาทั้งสองคนจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเช่นนี้เล่า
นางอดไม่ได้ที่จะเข้าไปทำลายความสุขของพวกเขา
ความรู้สึกขุ่นเคืองของนางสังเกตเห็นได้ชัดเจนหลังจากพบเจอกับพวกเขา
นางเดินไปขวางทางทั้งคู่ เฉียวเทียนช่างและภรรยาของเขาต่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นนางยืนขวางทาง ‘ทำไมทุกครั้งที่ออกจากบ้าน พวกเขามักจะพบเจอผู้คนที่ไม่ชอบหน้าเสมอเลยนะ’
“เฉียวเทียนช่าง ทำไมเจ้าถึงแต่งงานกับหญิงสาวผู้นี้เล่า หน้าตาหรือตำแหน่งของข้าเทียบนางไม่ได้ตรงไหนกัน!” ดูเหมือนว่าคู่รักที่มีความสุขคู่นี้จะทำให้หยางชุ่ยหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง จนนางถึงกับพูดตำหนิพวกเขาในที่สาธารณะ โดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี สาวใช้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หลังจากได้ยินหยางชุ่ยพูดออกไปเช่นนั้น
“เราควร…เราควรกลับกันแล้วนะเจ้าคะ” สาวใช้ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และการกระทำของหยางชุ่ยนั้นก็น่าอับอายยิ่งนัก
‘เห็นได้ชัดว่าคู่รักแสนสุขนี้เพิ่งแต่งงานกันมาหมาดๆ ส่วนหยางชุ่ยนั้นเป็นอนุภรรยาของผู้อื่นมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่านางจะมองมุมใด หยางชุ่ยก็ไม่ควรไปยืนขวางทางและต่อว่าผู้อื่นกลางถนนเช่นนี้ หากนายน้อยรู้เรื่องนี้เข้าละก็…’
เมื่อสาวใช้นึกถึงหลี่เวยก็หน้าซีดเผือดทันที นางไม่อาจเก็บอาการของตนเองได้เลย
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วขณะจ้องมองหยางชุ่ยด้วยแววตาไม่พอใจ
หากผู้อื่นที่ไม่รู้เรื่องราวได้ยินเข้า คงจะตีความกันว่านางแย่งผู้ชายมาจากหยางชุ่ยเป็นแน่!
“หยางชุ่ย เจ้าลืมกินโอสถก่อนออกมาข้างนอกหรืออย่างไรกัน”
“หนิงเมิ่งเหยา นังจิ้งจอกไร้ราคา! เจ้าขโมยชายที่ข้ารักไป!” หยางชุ่ยตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่านางรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
หลี่เวยกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากออกมาพบปะกับสหาย อย่างไรก็ตาม ใครจะคาดคิดว่าระหว่างทางกลับบ้าน เขาจะบังเอิญพบกับหยางชุ่ย ซึ่งกำลังตะโกนพูดในสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้อยู่
หลี่เวยยืนแฝงตัวอยู่กับฝูงชนตรงข้างทาง เนื่องจากอยากดูว่านางผู้หน้าไม่อายคนนี้จะพูดอะไรอีก
สาวใช้ข้างๆ หยางชุ่ยอยากจะบอกให้นางหยุด แต่เมื่อนางสบตากับแววตาอันเยือกเย็นของหลี่เวยที่จ้องมองมานั้น ก็รู้สึกหวาดกลัวจนก้มหน้าก้มตาและปิดปากสนิท ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“เจ้ามาเอาชายของเจ้าคืนได้เสมอนะ แต่สามีของเจ้าจะว่าอะไรบ้างเล่า หรือว่าเจ้าอยากให้เขาสวมหมวกสีเขียว กัน” หนิงเมิ่งเหยาสังเกตเห็นหลี่เวยยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน จึงเอ่ยออกมาเช่นนั้น
“นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ต่อให้เจ้าพูดอะไร เขาก็ไม่เชื่อคำของเจ้าหรอก” หยางชุ่ยดูมั่นใจอย่างมาก
ผู้คนเริ่มเข้าใจสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่านางจะชอบสามีของหญิงสาวอีกคน แต่ทว่าชายผู้นั้นกลับไม่ได้ชอบนางตอบ ดังนั้นนางจึงแต่งงานกับผู้อื่นในฐานะอนุภรรยา แต่หลังจากคู่รักคู่นี้แต่งงานกัน นางก็ไม่อาจทนเห็นได้ จึงเข้ามาทำให้ทั้งสองรู้สึกอับอาย
“เหยาเหยา พูดกับนางไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า สติปัญญาของนางไม่อาจเข้าใจความหมายของเจ้าหรอก” เฉียวเทียนช่างมองหยางชุ่ยด้วยแววตารังเกียจ ก่อนจะรู้สึกอึดอัดใจ จนไม่อาจทนมองได้อีก
หนิงเมิ่งเหยาหันมองเฉียวเทียนช่าง “นางเป็นเพื่อนบ้านของเรา ดังนั้นเราจึงมิอาจเมินเฉยต่อนางได้”
เมื่อหยางชุ่ยได้ยินพวกเขาคุยกันราวกับว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบข้าง สีหน้าของหยางชุ่ยก็ถมึงทึง จากนั้นร่างกายของนางก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“เราควร…เราควรกลับกันได้แล้วนะเจ้าคะ” หัวใจของสาวใช้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นใบหน้าของหลี่เวยเริ่มดุดันขึ้น
หยางชุ่ยผลักสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างล้มลงกับพื้น “เจ้าก็ไปเองสิ”
ดวงตาของสาวใช้เต็มไปด้วยความเสียใจที่ถูกผลักกระเด็น จนทำให้ฝ่ามือของนางถลอกไปหมด
หยางชุ่ยมองเฉียวเทียนช่าง โดยไม่สนใจว่าผู้คนรอบข้างจะซุบซิบนินทาและชี้มาทางนาง “เฉียวเทียนช่าง ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่ทำกับข้าเช่นนี้ ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมแต่งงานกับข้า”
ชายหนุ่มมองหยางชุ่ยอย่างเหยียดหยาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “สมองของข้ายังดีอยู่นะ”
รอยยิ้มปรากฎขึ้นในแววตาของหนิงเมิ่งเหยา ‘เขาไม่กลัวจะทำร้ายความรู้สึกของนางเลย’
“เหยาเอ๋อร์ของข้า กลับบ้านเรากันเถิด” เฉียวเทียนช่างมองหญิงสาว ‘เดิมทีเขาอยากจะพานางเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย แต่ใครจะคิดว่าต้องมาเจอกับสถานการณ์บ้าบอเช่นนี้เล่า เขาไม่อาจทนไหวอีกต่อไปแล้ว’
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะด้วยรอยยิ้ม พลางเดินตามเฉียวเทียนช่างออกไป
ชายหญิงทั้งสองไม่สนใจความบ้าคลั่งของหยางชุ่ย แต่นางกลับไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาจากไป หลังจากที่พวกเขาย่างเท้าออกไปเพียงไม่กี่ก้าว นางก็เข้าไปขวางทางทั้งคู่อีกครั้ง “เฉียวเทียนช่าง หากเจ้ากำจัดหญิงสาวผู้นี้ไปได้ ข้าจะยอมให้อภัยเจ้า”
เฉียวเทียนช่างเมินเฉยต่อหยางชุ่ย “เหยาเอ๋อร์ กลับบ้านกัน อย่าโต้เถียงอยู่กับคนสติไม่ดีผู้นี้เลย”
‘คะ คนสติไม่ดีรึ’ เขาเพิ่งเรียกนางว่าคนสติไม่ดีเช่นนั้นหรือ!?
บทที่ 198 ไม่อาจมีปัญหาได้
สีหน้าของหลี่เวยดูน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นว่าหยางชุ่ยตั้งใจเหวี่ยงตัวเองเข้าหาเฉียวเทียนช่างอย่างหมดสภาพ
ในขณะที่มองดูนาง เขาก็รู้สึกราวกับถูกใครสักคนตบหน้าเข้าอย่างจัง
เขาหัวเราะเยาะ ดวงตาของเขาค่อยๆ เยือกเย็นขึ้น ก่อนจะหันจากไป เนื่องจากไม่อยากโดนหยางชุ่ยหยามศักดิ์ศรีมากไปกว่านี้ พร้อมกับมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะไม่มีวันลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแน่
นางกล้าสวมหมวกเขียวให้เขา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายเลย
ระยะเวลาที่ผ่านมา หยางชุ่ยพยายามเอาใจเขาทุกวิถีทาง เพื่อทำให้เขากลับมาชื่นชอบอีกครั้ง และจะได้หาเรื่องเฉียวเทียนช่างกับนางผู้นั้นเองหรือนี่
แววตาของเขาหม่นหมอง ‘ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาเดือดร้อนแทนต่างหาก’
หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างเห็นว่าหลี่เวยเดินออกไปแล้ว จากนั้นหญิงสาวจึงมองหยางชุ่ยที่เพิ่งล้มไปกองกับพื้นหลังจากถูกเฉียวเทียนช่างเตะเข้าใส่ ก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย นางเดินไปนั่งข้างๆ อีกฝ่าย ก่อนจะกระซิบว่า “เมื่อครู่นี้ หลี่เวยอยู่ที่นี่ด้วยนะ ข้าอยากจะรู้นักว่าเมื่อเจ้ากลับไปแล้ว จะต้องรับบทลงโทษอะไรบ้าง ในเมื่อเจ้าแต่งงานแล้ว ก็ควรจะหยุดคิดถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของตนได้แล้วสิ”
ดวงตาของหยางชุ่ยดูลนลานและรีบหันไปมองรอบๆ ก่อนจะเห็นแววตาขลาดกลัวจากข้ารับใช้ ราวกับว่านางเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น
“เจ้า…เจ้าต้องกำลังพล่ามเรื่องไร้สาระอยู่แน่ๆ “
“ฮ่าๆ เดี๋ยวเจ้าก็รู้ตอนที่เจ้ากลับไปว่าข้าพูดจาไร้สาระหรือไม่ หากเจ้ามีเวลาหาเรื่องพวกเราถึงที่นี่ ก็จงคิดหาคำอธิบายสำหรับการกระทำครั้งนี้ด้วยก็แล้วกัน ท่าทางของหลี่เวยดูเหมือนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ” นางลุกขึ้นยืนและเดินไปอยู่ข้างๆ เฉียวเทียนช่าง จากนั้นก็จับมือชายหนุ่ม “เทียนช่าง ไปกันเถิด”
“อืม” ทั้งคู่ค่อยๆ เดินลับหายไปกับฝูงชน ผู้คนทั้งหลายต่างมองพวกเขาจากไป พลางคิดว่าหนุ่มสาวทั้งสองคนช่างเข้ากันดีจริงๆ
หยางชุ่ยมองดูพวกเขาจากไปด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะหันไปมองข้ารับใช้ของตน “นายน้อยอยู่ที่นี่หรือ”
“เขาอยู่…เขาเคยอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้รีบผงกศีรษะอย่างรวดเร็ว
หยางชุ่ยแทบจะเป็นลมหลังจากฟังคำตอบ ‘เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างหรือนี่’ จากนั้นนางจึงถลึงตามองข้ารับใช้ “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าเล่า นังชั่ว” นางยกมือขึ้นตบหน้าข้ารับใช้ไปสองสามที จนใบหน้าของอีกฝ่ายบวมแดง
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าฝูงชน ทำให้หยางชุ่ยอับอายจนต้องเดินออกจากที่นั่นไป บรรดาข้ารับใช้ต่างไม่กล้าอยู่ต่อและเดินตามหลังไปเช่นกัน
นางกลับมาถึงด้วยความกังกล ในขณะนั้น หลี่เวยกำลังทานอาหารอยู่กับจงเยว่ด้วยท่าทีสนิทสนม ทำให้หยางชุ่ยคิดถึงหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง จนดวงตาของนางเผยความเกลียดชังออกมา
“นายท่าน…”
หลี่เวยเมินเฉยต่อท่าทีสำนึกผิดของหยางชุ่ย ก่อนจะหันมองภรรยาของตน “เยว่เอ๋อร์ เจ้ากินอีกสิ ช่วงนี้น้ำหนักของเจ้าลดลงแล้วนะ”
จงเยว่จับใบหน้าของตนเองอย่างงุนงงเล็กน้อย “น้ำหนักข้ามิได้ลดลงเลยนะ ข้ายังดูเหมือนเดิมอยู่เลย””
“ข้าคิดว่าเจ้าผอมลงน่ะ” หลี่เวยใช้ตะเกียบคีบอาหารจานโปรดให้กับจงเยว่
หยางชุ่ยคุกเข่ากับพื้นจนกระทั่งทั้งคู่ทานอาหารเสร็จ จากนั้นหลี่เวยจึงปรายตามองนาง “ลุกขึ้น”
“นายท่าน ข้า…”
หลี่เวยยิ้มหยันและพูดตัดบทนาง ก่อนจะหันไปหาแม่นมข้างๆ “พานายหญิงไปพักผ่อนด้านในก่อน”
“เจ้าค่ะ นายน้อย”
หลี่เวยรอจนแม่นมพาจงเยว่เข้าไปข้างในเรียบร้อย จากนั้นใบหน้าใจดีก็กลับกลายเป็นน่ากลัวในทันที ท่าทีของเขาดูโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
“นายท่าน…” หยางชุ่ยหวาดผวากับท่าทางของหลี่เวย
เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยันก่อนจะเดินไปตรงหน้า และตบนางสองที “นังผู้หญิงมักมาก ข้าทำให้เจ้าไม่พึงพอใจเช่นนั้นหรือ เจ้าถึงต้องไปอ่อยชายอื่นเช่นนี้!”
“นายท่าน ข้ามิได้ทำเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ” หยางชุ่ยร่ำไห้พลางปิดหน้าและพูดอ้อนวอน
หลี่เวยหัวเราะเยาะอีกครั้ง ก่อนจะมองหยางชุ่ยด้วยแววตาเหยียดหยาม “เจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นหรือ ข้าดูเป็นคนโง่หรืออย่างไรกัน” แม้ว่าเขาจะเห็นมากับตา แต่นางก็ยังคิดจะโกหกเขาอยู่
เขามั่นใจว่าหยางชุ่ยรู้แล้วว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย มิเช่นนั้นนางคงจะไม่มาหาเขาทันที หลังจากที่กลับถึงบ้านเป็นแน่