ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 303 เผชิญหน้ากับศัตรู + บทที่ 304 ความโกรธ
บทที่ 303 เผชิญหน้ากับศัตรู
สายตาของทุกคน ผละจากเฉียวเทียนช่างมามองหนานอวี่ ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเขาคือ….
“สายตา” เมื่อปะทะเข้ากับสายตาของคนมากมาย หนานอวี่ทำเพียงเอ่ยออกมาสองคำ
ความบริสุทธิ์ภายในดวงตาที่เขามักเห็นจากเด็กเล็กๆ นั้น เขาสามารถมองเห็นมันได้จากสายตาของหนิงเมิ่งเหยาเช่นกัน หากนางเป็นคนอื่น เขาคงนึกอยากจะทำลายสายตาอันงดงามนั่นให้แหลกเป็นชิ้นไปแล้ว
แต่นางเป็นภรรยาของนายท่าน เขารู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องดี ชีวิตนายท่านคงไปได้ดีหากมีนางอยู่เคียงข้าง
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาต่างเผลอนึกถึงสายตาของหนิงเมิ่งเหยาขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยในทันที
พวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของหนานอวี่โดยพร้อมเพรียงกัน
“เอาล่ะ หนานอวี่ หน้าที่หลักของเจ้าคือการปกป้องพี่สะใภ้ ห้ามปล่อยให้หนานกงเช่อเข้าใกล้พี่สะใภ้เจ้าได้เด็ดขาด”
“ขอนายท่านโปรดวางใจ” เฉียวเทียนช่างบอกเขาตอนกลับมาว่ามีคนจากหนานเจียงอยู่กับหนานกงเช่อด้วย
เมื่อนึกถึงคนจากหนานเจียงขึ้นมา สายตาของหนานอวี่ก็เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ร่างของเขาถูกจิตสังหารอันเยียบเย็นนั้นกลืนกินอย่างรวดเร็ว แม้แต่ราชากู่ในร่างเองก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ เขายังไม่เคยลืมเลือนความแค้นที่มีต่อหนานเจียง และกำลังรอคอยวันที่จะได้แก้แค้นอยู่
หลายสิบชีวิตในตระกูลที่เขาเสียไปจะต้องไม่ตายเปล่า สิ่งใดที่ควรเป็นของเขา เขาจะกลับไปเอาคืนมาให้หมด
เฉียวเทียนช่างพลันขมวดคิ้ว เขาบีบไหล่หนานอวี่เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันรุนแรงที่พวยพุ่งออกมาจากร่างนั้น “ใจเย็นๆ ในไม่ช้าเจ้าจะได้ชำระแค้นแน่ ตอนนี้เจ้าต้องควบคุมตนเองไว้ก่อน หรือว่าเจ้าอยากให้ราชากู่ต่อต้านเจ้าขึ้นมาอีก” แม้ว่าหนานอวี่จะสามารถควบคุมราชากู่ได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าบางครั้งเขาก็ยังได้รับการต่อต้านจากราชากู่อยู่ เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกปวดใจเสมอเมื่อเห็นเขาได้รับผลกระทบจากการต่อต้านนั้น
หนานอวี่ข่มความเกลียดชังในหัวใจของตน ก่อนจะแย้มรอยยิ้มแข็งทื่อออกมา
“นายท่าน อย่าห่วงเลยขอรับ ข้าสบายดี”
เฉียวเทียนช่างมองหนานอวี่ แต่ยังคงรู้สึกกังวลใจ เขาตบบ่าอีกครั้ง “รอมานานตั้งหลายปีแล้ว รออีกสักปีสองปีคงไม่เสียหายอะไร”
พวกเขาวางแผนกันไว้หลายเรื่องนัก ถ้าแผนการจะต้องล่มไปเพราะหนานอวี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมา สุดท้ายพวกเขาคงต้องยอมเสี่ยงแลกทุกสิ่งที่ตนทำมาแทน เมื่อถึงตอนนั้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคงไม่อาจทดแทนในสิ่งที่เสียไปได้อย่างแน่นอน
หนานอวี่ก้มหน้า แล้วจึงพยักหน้าหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “เข้าใจแล้วขอรับนายท่าน”
ใช่แล้ว เขาเฝ้ารอมาหลายต่อหลายปี สิบปี สิบปีเต็มๆ
ทุกครั้งที่เขาหลับตา พ่อกับแม่จะปรากฏตัวขึ้นในความฝัน และบอกกับเขาว่าพวกตนยังไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา พวกเขาต้องการให้เขาแก้แค้น
ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาปรารถนาจะกลับไปยังหนานเจียงและฆ่าคนพวกนั้นเสีย แม้การฝังพวกมันลงหลุมไปพร้อมกับตระกูลของเขานั้นจะทำให้เขาต้องตายไปพร้อมกับพวกมันก็ตาม
แต่ก่อนที่เรื่องจะกลายเป็นเช่นนั้นขึ้นมา นายท่านและคนอื่นๆ จะรีบหยุดและคุมตัวเขาเอาไว้ก่อน
เขารู้ดีว่าตนไม่มีกำลังมากพอที่จะตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับหนานเจียง ดังนั้นจึงทำได้เพียงรวบรวมกำลังของตนอย่างลั ๆ เขาควรดีใจที่น้องชายของตนกลับมาจากหนานเจียงเสียที
“หนานอวี่ อย่าคิดมากไปเลย นายท่านจะต้องช่วยเจ้าแน่” เหลยอันเห็นว่าหนานอวี่มีท่าทางไม่สู้ดี เขาจึงตบบ่าเพื่อปลอบใจ
พวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยกัน เขาไม่ได้อยากให้หนานอวี่ต้องถูกความแค้นบดบังตาเช่นนี้
หนานอวี่พยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวอะไร ทำเพียงมองตรงไปข้างหน้าและเม้มริมฝีปากแน่น ท่าทางเช่นนั้นของเขาทำให้เฉียวเทียนช่างและคนรอบข้างส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
หากเขาได้แก้แค้น อาการของเขาคงจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย
จู่ๆ หนานอวี่ที่เงียบไปก็โพล่งขึ้นว่า “นายท่าน ข้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย” เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นกังวล และหมุนตัวเดินจากไป
ความรู้สึกนี้ต้องไม่ผิดแน่
ราชากู่ในร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างอยู่ไม่สุข นั่นหมายความว่ามีคนจากหนานเจียงอยู่สักแห่งที่นี่
เขาตามสัญชาตญาณของราชากู่ไปยังจุดหมายนั้น แล้วหนานอวี่ก็พบหนิงเมิ่งเหยากำลังถูกบัณฑิตผู้หนึ่งขวางทางอยู่ไกลๆ บัณฑิตผู้นั้นคือคนที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะเป็นคนที่นายท่านกับคนอื่นๆ พูดถึง เขาเป็นคนจากหนานเจียง
หนานอวี่ข่มความเกลียดชังในหัวใจและเดินตรงเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาด้วยสีหน้าเย็นชา “พี่สะใภ้ขอรับ นายท่านส่งข้ามาดูแลท่านขอรับ”
ตอนแรกหนิงเมิ่งเหยาตั้งใจจะกลับจวน แต่นางไม่เพียงแค่ถูกคนผู้นี้ขวางทาง แต่เขายังกล่าวสิ่งที่ฟังไม่รู้ความกับนางอีกด้วย ยิ่งตอนที่เขาเข้ามาใกล้นาง หนิงเมิ่งเหยาสัมผัสได้ว่าร่างของตนแข็งเกร็งขึ้นทีละนิด
ปลายจมูกของหนานอวี่ขยับเล็กน้อย มุมปากของเขาผุดรอยยิ้มแปลกๆ ขึ้นมา คนผู้นั้นถึงกับใช้กลิ่นหอมสะกดการเคลื่อนไหวจากหนานเจียงกับพี่สะใภ้เลยหรือ
“แม่นางหนิง ข้าหวังว่าท่านจะเอาคำของข้าไปทบทวนดู เรื่องนี้มีแต่จะเป็นประโยชน์กับท่านทั้งนั้น” บัณฑิตผู้นั้นเหลือบมองหนานอวี่ก่อนหันไปพูดกับหนิงเมิ่งเหยา
บทที่ 304 ความโกรธ
ก่อนที่บัณฑิตผู้นั้นจะจากไป หนานอวี่พลันวางมือของเขาลงบนไหล่ของหนิงเมิ่งเหยา เขาจับหนอนตัวเล็กจนแทบมองไม่เห็นตัวหนึ่งได้บนไหล่ของนาง
“เอาของเล็กๆ ที่ไม่มีวันไต่สู่ที่สูงนี่กลับไปด้วย เจ้าจะได้ไม่ทำให้ตัวเองขายขี้หน้านัก” เขาว่าพลางโยนหนอนให้บัณฑิตผู้นั้น
สีหน้าของบัณฑิตเปลี่ยนไป เขายื่นมือออกไปจับหนอนที่ลอยมาทางตน เมื่อแบมือออกก็พบว่าเจ้าหนอนตัวนั้นไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
สีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวในทันที คนผู้นี้… สายตาของบัณฑิตมองที่หนานอวี่ ชายผู้มีสีหน้าอันเย็นชาผู้นี้ที่จริง แล้วเป็นยอดฝีมือด้านนี้หรือ หรือเขาจะเป็นคนจากหนานเจียง
แม้จะมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัว แต่เขาก็สะบัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าหากมีคนจากหนานเจียงอยู่จริง เช่นนั้นแล้วเขาก็ควรจะต้องรู้ตัว
ในตอนแรกหนิงเมิ่งเหยารู้สึกตกใจกับการที่จู่ๆ หนานอวี่ก็ปรากฏตัวขึ้น แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าเหตุผลที่เขามาอยู่ตรงนี้นั้นคืออะไร นางเข้าใจได้ในทันทีว่าบัณฑิตผู้นั้นคงจะแอบเอาบางอย่างใส่ตัวนาง
สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาราวกับน้ำแข็งในพริบตา
“ดูเหมือนว่าเมืองหลิงคงอยากเป็นศัตรูกับข้า หากเป็นเช่นนั้นข้าจะเล่นด้วยก็ได้ หนานอวี่ กลับกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยามองบัณฑิตที่หน้าถอดสีอยู่ตรงนั้น แล้วนางก็หันหลังกลับ
บัณฑิตมองร่างที่เดินลับตาไปของหนิงเมิ่งเหยา หนานอวี่เพียงยืนอยู่และจ้องมองบัณฑิตผู้นั้น ด้วยสีหน้าอันเย็นยะเยือก ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาปรารถนาจะฆ่าบัณฑิตผู้นั้นมากเพียงใด
ชายผู้นี้คือคนที่ฆ่าล้างตระกูลเขาในตอนนั้น
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกเขาอาจจะเปลี่ยนไป แต่มันก็ไม่สลักสำคัญเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ราชากู่ที่หลับใหลอยู่ภายในร่างตื่นขึ้นเพราะอารมณ์อันพลุ่งพล่านของเขา
บัณฑิตผู้นั้นสัมผัสได้ว่าร่างของตนกระตุกเกร็งอย่างฉับพลัน เขามีท่าทีระแวดระวังขณะมองชายอีกคนที่กำลังจ้องเขม็งมาทางเขาด้วยสายตาเย็นชา
ข้างหน้านั้น หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหนานอวี่ไม่ได้ตามนางมา แต่นางสัมผัสถึงบรรยากาศที่ค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นจากข้างหลังได้
นางหันหลังและเดินกลับไปยืนข้างเขา เมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารอันรุนแรงจากบรรยากาศรอบกายหนานอวี่ได้ นางก็นิ่วหน้าก่อนวางมือของตนลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างเงียบเชียบ
สัมผัสเย็นๆ แล่นสู่สมองของเขาราวกับประกายไฟ ก่อนดวงตาแดงก่ำนั้นจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
หนิงเมิ่งเหยาเอามือออกหลังจากสัมผัสได้ว่าจิตสังหารในร่างของหนานอวี่คลายลงแล้ว “กลับกันเถอะ เมืองหลิงยังติดค้างคำอธิบายกับข้าอยู่”
“ขอรับ พี่สะใภ้” หนานอวี่มองหนิงเมิ่งเหยา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่านางช่างเป็นคนที่ลึกลับนัก ลึกลับเสียยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้เสียอีก
บัณฑิตผู้นั้นมีสีหน้าบึ้งตึงหลังจากเห็นหนิงเมิ่งเหยาและหนานอวี่กลับไป เมื่อสักครู่ หากหนิงเมิ่งเหยามิได้หันกลับมา เกรงว่าเขาคงจะโดนชายผู้นั้นฆ่าไปแล้ว
“อั่ก” บัณฑิตผู้นั้นกระอักเลือดออกจากปาก
เขายื่นมือเช็ดเลือดที่มุมปากของตน สีหน้าของเขาค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในสองคนนั้นต้องเป็นยอดฝีมือแน่จึงสามารถต้อนเขาให้จนมุมได้ถึงเพียงนี้
หนิงเมิ่งเหยาพาหนานอวี่กลับมา ก่อนที่พวกเขาจะถึงจวนแม่ทัพ จู่ๆ หนานอวี่ก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่สะใภ้ขอรับ ท่านช่วยอย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้นายท่านกับคนอื่นๆ ฟังได้ไหม”
“เจ้ามีความแค้นกับคนผู้นั้นหรือ”
“ขอรับ เขาเป็นผู้สังหารตระกูลของข้า” บัณฑิตผู้นั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฮ่องเต้แห่งหนานเจียงองค์ปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นเขายังมีบทบาทที่สำคัญมากอีกด้วย หนานอวี่ไม่นึกเลยว่าฮ่องเต้แห่งหนานเจียงจะส่งคนผู้นี้มาตามหาราชากู่
ไม่ใช่แค่ส่งเขามา แต่ยังให้เขาช่วยองค์รัชทายาทของเมืองหลิงอีกด้วย พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่
“ข้าเข้าใจล่ะ เช่นนั้นข้าจะไม่บอกพวกเขา แต่ข้าเกรงว่าต่อไปเจ้าอาจจะต้องพบเขาอยู่บ่อยครั้ง ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับวันนี้ขึ้นอีก เจ้าเข้าใจหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองหนานอวี่และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
นางไม่ต้องการให้แผนการที่พวกตนวางไว้ต้องมาเสียเพราะหนานอวี่
หนานอวี่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะควบคุมตัวเองให้ดีขอรับ”
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า บ่งบอกว่านางยอมรับและเข้าใจแล้ว
“ก็ดี ไปกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ถามอะไรเรื่องหนานอวี่อีก
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมาด้วยกัน ดวงตาของเฉียวเทียนช่างก็ปรากฏความสงสัยขึ้นมา สีหน้าของเขาดูประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าทั้งสองจึงอยู่ด้วยกันได้”
“พวกเราพบกันระหว่างทาง หากเขาไม่บังเอิญผ่านมา ข้าเกรงว่าข้าอาจจะเอาของไม่สมควรบางอย่างกลับมาด้วย” เพียงแค่นึกถึงบัณฑิตผู้นั้น ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ
นางไม่ชอบการถูกข่มขู่