ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 309 เถียงไม่ออก + บทที่ 310 กู่กระหายเลือด
บทที่ 309 เถียงไม่ออก
เซียวชวี่เฟิงมองบัณฑิตที่มีสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ขณะเดียวกันก็หันไปมองสีหน้าหม่นหมองของหนานกงเช่อด้วยเช่นกัน ก่อนจะแย้มรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขึ้นมา “บัดนี้ข้าหวังว่าองค์รัชทายาทหนานกงจะสามารถอธิบายให้พวกเราฟังได้ว่าเหตุใดกู่พิษจากหนานเจียงจึงมาปรากฏอยู่ในร่างของผู้คนที่รับใช้ท่านได้ มิหนำซ้ำยังถูกใช้อยู่ใต้จมูกของข้าอีก”
ครั้งนี้หนานกงเช่ออ้ำอึ้งนึกอะไรไม่ออก เขาส่งสายตามองบัณฑิตผู้นั้น ทว่าอีกคนกลับหน้าซีดเผือดและไม่มีทีท่าจะสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
หนานกงเยว่ซึ่งอยู่ด้านข้างมองสิ่งที่เกิดขึ้น นางรู้สึกว่ามันช่างน่าขัน
“นี่ไม่เกี่ยวกับข้า” เมื่อเห็นว่าบัณฑิตผู้นั้นไม่สนใจตน หนานกงเช่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีของพรรค์นั้นอยู่ด้วย”
เขาโยนความผิดให้ห่างตัว การกระทำนั้นทำให้บัณฑิตรู้สึกไม่พอใจ “ท่านไม่รู้หรือ”
ในเมื่อตอนนี้เรื่องถูกเปิดเผยแล้ว ตอนแรกบัณฑิตผู้นั้นยังคงคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกตนรอดพ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้อยู่ ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของหนานกงเช่อ เขาก็เปลี่ยนใจโดยพลัน
“อย่าพูดจาเหลวไหล” หนานกงเช่อเริ่มร้อนรน
บัณฑิตผู้นั้นหยิบเอาบางสิ่งออกมา สายตาของเขามองไปยังเฉียวเทียนช่าง “ข้ารู้เรื่องภรรยาของท่าน มันเป็นความคิดของหนานกงเช่อ”
เพียงประโยคเดียว เขาได้บอกให้ทุกคนรู้ว่าหนานกงเช่อมีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จริง
เฉียวเทียนช่างมองหนานกงเช่ออย่างเย็นชา “เจ้าอยากทำให้ภรรยาของข้ากลายเป็นหุ่นเชิดไร้ชีวิตจิตใจหรือ หนานกงเช่อ เจ้าไปเอาความกล้าที่จะคิดเรื่องเช่นนั้นมาจากไหนกัน”
สีหน้าของหนานกงเช่อเปลี่ยนไปอย่างมาก เช่นเดียวกันกับบัณฑิต พวกเฉียวเทียนช่างรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
บัณฑิตผู้นั้นมองหนานอวี่ที่อยู่ด้านข้าง เขาเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดชายหนุ่มนามว่าหนานอวี่นี้จึงปรากฏขึ้นข้างกายหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนั้นได้
หลังจากที่พวกเขาได้ข่าว พวกเขาก็เรียกคนที่มีความรู้เรื่องกู่พิษมาเพื่อปกป้องหนิงเมิ่งเหยา
“ท่านรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ” บัณฑิตมองเฉียวเทียนช่างด้วยความมั่นใจ
“แล้วทำไมหรือ”
บัณฑิตมองเฉียวเทียนช่างด้วยสายตาแปลกๆ “พวกข้าต้องได้ตัวหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่าง ไม่เกี่ยวว่าเจ้าจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้วหรือไม่ อย่างไรเสียเจ้าก็แพ้แล้ว ฮ่าฮ่า…”
คำพูดของบัณฑิตผู้นั้นทำให้สีหน้าของเฉียวเทียนช่างเปลี่ยนไป
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ การที่พวกข้ามาพบเจ้าวันนี้นั้นเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น เป้าหมายจริงๆ ยังคงเป็นหนิงเมิ่งเหยาอยู่” เป้าหมายของพวกเขาในวันนี้คือการจับตัวหนิงเมิ่งเหยา ไม่ใช่เรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง
เพียงชั่วพริบตา ร่างของเฉียวเทียนช่างก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของบัณฑิตผู้นั้น ก่อนเขาจะกระชากคอของคนตรงหน้าขึ้นมา “หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเหยาเหยา ข้าจะทำให้มั่นใจว่าทุกคนในหนานเจียงและทุกคนในเมืองหลิงจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับนางแน่”
“นายท่าน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้นะขอรับ” หนานอวี่เองก็รู้สึกเป็นกังวล
เฉียวเทียนช่างมองไปอีกทาง “ชวี่เฟิง อย่าให้เจ้าพวกนี้กลับออกไปได้” เขาหักมือทั้งสองข้างของบัณฑิตผู้นั้นพลางหันไปพูดกับเซียวชวี่เฟิง
เซียวชวี่เฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง”
เฉียวเทียนช่าง หนานอวี่ และคนที่เหลือกลับไปยังจวนแม่ทัพ
เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าจวน เฉียวเทียนช่างพลันได้กลิ่นเลือดฉุนกึกลอยมา
เฉียวเทียนช่างวิ่งเข้าไปด้านใน มีซากศพล้มกลิ้งอยู่ตามทาง หนานอวี่มองศพพวกนั้น น้ำเสียงของเขาฟังดูติดๆ ขัดๆ “กู่พิษ”
โชคยังดีที่พวกเขาเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ร่างของเฉียวเทียนช่างสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
เขาผลักประตูเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อน เขาเห็นหนิงเมิ่งเหยาที่มีดวงตาแดงก่ำอยู่ที่นั่น เมื่อนางได้ยินเสียงพวกเขา นางก็เบนสายตามายังพวกเขาในทันที
เฉียวเทียนช่างดึงหนิงเมิ่งเหยาออกมาอย่างรวดเร็ว ชิงซวงที่ถูกหนิงเมิ่งเหยาทับร่างไว้และมีเลือดเต็มคอรีบลุกขึ้น
“ท่านแม่ทัพ คุณหนู…”
“คนอื่นๆ ล่ะ”
“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ”
สีหน้าของเฉียวเทียนช่างเปลี่ยนไป ไม่รู้หรือ
“หลังจากท่านออกไปได้ไม่นาน มีกลุ่มชายสวมชุดสีดำบุกเข้ามาเจ้าค่ะ ฝีมือพวกมันไม่ได้ดีเท่าใดนัก แต่ใครจะรู้ว่าจะมีคนจากหนานเจียงอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย มิหนำซ้ำพวกมันยังใช้กู่พิษอีก” ชิงซวงกล่าวด้วยสีหน้าน่ากลัว
พวกนางไม่สามารถต้านทานกู่พิษได้ และนั่นเป็นเหตุให้หลายชีวิตต้องตายจากไป สำหรับคนที่เฉียวเทียนช่างเรียกตัวมาก พวกเขาล้วนต่างกำลังประมือกับผู้บุกรุกอยู่และไม่สามารถระบุตำแหน่งแน่ชัดได้ ซึ่งนั่นรวมถึงชิงเซวียนและคนที่เหลือเช่นกัน
ภายในดวงตาของเฉียวเทียนช่างสามารถมองเห็นประกายแห่งความสิ้นหวังได้จากภายใน เขามองชิงซวงแล้วทำท่าเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างา ทว่าหนิงเมิ่งเหยาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากลับคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง
บทที่ 310 กู่กระหายเลือด
แสงสีแดงในดวงตาของนางยิ่งชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
“หนานอวี่”
หนานอวี่ตรวจสอบอาการของหนิงเมิ่งเหยาแล้วเอ่ยขึ้นในทันที
“กู่กระหายเลือดขอรับ”
กู่ชนิดนี้มีลักษณะพิเศษ ผู้ที่กู่ชนิดนี้เข้าไปฝังตัวอยู่ภายในจะถูกเจ้าของกู่ควบคุม เมื่อดวงตาของพวกเขากลายเป็นสีแดงชาด เมื่อนั้นพวกเขาจะคลุ้มคลั่งและสังหารทุกสิ่งที่ตนเห็นด้วยวิธีการอันโหดร้ายทารุณที่สุดที่ตนสามารถทำได้
“ตอนนี้ต้องทำอย่างไร”
“ตราบใดที่เราตัดการเชื่อมต่อระหว่างเจ้าของกู่นั้นกับพี่สะใภ้ได้ ก็ไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ แล้วจากนั้นค่อยล่อให้กู่พิษออกมา” หนานอวี่พูดพร้อมรอยยิ้ม
เฉียวเทียนช่างโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ขณะที่หนานอวี่เตรียมตัวอยู่ หนิงเมิ่งเหยาพลันหลุดจากมือของเฉียวเทียนช่างไปได้ นางตรงเข้าไปทุบหน้าอกของเขา
ในดวงตาของเฉียวเทียนช่างมีความรวดร้าวอยู่ภายในเมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาใช้สองมือทุบหน้าอกของตน แต่เขาก็ส่ายศีรษะทิ้งความรู้สึกนั้นไป นางไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้
ทว่าก่อนที่เฉียวเทียนช่างจะจับหนิงเมิ่งเหยาได้อีก เขากลับสังเกตเห็นว่าร่างของนางเริ่มกระตุกเกร็ง
เมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาเป็นเช่นน้ัน เฉียวเทียนช่างก็รู้สึกประหลาดใจ
“ออกไป…” น้ำเสียงขาดตอนหลุดออกมาจากปากของหนิงเมิ่งเหยา
แต่ฝีเท้าของนางไม่ได้หยุดลงขณะนางพุ่งตัวเข้าหาเฉียวเทียนช่างด้วยหวังจะจู่โจมเขาอีกครั้ง
ในวินาทีนั้น หนานอวี่ที่อยู่ด้านหลังก็ฟาดสันมือลงที่ต้นคอของหนิงเมิ่งเหยา
หนิงเมิ่งเหยาซวนเซก่อนล้มลงใส่เฉียวเทียนช่าง
เฉียวเทียนช่างรับหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“นายท่าน กรีดข้อมือพี่สะใภ้ เร่งมือด้วยขอรับ พี่สะใภ้คงสลบได้ไม่นานนัก” หนานอวี่พูดพร้อมกับกรีดข้อมือของตน
หลังจากเฉียวเทียนช่างกรีดข้อมือของหนิงเมิ่งเหยา หนานอวี่จึงวางข้อมือของตนลงบนรอยกรีดของนาง
ในไม่ช้าเฉียวเทียนช่างก็เห็นหนอนสีแดงชาดคลานออกมาจากรอยแผลของหนิงเมิ่งเหยา นอกจากนั้นยังมีหนอนสีฟ้าราวกับน้ำแข็งอีกหนึ่งตัวออกมาพร้อมกัน
เมื่อเห็นกู่พิษสองตัวปรากฏขึ้น สีหน้าของหนานอวี่ก็อึมครึม
ดูเหมือนคนพวกนั้นจะมีแผนสำรอง
หลังจากกู่พิษทั้งสองชนิดปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าราชากู่ในร่างของหนานอวี่จะได้ยินพวกมันเข้า มันไต่ออกมาจากรอยกรีดที่ข้อมือของหนานอวี่แล้วพุ่งตรงเข้าหากู่พิษสองตัวนั้น
ใช้เวลาไม่นานกู่กระหายเลือดก็ถูกราชากู่กลืนกินจนหมดสิ้น ก่อนมันจะหันไปกินกู่พิษสีฟ้าน้ำแข็งต่ออีกตัว
ม่านหมอกสีฟ้าราวกับน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนร่างของราชากู่หลังจากมันกลืนกู่ทั้งสองชนิดลงไป
หากมาเห็นราชากู่ในตอนนี้ แม้แต่ฮ่องเต้แห่งหนานเจียงก็คงมิอาจรู้ได้ว่านี่คือราชากู่ที่ตนรู้จัก
หนานอวี่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นราชากู่ในสภาพเช่นนี้
เมื่อเสร็จเรื่อง ชิงซวงรีบเข้ามารักษาแผลของพวกเขาในทันที “ท่านแม่ทัพ เราจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ”
“เราจะไปวังหลวง”
ชิงซวงทิ้งข้อความไว้ให้ชิงเซวียนและคนที่เหลือเพื่อบอกว่าหนิงเมิ่งเหยาปลอดภัยดี
ณ ชายแดนของเมืองหลวงในเวลาเดียวกัน กู่พิษที่ล้อมชิงเซวียนและคนอื่นๆ อยู่พลันมีท่าทีคลุ้มคลั่งขึ้นมา ไม่เพียงแค่นั้น คนที่ควบคุมกู่พิษอยู่ข้างๆ เองก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขากระอักเลือดออกมาอีกหลายต่อหลายครั้ง ดูท่าว่าเขาจะได้รับผลสะท้อนจากกู่พิษเข้าเสียแล้ว
“บ้าเอ๊ย กู่พิษอันแสนล้ำค่าของข้าถูกจัดการไปแล้ว ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต” เสียงของคนผู้นั้นแหบแห้งและไม่น่าฟัง
ชิงเซวียนและคนอื่นๆ โล่งอกหลังจากได้ยินข่าว ดูเหมือนว่านายน้อยของพวกเขาจะกลับมาทันเวลา และบอกให้หนานอวี่รักษาคุณหนูให้แล้ว
พวกเขาโล่งใจจริงๆ
สองสามคนในกลุ่มมองหน้ากันก่อนลงมือในทันที พวกเขาเทสุราที่เอาติดตัวมาด้วยลงพื้นแล้วจุดเพลิงขึ้น
หนานอวี่บอกกับพวกเขาไว้ว่ากู่พิษนั้นเกลียดกลัวเปลวไฟเป็นที่สุด กู่พิษอันแสนมีค่านั้นมักจะถูกเลี้ยงดูด้วยการใช้เลือดจากหัวใจ และแต่ละภาชนะที่ใช้เพาะพันธุ์พวกมันนั้นจะมีกู่พิษได้ไม่เกินสองตัว การจะเพาะกู่พิษจำนวนมากนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เป็นไปตามที่หนานอวี่บอก เมื่อเปลวไฟเริ่มลามเลียไปทั่ว กู่พิษต่างส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังออกมา ก่อนจะหมดแรงลงกับพื้นดินและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป
หลังจากเห็นภาพที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้กู่พิษแห่งหนานเจียงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เขารู้ตัวแล้วว่าวันนี้ตนคงหมดทางได้เปรียบอย่างแน่นอน
แต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขามองชิงเซวียนและคนที่เหลือ “ในไม่ช้าพวกข้าจะกลับมาแก้แค้นแน่ ถอนกำลัง” เขากล่าวและพาคนของตัวเองกลับไป
หลังจากพวกเขากลับไป ชิงเซวียนและคนอื่นๆ ต่างทรุดนั่งลงกับพื้น พวกเขาคงยื้อไว้ไม่ไหวหากคนพวกนั้นยังคิดจะอยู่ต่อ
หนานกงเช่อและพรรคพวกอยู่ในห้องทรงพระอักษรของเซียวชวี่เฟิง ทุกคนยังคงอยู่ที่เดิมและไม่ได้กลับไปไหน และไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรขึ้นมาสักคำ นอกจากหนานกงเยว่ คนอื่นๆ จากเมืองหลิงต่างก็รู้สึกกังวลใจยิ่งนัก