ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 347 พลังที่แท้จริงของทงเป่าไจ + บทที่ 348 มีลูก
บทที่ 347 พลังที่แท้จริงของทงเป่าไจ
ดวงตาของเฉียวเทียนช่างเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าพูดจริงหรือ”
“ทำไมจะไม่จริงเล่า ถึงหนานกงเยว่จะสั่งปิดทุกร้านในเมืองหลิงที่อยู่ภายใต้การดูแลของทงเป่าไจ แต่ตราบใดที่ข้าต้องการ ข้าก็ยังสามารถปิดแหล่งเศรษฐกิจของพวกมันได้ในทันที” นี่เป็นข้อได้เปรียบของการเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจ
เฉียวเทียนช่างเงียบไปครู่หนึ่ง “โชคดีที่ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ มิฉะนั้นคงเกิดความโกลาหลขึ้นแน่”
“อืม คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่พี่เขยกับพรรคพวกเท่านั้น ไม่มีคนอื่นรู้อีกแล้ว” แต่ตอนนี้มีคนรู้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
เฉียวเทียนช่างเข้าใจว่าหนิงเมิ่งเหยาต้องการสื่ออะไร นางกำลังเล่าทุกความลับของทงเป่าไจให้เขาฟัง
“อืม ถ้ามีเวลาข้าจะพาเจ้าไปดูที่ฐานของทงเป่าไจ เจ้าจะเข้าใจเองว่าเหตุใดข้าจึงพูดเช่นนั้น ต่อให้ตอนนี้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังมากแค่ไหนเจ้าก็คงจะนึกภาพไม่ออกอยู่ดี” หากนางได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ต่อให้ใช้เวลาสักสามวันก็คงมีเรื่องให้พูดต่อไม่จบไม่สิ้น
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “เอาล่ะ หากเรื่องทางนี้จบลงเมื่อใดพวกเราค่อยเดินทางไปดูก็แล้วกัน”
“อืม ข้าเองก็ไม่ได้เดินทางไปไหนมาพักหนึ่งแล้ว เราจะได้ไปพร้อมกันเลย” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
หลังจากนั้น เฉียวเทียนช่างถามสิ่งที่ตนสงสัยเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง แต่เขากลับรู้สึกเสียใจนักที่ถามออกไป เขาไม่รู้เลยว่าสมองของหนิงเมิ่งเหยาทำงานอย่างไร นางคิดอะไรไว้ในหัวหลายอย่างจริงๆ มิหนำซ้ำยังกุมชะตาเศรษฐกิจของอีกหลายเมืองไว้ในมืออย่างลับๆ อีกด้วย
“ข้าทำเช่นนั้นเพื่อจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย” นั่นเป็นจุดประสงค์ตอนต้นของนาง แต่ใครจะคาดคิดว่ามันจะมาถึงขั้นนี้ได้
เฉียวเทียนช่างมองภรรยาของตน “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ใช่เพราะอยากแสดงให้ผู้อื่นเห็น”
“ไม่ใช่สิ” หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้าเป็นพัลวัน
เฉียวเทียนช่างไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับนางเรื่องนี้อีก “ข้าเกรงว่าเรื่องที่ตามมาคงไม่จบลงง่ายๆ เจ้าวางแผนจะทำเช่นใดหรือ”
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดแล้วขมวดคิ้ว “ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้”
“อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกกันหน่อยไหม” เฉียวเทียนช่างเสนอขึ้น เขาเอาคำพูดของเซียวชวี่เฟิงฝังกลับเข้าไปในหัว
หนิงเมิ่งเหยาขบคิดก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่อยากไป”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยากทำอะไร” เฉียวเทียนช่างกอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วจึงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
หนิงเมิ่งเหยานึกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดที่นางนึกอยากทำเลยสักอย่าง
“ข้าก็ไม่รู้” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะไปมา ช่วงนี้ไม่มีอะไรให้นางทำจริงๆ นางแค่อยากอยู่บ้านเท่านั้น
”อืม เช่นนั้นถ้าเจ้าอยากไปเมื่อไหร่ พวกเราค่อยไปกันก็ได้” เฉียวเทียนช่างคิดหาคำตอบที่ประนีประนอม
“ตกลง”
ทว่าหนิงเมิ่งเหยากลับเอาแต่ขลุกอยู่ในจวนแม่ทัพ นางไม่แม้แต่จะอยากออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำระยะเวลาในการนอนของนางก็นานขึ้นเรื่อยๆ
ทุกวันหลังจากที่นางตื่นขึ้น ในไม่ช้าก็จะรู้สึกง่วงขึ้นมาอีก
วันหนึ่งเฉียวเทียนช่างถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบเป็นปมเมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาเผลอหลับขณะกินข้าว เขาใช้สองแขนอุ้มนางขึ้นแล้วเรียกตัวชิงซวงเข้ามา “ตรวจดูอาการของเหยาเหยาสิว่านางเป็นอะไรหรือเปล่า”
ช่วงนี้ชิงซวงยุ่งอยู่กับการศึกษากู่พิษร่วมกันกับหนานอวี่เลยไม่ได้ติดตามอยู่เคียงข้างหนิงเมิ่งเหยา จึงเป็นเรื่องปกติที่นางเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของตน
พอชิงซวงได้ยินคำสั่งของเฉียวเทียนช่าง นางจึงเดินเข้าไปและวางมือลงบนบริเวณเอวของหนิงเมิ่งเหยา นางทำหน้างง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงหันไปมองเฉียวเทียนช่าง “ยินดีด้วยเจ้าค่ะนายน้อย คุณหนูเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่ถึงเดือน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะง่วงเช่นนี้”
คราวนี้เฉียวเทียนช่างไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ “เจ้าว่าอะไรนะ”
“คุณหนูกำลังตั้งครรภ์เจ้าค่ะ นายน้อย ท่านกำลังจะได้เป็นพ่อคนเจ้าค่ะ” ชิงซวงมองเฉียวเทียนช่างอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี คนผู้นี้ชอบทำให้ชาวบ้านพูดไม่ออกเสียจริงเชียว
เฉียวเทียนช่างมองชิงซวงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะก้มหน้าลงมองคนที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่แปลกเลยที่ช่วงนี้นางจะไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเหมือนเก่า อีกทั้งยังง่วงนอนตอนเวลาเช่นนี้ เพราะนางตั้งครรภ์นี่เอง
เขาวางมือลงบนหน้าท้องของหนิงเมิ่งเหยาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มดีใจผุดพรายขึ้นบนใบหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเมื่อมองหนิงเมิ่งเหยา
คราวนี้เขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาและนางได้รับอันตรายอีก
เฉียวเทียนช่างมองชิงซวงแล้วเอ่ยถามนางอีกหลายคำถาม เป็นคำถามสำหรับการดูแลหนิงเมิ่งเหยา เขายอมปล่อยนางกลับไปก็ต่อเมื่อไม่มีอะไรเหลือให้ถามแล้ว
ชิงซวงหน้าซีดเผือด ดูเหมือนบางครั้งนายน้อยของพวกตนก็พูดจายืดยาวขนาดนี้กับเขาเป็นเช่นกัน เรียกได้ว่าค่อนข้างที่จะ…ยากที่จะบอกได้จริงๆ
เฉียวเทียนช่างเกร็งกำลังแขน แล้วอุ้มหนิงเมิ่งเหยากลับไปที่ห้องก่อนจะวางนางลงบนเตียง จากนั้นเขาจึงนั่งลงข้างเตียงและมองหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทราอันแสนสุขนั้น เขายิ้มอย่างโง่งมา
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาลืมตาตื่นขึ้น นางเห็นเฉียวเทียนช่างกำลังมองนางด้วยหน้าตาประหลาดๆ จึงรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย “เทียนช่าง เกิดอะไรขึ้น”
“เหยาเหยา พวกเรากำลังจะมีลูก”
บทที่ 348 มีลูก
หนิงเมิ่งเหยาชะงักและทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ”เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้าบอกว่าเรากำลังจะมีลูก เมื่อครู่ข้าให้ชิงซวงตรวจชีพจรเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่ถึงเดือน” เฉียวเทียนช่างยิ้มกว้าง ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกาย นางก้มหน้าลงมองท้องของตน แล้วคว้ามือของเฉียวเทียนช่างก่อนถามขึ้นด้วยความดีใจว่า “จริงหรือ ข้ามีลูกจริงๆ หรือ”
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “จริงสิ เจ้ากำลังท้อง”
หนิงเมิ่งเหยาผุดลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น เฉียวเทียนช่างรีบรุดเข้าไปจับไว้ก่อนดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “เจ้ากำลังท้องอยู่นะ หากลื่นล้มลงไปจะทำอย่างไร”
หนิงเมิ่งหยาพยักหน้ารัวเร็ว “ใช่ ใช่ ข้าจะประมาทไม่ได้ มิฉะนั้นข้าคงทำอะไรไม่ถูกหากลูกเกิดโกรธขึ้นมา”
หนิงเมิ่งเหยาในตอนนี้ดูเงอะงะงุ่มง่าม เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนั้น เฉียวเทียนช่างก็กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
เหมือนกับคนเป็นแม่ทั่วๆ ไป พวกนางชอบตั้งคำถามตอนที่ตัวเองท้อง พวกนางชอบถามสามีของตนว่าอยากได้ลูกชายหรือลูกสาวมากกว่ากัน แม้แต่หนิงเมิ่งเหยาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
“เทียนช่าง เจ้าอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว” หนิงเมิ่งเหยาเอนกายอยู่ภายในอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่าง นางใช้สองมือโอบรอบคอเขาขณะถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เฉียวเทียนช่างกระชับอ้อมกอดของตน “จะหญิงหรือชายก็ได้ แต่จริงๆ ข้าก็รู้สึกอยากมีลูกสาวหน้าตาคล้ายเจ้าอยู่นะ”
“แต่ข้าอยากได้ลูกชาย” หนิงเมิ่งเหยานิ่วหน้า แม้นางจะชอบเด็กผู้หญิงแต่นางก็อยากได้ลูกชาย
“เช่นนั้นเรามีลูกกันสักสองสามคนก็ได้ แบบนั้นเราจะได้มีทั้งลูกชายและลูกสาวไง” เฉียวเทียนช่างยิ้มพร้อมกับเสนอ แล้วก็รู้สึกว่าความคิดนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “เอาสิ” อย่างไรเสียนางก็ชอบเด็กๆ อยู่แล้ว
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทุกคนภายในจวนแม่ทัพต่างก็ได้ยินข่าวเรื่องที่หนิงเมิ่งเหยาตั้งครรภ์กันเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อทั้งสองก้าวออกมาจากห้องของตน เหลยอันก็พุ่งเข้ามาหา
“ยินดีด้วยขอรับพี่สะใภ้ ยินดีด้วยขอรับนายท่าน”
“ขอบคุณมาก”
เหลยอันมองท้องของหนิงเมิ่งเหยาด้วยความตื่นเต้น เขากำลังคิดว่าอีกไม่นานก็จะมีเด็กน้อยอ้วนท้วนสมบูรณ์ออกมาเรียกพวกเขาว่าท่านลุงแล้ว เพียงคิดแค่นั้นเขาก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เฉียวเทียนช่างเองก็มีความสุขยิ่งนัก นับว่าเป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งที่เขาไม่จับเหลยอันโยนออกไปด้วยเหตุผลว่าจ้องมองท้องของหนิงเมิ่งเหยามากเกินไป
คืนนั้นหนิงเมิ่งเหยาตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ นางมองเฉียวเทียนช่างด้วยท่าทางเซ่อซ่า
สุดท้ายเฉียวเทียนช่างจึงต้องยื่นแขนไปกอดนางไว้ ไม่ยอมให้นางขยับตัวไปไหนได้อีก
“เจ้าไม่ง่วงหรือ เหตุใดจึงยังไม่นอน” นี่มันก็เกือบค่อนคืนแล้ว แต่นางกลับยังไม่พักผ่อนเสียที หากเป็นเช่นนี้เห็นทีว่าวันถัดไปนางคงจะนอนทั้งวันอีกเป็นแน่
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตา “ข้าง่วง แต่ข้านอนไม่หลับ” ตอนนี้นางกำลังตื่นเต้นและไม่อยากนอน
เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างอับจนคำพูด เขาพลิกร่างมาทับนางเอาไว้ก่อนก้มหน้าลงจูบนาง
หลังผ่านไปครู่หนึ่งเฉียวเทียนช่างจึงผละออก หนิงเมิ่งเหยาหลับไปทั้งที่แก้มยังแดงก่ำ
เขายื่นมือออกไปดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นจึงวางมือข้างหนึ่งไว้ใต้ท้ายทอยของนาง ส่วนมืออีกข้างก็วางลงบนหน้าท้องก่อนหลับตาลง
วันต่อมา หลังจากเฉียวเทียนช่างลืมตาตื่นและเดินออกไปนอกห้อง เขาเห็นเซียวฉีเทียนนั่งอยู่ด้านนอก มีของขวัญมากมายวางอยู่ด้านข้าง
“ข้าได้ยินว่าเมิ่งเหยาตั้งครรภ์ ยินดีด้วย” เซียวฉีเทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบใจเจ้ามาก” เฉียวเทียนช่างนั่งลงตรงข้ามกับเซียวฉีเทียน “เจ้ามาที่นี่ทำไม”
“ตอนแรกข้ากะว่าจะมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ตอนนั้นมันดึกไปเสียแล้ว เมิ่งเหยาอยู่ที่ไหนล่ะ” เซียวฉีเทียนสะบัดมือ หากเขาได้ยินข่าวช้าไปกว่านี้ เขาคงจะมาถึงเอาช่วงบ่ายโน่น
เฉียวเทียนช่างส่ายหน้าด้วยท่าทางจนใจ “นางหลับอยู่ เมื่อคืนนางตื่นเต้นเกินไปหน่อยเลยเข้านอนเสียดึก” เฉียวเทียนช่างเผลอหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงสภาพของหนิงเมิ่งเหยาเมื่อคืน
เซียวฉีเทียนไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เขาเข้าใจความตื่นเต้นของหนิงเมิ่งเหยาดี ด้วยเพราะลูกคนก่อนของคนทั้งคู่นั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับพวกเขาอย่างใหญ่หลวงนัก
“ได้ยินเช่นนั้นข้าก็โล่งใจ แต่จะว่าไปช่วงนี้หลิงหลัวเองก็ปฏิบัติตัวกับเซียวจื่อเซวียนแปลกๆ ท่านพี่ของข้าคิดว่าพวกมันน่าจะลงมือในไม่ช้านี้ เขาต้องการให้เราเตรียมพร้อมไว้” นอกจากการมาเพื่อแสดงความยินดีแล้ว เขามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องนี้ด้วย
เฉียวเทียนช่างหยุดมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่ ก่อนหรี่ตาลง “เข้าใจแล้ว”
“ไม่ต้องกังวล” เมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างเช่นนี้ เซียวฉีเทียนก็รู้ว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น