ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 35 เลิกแสแสร้งได้แล้ว + บทที่ 36 ความเป็นศัตรูที่อธิบายไม่ได้
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 35 เลิกแสแสร้งได้แล้ว + บทที่ 36 ความเป็นศัตรูที่อธิบายไม่ได้
บทที่ 35 เลิกแสแสร้งได้แล้ว
หนิงเมิ่งเหยาสุขใจกับท่าที ‘พวกเจ้าโดนแม่นางแสนดีคนนี้หลอกแล้ว’ ของหยางเล่อเล่อแล้วตบไหล่นางเบาๆ “เจ้าเล่นอะไรของเจ้าน่ะ ท่านลุงหยาง ท่านป้าหยาง พวกท่านกล่าวหาหยางเล่อเล่อผิดแล้ว นางคืนเงินมาให้ข้าบ้างแล้ว”
“หืม หยางเล่อเล่อ บอกแม่มาว่าเจ้าขายงานเย็บปักคราวนี้ได้เท่าไร” นางหยางมองบุตรสาวแล้วถามอย่างสงสัย
หยางเล่อเล่อชูสามนิ้วด้วยความภาคภูมิใจ
“สามตำลึงรึ”
หยางเล่อเล่อทำหน้าบึ้ง “ท่านแม่ ข้าไม่เก่งเลยหรือ”
“ท่านป้าหยาง ครั้งนี้งานปักของหยางเล่อเล่อขายได้สามสิบตำลึง” หนิงเมิ่งเหยายิ้ม นางทนมองต่อไปไม่ได้
ทั้งนางหยาง นางเฉียว และหยางจู้กับหยางอี้สองพ่อลูกไม่เพียงทำตาโต แต่ยังมองหยางเล่อเล่อกันอย่างไม่อยากเชื่อ
นางเฉียวเดินไปยืนข้างหยางเล่อเล่อด้วยความประทับใจ นางเอ่ยถาม “เล่อเล่อ จริงหรือ”
“จริงสิ ข้าคืนให้เหยาเหยาไปยี่สิบตำลึง แล้วซื้อของกลับมาบ้าง ยังมีเหลืออีกหกตำลึง ข้าให้ท่านแม่” หยางเล่อเล่อเอาเงินที่เหลือให้นางหยาง
ถัดจากให้เงินนางหยาง หยางเล่อเล่อเริ่มแจกจ่ายของ มีพู่กัน หมึก และกระดาษสำหรับหยางจื้อ เสื้อผ้าให้นางหยาง นางเฉียว และหยางจู้ ขณะที่หยางอี้ได้เพียงอาหาร และยาเท่านั้น
หยางอี้มองมองน้องสาวอย่างน้อยใจ “น้องข้า แล้วของข้าล่ะ”
หยางเล่อเล่อหยิบเอากระดูกกับปลาออกมาให้หยางอี้ “พี่ใหญ่ นี่ของท่าน”
หยางอี้อึ้งไปในขณะที่คนอื่นพากันขบขัน
นางเฉียวมองน้องสามีของนางแล้วนึกอิจฉา เพราะนางรู้ว่าที่งานเย็บปักของหยางเล่อเล่อขายได้ราคาสูงขนาดนั้นก็เพราะได้หนิงเมิ่งเหยาสอน
แต่ถึงนางจะอิจฉาอยู่บ้าง นางก็ไม่ได้คิดอะไรไปกว่านั้น อีกอย่างน้องสามีของนางมีฝีมือ ตัวนางก็ย่อมได้ประโยชน์อยู่บ้างในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างนางกับน้องสามีไม่ได้เลวร้ายอะไร
นางหยางลูบเนื้อผ้าปักลายดอกไม้อย่างสุขใจ “เจ้าเด็กโง่ แม่ของเจ้าจะทำอย่างไรกับของขวัญที่วิเศษขนาดนี้เล่า เจ้าน่าจะเป็นคนสวมมากกว่า”
“ท่านแม่ เหยาเหยาจะกินข้าวที่บ้านเราวันนี้ ทำไมท่านไม่ไปเตรียมอาหารเล่า” ศีรษะหยางเล่อเล่อคันยิกๆ นางพูดพร้อมชี้ไปที่หนิงเมิ่งเหยา
เมื่อนางหยางได้ยินก็เอาของที่บุตรสาวซื้อมาไปทางครัวหลังจากนั้นจึงพูดว่า “เมิ่งเหยา ไปเล่นกับเล่อเล่อสักพักนะ” เสียงนางยังดังชัดแม้ตัวนางจะปราดเข้าไปในครัวแล้ว
“ใช้ข้าเป็นโล่เลยรึ” หนิงเมิ่งเหยามองหยอกหยางเล่อเล่อ
สายตาเช่นนั้นทำให้ใจหยางเล่อเล่อไหววูบ นางมองล่อกแล่กซ้ายทีขวาทีซ้ำไปมา สุดท้ายก็ทำหน้าจ๋อยมองหนิงเมิ่งเหยา “ก็ข้าไม่มีทางอื่น เหยาเหยา อย่าโกรธข้าเลย”
หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เพียงแค่นึกขำหยางเล่อเล่อเท่านั้น บัดนี้เมื่อเห็นว่าหยางเล่อเล่อเป็นกังวลจริง นางจึงจำต้องส่ายศีรษะ
มือนางเอื้อมไปลูบมือหยางเล่อเล่อ “เจ้านี่นะ…”
หยางเล่อเล่อแตะศีรษะตัวเอง นางยิ้มซื่อพลางรู้สึกขวยเขิน
ถ้านางไม่ทำเช่นนั้น นางไม่รู้ว่ามารดาจะทำอะไรบ้าง
แม้ว่าสภาพตระกูลนางจะดีกว่าตระกูลอื่นในหลายปีนี้ แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่ากันเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับตระกูลร่ำรวย ตระกูลนางไม่ได้ดีเด่แต่อย่างใด แต่นางหยาง และหยางจู้คอยหาสิ่งที่ดีที่สุดให้หยางเล่อเล่อ และหยางอี้ เมื่อตอนนี้มีหยางจื้อ พวกเขาก็ให้แต่สิ่งที่ดีที่สุดแก่หลานพวกเขาแทน
ตอนนี้นางมีความสามารถ นางย่อมอยากให้บิดามารดามีความเป็นอยู่ดีขึ้น อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อก่อน
หนิงเมิ่งเหยาเห็นความอบอุ่นห่วงใยกันและกันที่ตระกูลนี้มี รอยยิ้มก็ระบายบนดวงหน้านาง ครอบครัวเดียวกันควรเป็นแบบนี้ “ท่านลุงหยาง ข้ามีข้อเสนอ” หนิงเมิ่งเหยาเหลือบมองทางหยางจื้อแล้วเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นพวกเขาทำหน้างุนงงมาทางนาง จึงเอ่ยต่อ “หยางจื้อเป็นเด็กมีพรสวรรค์ ท่านจะส่งให้เขาไปเรียนที่สถานศึกษาในเมืองก็ได้นะ”
หยางจู้และหยางอี้ตะลึงงันพอได้รับฟัง หลายวันมานี้หยางจื้อตั้งอกตั้งใจเรียนอยู่กับหนิงเมิ่งเหยา พวกเขาเพียงอยากให้เด็กชายมีทักษะความสามารถ แต่ไม่ได้คาดคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะพูดเช่นนี้
“เหยาเหยา เจ้าพูดจริงหรือ” หยางเล่อเล่อดีใจกว่านักเมื่อเทียบกับคู่พ่อลูก หลานชายของนางชอบเรียนหนังสือ ถ้าเขาสอบผ่านข้อสอบหลวงระดับท้องถิ่นหรือเขตได้ ตระกูลนางจะต้องภาคภูมิใจมาก เมื่อก่อนตระกูลนางจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ตอนนี้ต่างออกไป นางมั่นใจว่าหลานของนางจะต้องทำได้แน่นอน
บทที่ 36 ความเป็นศัตรูที่อธิบายไม่ได้
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะเบาๆ “เขาท่องจำคำได้ไว และคิดเลขได้เร็ว ถึงจะเริ่มเรียนเป็นคนสุดท้าย แต่นอกจากหลินเอ๋อร์ เขาเป็นหนึ่งในนักเรียนที่เก่งที่สุด”
“ยอดไปเลย เราจะส่งจื้อเอ๋อร์ไปสถานศึกษา” หยางเล่อเล่อปรบมือเข้าหากันเป็นอันตัดสินใจโดยไม่ไถ่ถามความเห็นบุรุษอีกสองคน
พอได้ยินที่หยางเล่อเล่อพูด หยางจู้และหยางอี้ถึงเพิ่งตั้งสติได้ ดวงตาหยางอี้มีฉายแววซับซ้อนขณะมองยังน้องสาวตน “เล่อเล่อ เราต้องใช้เงินอีกมากนักถึงจะส่งหยางจื้อไปเรียนไหว”
“แล้วมันทำไมรึ หลังจากนี้ไป สภาพตระกูลเราจะมีแต่ดีขึ้นแล้วก็ดีขึ้น” หยางเล่อเล่อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหยางอี้คิดอะไรอยู่ ถึงเป็นเช่นนั้นแล้วมันทำไม นี่คือหลานของนาง พอเขาได้เข้าเรียนแล้ว มีหรือนางจะไม่ภูมิใจ
หนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าหยางอี้ยังมีเรื่องอยากจะพูดอีกก็หัวเราะออกมาสั้นๆ “พี่ใหญ่หยาง อย่าคิดมากนักเลย อันที่จริงข้ามีเรื่องที่อยากจะให้ท่านช่วยเรื่องหนึ่งเมื่อท่านหายดีแล้ว”
“เรื่องใดกัน”
“งานบริหาร” ริมฝีปากแดงของหนิงเมิ่งเหยาเผยอเล็กน้อยตอนนางมองหยางอี้แล้วพูดคำนั้นออกมา
คำว่า ‘งานบริหาร’ ทำหยางเล่อเล่อกับบิดาของนางหัวสมองว่างเปล่าเพราะทั้งสองไม่รู้ว่าคำนี้หมายถึงอะไร หนิงเมิ่งเหยาก็ไม่อธิบาย เอาแต่ยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วพี่ใหญ่หยางจะเข้าใจเองในภายหลัง”
“ก็ได้” หยางอี้ครุ่นคิดแล้วพยักหน้าตกลง อย่างไรเสียคงเป็นงานเกี่ยวกับช่วยเหลือตัวนาง เพราะนางก็ช่วยครอบครัวเขาหลายต่อหลายครั้ง และนางไม่มีวันทำร้ายพวกเขา ในเมื่อนางไม่มีทางทำร้ายพวกเขา ผลก็มีแต่ช่วยเหลือพวกเขา
ตอนพวกเขารวมตัวล้อมโต๊ะ หยางอี้บอกสิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาพูดไว้ให้ภรรยาและนางหยางฟัง ทั้งสองตื่นเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะนางเฉียว นางถึงขั้นนึกซาบซึ้งใจหนิงเมิ่งเหยาและน้องสามีตนยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากกินอาหารเสร็จ หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้อยู่ต่อนานนักแล้วกลับบ้านไปตามลำพัง ระหว่างทางกลับ นางคอยมองไปยังในหมู่บ้าน เจอเด็กบางรายที่เคยมาเรียนระหว่างทางบนถนน นางมองเข้าไปในดวงตาพวกเขาทุกคน และเห็นสายตาที่พวกเขามองมา
แต่นางเพียงยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เมื่อผ่านบ้านหลังหนึ่ง หนิงเมิ่งเหยาได้ยินเสียงคุ้นหู “ชายหญิงนั้นต่างกัน และไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป หยางชุ่ย เจ้ากลับบ้านไปก่อนดีกว่า”
หนิงเมิ่งเหยาหันดูด้วยความสงสัยเพราะนางคุ้นหูเสียงนั้นนัก เขาคือนักล่าสัตว์ที่ขายเนื้อให้นางเป็นครั้งคราวนั่นเอง นางเอียงศีรษะ เห็นว่ามีไก่ฟ้า และกระต่ายป่าอยู่ข้างเท้าเขา หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจเข้าไปหา
ที่จริงแล้ว ตอนเฉียวเทียนช่างกลับบ้านมาเห็นบุตรสาวของเพื่อนข้างบ้านอยู่ในบ้านของตน และกำลังค้นข้าวของของเขา เขารู้สึกไม่ชอบใจจนใบหน้าบูดเบี้ยว ครั้นเห็นหนิงเมิ่งเหยาเดินมาหา กลับมีรอยยิ้มไปถึงดวงตา เขาปล่อยหยางชุ่ยไว้เพื่อมาทักทายนาง
“เจ้ามีธุระอะไรหรือ” เฉียวเทียนช่างตระหนักดีว่าคำพูดคำจาตนฟังดูตีสนิทเกินไป ยิ่งในสายตาของหยางชุ่ยด้วยแล้ว
หยางชุ่ยเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในหมู่บ้านไป๋ซาน นางเป็นคนเปราะบาง ตระกูลนางเลี้ยงดูนางในฐานะบุตรสาวแห่งตระกูลใหญ่โดยหวังให้นางได้แต่งงานกับชายที่ดี
หยางชุ่ยเป็นคนประเภทมองตัวเองเหนือกว่าคนอื่น และคิดว่าไม่มีใครในหมู่บ้านรูปโฉมงดงามไปกว่าตน กระทั่งบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างหยางเล่อเล่อก็ยังสู้นางไม่ได้ บัดนี้นางได้เห็นหญิงสาวที่ตนไม่เคยเจอมาก่อนในชุดสีเหลือง ศีรษะติดเครื่องประดับเรียบง่ายเพียงสองชิ้น แต่นางกลับดูงามหยาดเยิ้ม
ไม่เพียงเท่านั้น นางรู้สึกได้ว่าตนเกิดความรู้สึกด้อยขึ้นมาเมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยา ยิ่งมาอยู่ต่อหน้าความสวยสง่าหมดจดของหนิงเมิ่งเหยาแล้ว ตัวนางดูเหมือนพวกตาสีตาสา
“ข้าเห็นเหยื่อที่เจ้าล่ามาตอนเดินผ่านแล้วอยากจะซื้อสักหน่อย” หนิงเมิ่งเหยายิ้มขณะอธิบายว่าตนมาด้วยเหตุใด
เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วเล็กน้อย ครั้งก่อนนางซื้อไปเยอะแล้ว คงไม่มีทางกินทั้งหมดแล้วหรอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องพะวง “เจ้าต้องการเท่าไร”
“ไก่ฟ้าสองตัว กระต่ายสองตัว” หนิงเมิ่งเหยาก้มศีรษะลงดูเหยื่อแล้วชี้เลือกบางตัว
เขาหยิบเหยื่อขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วเอาให้หนิงเมิ่งเหยา นางจ่ายค่าเหยื่อแล้วเตรียมตัวจะเดินจากไปขณะที่เฉียวเทียนช่างไปส่งนางตรงประตู
หยางชุ่ยเห็นท่าทีที่เฉียวเทียนช่างมีต่อหญิงผู้นี้แล้วสีหน้าก็พลันบิดเบี้ยว ยิ่งเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายสวยกว่าตนแล้ว นางพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย “หน้าไม่อาย มายั่วผู้ชายกลางวันแสกๆ” ไม่เพียงเฉียวเทียนช่างที่ได้ยินคำพูดนาง แต่หนิงเมิ่งเหยาก็ได้ยินเช่นกัน นางชะงักฝีเท้าตอนกำลังจะออกไปแล้วหันทั้งตัวมองไปยังหญิงอีกคนด้วยสายตาเย็นชา “ข้าซื้อเหยื่อ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ไม่เหมือนเจ้าหรอก แม่สาวน้อย เจ้าก็ดูถึงวัยแล้ว หญิงสาวโตแล้วมาโผล่ที่บ้านผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”
“นี่เจ้า…”
“หยางชุ่ย ข้าหวังว่าจะไม่ต้องเห็นเจ้าแอบเข้ามาในบ้านข้าอีก โดยเฉพาะในวันที่ข้าลงกลอนประตูบ้าน” เฉียวเทียนช่างพลันมองยังหยางชุ่ยแล้วเตือนนางน้ำเสียงเย็นเยือก ถ้อยคำของเขาหักหน้าหยางชุ่ยต่อหน้าหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่ต้องสงสัย
นางมองเฉียวเทียนช่างอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่ใหญ่เฉียว ท่านเข้าข้างนางผู้นี้หรือ”
“เราไม่ใช่คนคุ้นเคยกัน ดังนั้นอย่ามาเรียกข้าเสียสนิทสนมเช่นนั้น ต่อให้วันนี้นางไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ข้าก็จะพูดแบบนี้กับเจ้า ข้าไม่อยากทำให้เจ้าแปดเปื้อน แต่ก็ไม่อยากให้เจ้าทำให้ตัวเองขายหน้าเช่นกัน” เฉียวเทียนช่างเสริมต่ออย่างไร้เยื่อใย ไม่ยอมให้หญิงผู้นี้ได้รักษาหน้าตัวเอง
ถ้อยคำเขาเปรียบดั่งเข็มปักทิ่มแทงเข้าถึงหัวใจหยางชุ่ย