ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 37 โกรธเคือง + บทที่ 38 ความคิดเล็กๆ ของหยางชุ่ย
บทที่ 37 โกรธเคือง
หนิงเมิ่งเหยาชำเลืองมองชายหนุ่มข้างกาย นางไม่เห็นว่าเขาวางตัวเย็นชา แต่ถ้อยคำเขาบาดคมนัก
แต่นางไม่ได้อยากอยู่เห็นสิ่งเหล่านั้นตรงนี้ ถ้าคนอื่นไม่รู้นิสัยใจคอนางเป็นเช่นไร คงคิดว่านางกำลังชื่นมื่นกับความโชคร้ายของผู้อื่น
นางเพียงแค่อยากจะไปจากตรงนี้ ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้นางไป
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาหันหลังให้ หยางชุ่ยก็มาขวางทาง “เจ้าผู้หญิงไร้ยางอาย มาทำให้ความสัมพันธ์ของข้ากับพี่ใหญ่เฉียวต้องไม่ลงรอยกัน พวกเรายังไม่จบเรื่องกันแค่นี้หรอกนะ”
หนิงเมิ่งเหยาไม่มีความอดทนนัก นางดูกลั่นแกล้งง่ายนักหรืออย่างไร หรือเพราะหญิงคนนี้ไม่เข้าใจภาษาคน
นางเพิ่งพูดอะไรไป หญิงคนนี้ก็ยังจะโทษทุกอย่างลงกับนาง
เฉียวเทียนช่างเดินมาหาสองหญิงสาวแล้วดันหยางชุ่ยหลบไปด้านข้างพลางก้มหัวแล้วพูดกับหนิงเมิ่งเหยาน้ำเสียงอบอุ่น “เจ้าควรกลับไปก่อน อย่าสนใจนางเลย”
เขาเห็นผู้หญิงมานักต่อนัก และรู้ดีว่าควรปฏิบัติกับพวกนางอย่างไร แต่เขากังวลว่านางจะก่อปัญหา
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะแล้วหยิบไก่ฟ้ากับกระต่ายขึ้นมาเตรียมตัวเดินไป ทว่าหยางชุ่ยยังไม่ยอมแพ้ นางปลุกคนทั้งหมู่บ้านมา เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยคำด่าทอของหยางชุ่ยแล้ว พวกชาวบ้านก็พากันชี้นิ้วใส่นาง
เมื่อต้องถูกผู้คนรุมชี้หน้าและครหาใส่ หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วในขณะที่หยางชุ่ยเสแสร้งเป็นผู้เสียหาย ว่ากล่าวหนิงเมิ่งเหยาเช่นนั้นเช่นนี้
เมื่อได้ยินใครสักคนเรียกนางเป็นหญิงช่างยั่ว ใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาบึ้งตึง “เจ้าหาว่าข้ายั่วเขา อันดับแรก ต่อให้ข้าทำจริง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน ทั้งข้าและเขาต่างเป็นคนโสด หญิงยังไม่แต่งงานมีความรู้สึกให้เขา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าเป็นภรรยาหรือคู่หมั้นของเขางั้นหรือ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของผู้อื่น”
ปกตินางคงไม่พูดเช่นนี้ แต่นางเลือกจะพูดเพื่อยั่วโมโหหยางชุ่ย
ฟังจากที่เฉียวเทียนช่างกล่าว นางพอเข้าใจว่าเขาไม่มีความรู้สึกอะไรต่อหญิงผู้นี้ ทุกอย่างล้วนเป็นอีกฝ่ายคิดไปเอง
พอมาเห็นหนิงเมิ่งเหยาดูเป็นคนอ่อนโยนนุ่มนวล นางก็คิดว่าจะรังแกได้ง่ายๆ และคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาคงไม่พูดอะไร ใครจะทันคิดว่าหญิงสาวจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ และก็ไม่มีใครแย้งที่นางพูดได้เลย
ในสายตาคนอื่นๆ เฉียวเทียนช่างกับหนิงเมิ่งเหยาเป็นเด็กกำพร้า ถ้าทั้งสองจะคบหากันย่อมไม่มีอะไรผิด
หนิงเมิ่งเหยาหน้าตาสะสวย ส่วนเฉียวเทียนช่างก็มากฝีมือ ไม่ต้องห่วงองค์ประกอบด้านอื่นๆ อย่างไรทั้งสองก็นับว่าสมกันยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่เคยได้ยินว่าเฉียวเทียนช่างกับหยางชุ่ยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน เฉียวเทียนช่างมักอยู่สันโดษทำเรื่องของตัวเอง และไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษกับในหมู่บ้าน ซึ่งรวมถึงเพื่อนบ้านของเขาอย่างหยางชุ่ยและตระกูลของนาง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่หยางชุ่ยน้ำตารื้นตัดพ้ออยู่ก่อนหน้านี้ ก็มีแต่ย้อนกลับมาตบหน้าตัวเองนาง
ในตอนนี้ เฉียวเทียนช่างโดดเด่นจากคนอื่น สายตาเขาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง ปราศจากซึ่งอารมณ์ใดๆ “หยางชุ่ย เจ้าลืมที่ข้าบอกไปแล้วรึ ข้าไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้า เจ้าอย่าได้ปีนข้ามกำแพงเข้ามาในบ้านข้าอีก”
คำพูดของเฉียวเทียนช่างทำให้ฝูงชนฮือฮา พวกเขาพากันมองหยางชุ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ นางเป็นผู้หญิงแต่กลับปีนข้ามกำแพงเข้าไปในบ้านผู้ชาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรล้วนไม่เหมาะสม แต่นางกลับมาป้ายสีคนอื่นเป็นคนต่ำช้า
“แม่นางหยาง ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าซื้อเหยื่อที่ล่าจากป่าผิดกฎหมายอะไร และรบกวนเจ้าตรงไหน เจ้าชอบเขาก็เป็นเรื่องของเจ้าเอง แต่ลากคนอื่นมาเกี่ยวด้วยส่อถึงปัญหาจากการอบรมสั่งสอน ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตแต่งงานที่ดี เจ้าควรศึกษาคุณงามความดีทั้งสี่ และการอบรมสั่งสอนนะ” สำหรับหนิงเมิ่งเหยา ตัวนางไม่เคยรู้สึกว่าตนเป็นคนดีอย่างคนอื่นเขา แต่นางก็ยังคงควบคุมโทสะไว้แล้วไม่โต้ตอบ
ผู้คนรอบด้านพอได้ยินที่นางพูดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งพอเห็นกระต่ายป่ากับไก่ฟ้าในมือหนิงเมิ่งเหยาด้วยแล้ว
พวกเขารู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง นางซื้อสัตว์ป่ากลับไปกินที่บ้านย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่มาโดนกัดไม่ปล่อยเช่นนี้นับว่าโชคร้าย
เมื่อหันไปเจอผู้คนที่ชี้นิ้วมา หน้าของหยางชุ่ยก็เปลี่ยนเป็นสีเขียนสลับขาว ในที่สุดก็ชี้ไปที่หนิงเมิ่งเหยา และพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ข้ายังไม่จบเรื่องกับเจ้าแน่!”
สายตาหนิงเมิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็งอยู่ครู่หนึ่งขณะมองหยางชุ่ยเบียดผู้คนวิ่งกลับบ้านไป อย่ามาทำให้นางโกรธจะดีกว่า หาไม่แล้วอย่ามาโทษเชียวว่านางไม่ยอมอ่อนข้อให้
บทที่ 38 ความคิดเล็กๆ ของหยางชุ่ย
หยางชุ่ยเดินจากไป ฝูงชนก็ค่อยๆ สลายตัวไปเพราะไม่มีเรื่องสนุกให้พวกเขาดูแล้ว เฉียวเทียนช่างก้มศีรษะลงกล่าวขอโทษหนิงเมิ่งเหยา “ข้าต้องขออภัยสำหรับเรื่องวันนี้ด้วย”
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน” หนิงเมิ่งเหยาหยิบข้าวของขึ้นแล้วจากไป
สีหน้าอบอุ่นของเฉียวเทียนช่างเปลี่ยนไปทันทีที่หนิงเมิ่งเหยาออกไป เขาหันไปพินิจมองบ้านที่ตนซื้อแล้วสงสัยว่าตนจะตัดสินใจผิด
ถ้าเขารู้ล่วงหน้า ก็คงจะไม่ซื้อบ้านเพียงเพื่อใช้งาน เขาน่าจะสร้างใหม่ทั้งหลังเสียเลย
เมื่อหยางชุ่ยกลับถึงบ้าน นางทุบทำลายข้าวของในห้อง ยังดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน หาไม่แล้วนางคงจะก่อปัญหาให้ตัวเองอีก
“นางคนนอกสารเลว! นางกล้ามาแย่งผู้ชายกับข้า!” หยางชุ่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าเริ่มแปรเป็นถมึงทึง แตกต่างจากยามนางอยู่ต่อหน้าเฉียวเทียนช่างโดยสิ้นเชิง
ตั้งแต่วันแรกที่เฉียวเทียนช่างมาถึงที่นี่ นางสนใจเขามาตลอด แม้เขาจะไม่ได้ดูมีเงินทองมากมาย แต่นางรู้ดีจากการเป็นเพื่อนบ้านของเขา ทุกวันเขาจะจับเหยื่อได้มากมายแล้วนำไปขายในเมือง วันหนึ่งเขาหาเงินได้เจ็ดถึงแปดตำลึงเงิน สำหรับชาวบ้านแล้วนับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ และเขายังรูปงาม ทำให้นางยิ่งสนใจมากขึ้น
นางขออนุญาตบุพการีก่อนจะทดสอบความรู้สึกของชายผู้นั้น แต่เขาปฏิเสธนางทันที ทำให้นางเดือดดาลยิ่งนัก แต่กระนั้นนางก็ยังอดหลงใหลเขามิได้ ยิ่งพอรู้ว่าเขาไม่มีทีท่าสนใจหญิงคนใดทั้งนั้นด้วยแล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้พลิกสิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับเฉียวเทียนช่างกลับตาลปัตร นางหลงคิดว่าเฉียวเทียนช่างวางตัวกับสตรีเหมือนกันหมด บัดนี้นางทราบแล้วว่าตนเข้าใจผิด
แม้จะมีความต่างเพียงนิดเดียว แต่นางก็ยังสัมผัสได้ เมื่อเห็นหญิงผู้นั้น สายตาเฉียวเทียนช่างนั้นอบอุ่นนัก และปากเขาปรากฏรอยยิ้มบางๆ สายตาที่เขาใช้มองหญิงสาวผู้นั้นมีความเอาอกเอาใจ ตัวนางไม่เคยกล้าคาดหวังสิ่งเหล่านั้นมาก่อน แต่บัดนี้กลับมีคนนอกมาขโมยไปเสียอย่างนั้น จะให้นางปล่อยไว้เช่นนี้ได้อย่างไรกัน ไม่ว่าหญิงผู้นั้นจะพูดอะไร นางก็ไม่ขอยอมรับ
เดิมนางคิดว่าถ้านางทำตัวดี เฉียวเทียนช่างก็จะเป็นของนาง แต่นางไม่คิดว่าตนจะถูกเขารังเกียจแทน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดหนิงเมิ่งเหยา
ลองไตร่ตรองดู หยางชุ่ยก็รู้สึกว่านางกระทำไม่เหมาะสม เมื่อคิดดูในตอนนี้ จังหวะที่เฉียวเทียนช่างกลับมาเจอนางอยู่ในบ้านเขา สีหน้าเขาดูย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนั้นนางไม่ยอมมองเห็นเอง
เมื่อคิดย้อนไป สีหน้าเขาตอนนั้นน่ากลัวยิ่งนัก
ด้านหนึ่ง หยางชุ่ยคิดว่าการกระทำของตนไม่เหมาะสม แต่อีกด้านหนึ่ง นางรู้สึกว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นคนทำลายโอกาสของนาง ถ้าหนิงเมิ่งเหยาไม่โผล่หน้ามาจากไหนไม่รู้ นางคงทำสำเร็จไปแล้ว
หลังจากคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก หยางชุ่ยกลายเป็นเกลียดหนิงเมิ่งเหยาทั้งใจ
แต่นางไม่ได้คิดหาทางจัดการกับหนิงเมิ่งเหยา นางคิดหาหนทางให้เฉียวเทียนช่างเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อนางใหม่แทน
ยามบ่ายมาถึง หยางชุ่ยเดินไปที่ทางเข้าบ้านของเฉียวเทียนช่างแล้วเคาะประตู
ครั้งได้เห็นเฉียวเทียนช่างยืนท่าทางเย็นชาอยู่ตรงนั้น หยางชุ่ยเอ่ยอย่างอับอาย “พี่ใหญ่เฉียว ข้าเสียใจกับเรื่องก่อนหน้านี้ ข้าผิดไปแล้ว อย่าโกรธข้าเลยนะ” ท่าทีน่ารักไร้เดียงสาของนางมักทำให้คนอื่นมองนางในแง่ดีอย่างง่ายดาย
แต่แน่นอนว่าเฉียวเทียนช่างไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้น “เจ้ามาที่นี่เพื่อพูดเพียงเท่านี้หรือ”
ตอนหยางชุ่ยเดินมา นางคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ เช่นว่าเฉียวเทียนช่างอาจให้นางเข้าไปในบ้านเขา หรือเขาบอกนางว่าไม่เป็นอะไร หรือความเป็นไปได้อื่นๆ อีก แต่นางไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะเย็นชาปานนี้ คำพูดเขาทิ้งให้นางไม่รู้จะทำเช่นไรต่อดี
ดวงตาหยางชุ่ยแดงก่ำขณะมองเฉียวเทียนช่าง น้ำตาไหลรินเป็นสาย เห็นแล้วเฉียวเทียนช่างยิ่งนึกเหยียดหยามนาง ก่อนหยางชุ่ยจะทันเปิดปาก เฉียวเทียนช่างก็ปิดประตู และพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าอยากจะร้องไห้ กลับไปร้องไห้ที่บ้านเสีย”
หยางชุ่ยผู้ซึ่งแกล้งร้องไห้ในทีแรก ได้ยินประโยคนั้นแล้วต้องหลั่งน้ำตาออกมาจริง น้ำตานางไหลอาบลงใบหน้า แต่เฉียวเทียนช่างไม่ได้เห็นแล้ว