ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 413 เสียงดังเอะอะ + บทที่ 414 เริ่มต้นปีใหม่ด้วยกัน
บทที่ 413 เสียงดังเอะอะ
เดิมที ท่านยายฉินตั้งใจว่าวันนี้นางจะเป็นคนทำอาหาร แต่เมื่อเห็นคู่สามีภรรยาตรงหน้า นางก็ค่อยๆ เดินออกไปอย่างเงียบๆ เพราะรู้สึกเหมือนตนเองนั้นเป็นส่วนเกิน
แม้ว่านายน้อยและคุณหนูเพียงแค่ทำอาหารและหั่นผักด้วยกันธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้างนั้นอบอวลไปด้วยหัวใจสีชมพู
เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่ายายฉินเดินออกไป เขาจึงรู้สึกขบขัน และเอ่ยถามอีกฝ่าย “เจ้าพอใจแล้วใช่ไหม”
“แน่นอน ข้าพอใจมาก” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะคิกคักพลางพยักหน้า
ท่านยายฉินมักจะจ้องมองหญิงสาวโดยไม่ละสายตา หากว่านางขยับตัวหรือทำอะไรเยอะเกินไป ท่านยายฉินก็จะมองราวกับว่านางได้ทำสิ่งชั่วร้ายลงไป
เมื่อท่านยายฉินไม่อยู่ หนิงเมิ่งเหยาก็สามารถทำอะไรได้อย่างสบายใจ พวกเขาเตรียมอาหารหลายอย่าง
เมื่อทำอาหารเสร็จ อวี้เฟิงและคนอื่นๆ รวมถึงเซียวฉีเทียนก็เดินทางมาถึงพอดี
“เจ้ามิได้ไปฉลองวันปีใหม่ที่วังหลวงกับชวี่เฟิงหรอกหรือ”
“ไม่หรอก น่าเบื่อจะตาย” เซียวฉีเทียนทำหน้ามุ่ย
ในช่วงปีใหม่บรรดาหญิงสาวจะแต่งตัวกันอย่างงดงาม เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็รู้สึกเบื่อหน่าย
“ถ้าเช่นนั้น ก็ชวนชวี่เฟิงมาร่วมทานอาหารกับพวกเราด้วยสิ” เฉียวเทียนช่างคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอกให้เซียวฉีเทียนชวนผู้เป็นฮ่องเต้มาที่นี่
ตอนนี้มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก หากเซียวชวี่เฟิงมาร่วมด้วยมันคงจะยิ่งมีสีสันมากขึ้น มันช่วยให้เขาไม่ต้องพบเจอกับเหล่าหญิงสาวในวังหลวง
เซียวฉีเทียนผงกศีรษะ ก่อนจะส่งคนไปเชิญเซียวชวี่เฟิงมาที่นี่ จากนั้นเขาจึงพูดคุยกับอวี้เฟิงและคนอื่นๆ ต่อ
เวลาผ่านไปสองก้านธูป เซียวชวี่เฟิงก็เดินทางมาถึงจวนแม่ทัพด้วยชุดคลุมยาวที่ดูเรียบง่าย
เขาอดไม่ได้ที่จะมองเซียวฉีเทียน “เจ้าอยู่ที่นี่เอง” เขาไม่เข้าวังหลวงในวันนี้ เพราะเช่นนี้นี่เอง
เซียวฉีเทียนหน้ามุ่ยก่อนพูดพึมพำอย่างไม่พอใจ “อยู่ในวังหลวงแล้วจะสนุกอะไรเล่า ผู้หญิงพวกนั้นน่ารำคาญจะตาย”
“เอาเถอะ อย่าพูดถึงมันเลย” เซียวชวี่เฟิงไม่อยากให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องนี้
เซียวชวี่เฟิงตามใจและยอมน้องชายคนนี้อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน ทำให้เซียวฉีเทียนยังไม่มีชายา หรือแม้แต่สนมเลยสักคน
เมื่อเซียวชวี่เฟิงมาถึง จานอาหารต่างๆ ก็ถูกยกมาวางไว้บนโต๊ะ
เมื่อผู้เป็นฮ่องเต้ได้กลิ่นหอมน่ารับประทาน เขาก็เหลือบมองเซียวฉีเทียนในทันที “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่บ่อยนัก”
เซียวฉีเทียนนึกเคืองในทันที “ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร ท่านจะบอกว่าข้าเป็นคนเห็นแก่กินหรือ”
เซียวชวี่เฟิงเลิกคิ้วมองเขา ‘คำพูดของเขายังไม่ชัดเจนพออีกหรือ’
“เอาเถอะ พวกเจ้าไม่อยากทานอาหารกันหรืออย่างไร” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว แต่นางก็ได้เห็นพี่น้องราชวงศ์นี้ในมุมมองใหม่
ทุกคนเริ่มทานอาหารและดื่มเหล้าที่หนิงเมิ่งเหยาเป็นคนกลั่นกันอย่างเพลิดเพลิน พวกเขาทานอาหารมื้อนี้ไปจนถึงเวลาเที่ยงวัน
เซียวชวี่เฟิงไม่รีบกลับวังนัก เขาจึงนั่งอยู่ในบ้านและพูดคุยกับเฉียวเทียนช่าง
“นั่งคุยกันอย่างนี้มันน่าเบื่อ เรามาเล่นไพ่กันดีกว่า” จู่ๆ อวี้เฟิงก็ตะโกนขึ้น นั่นก็เพราะเขาไม่สนใจในสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน
อวี้เฟิงหยิบสำรับไพ่ทำมือออกมา ก่อนจะอธิบายวิธีการเล่นไพ่ให้ทุกคนฟัง
“เข้าใจไหม”
เซียวฉีเทียนผงกศีรษะอย่างกระตือรือร้น “เข้าใจแล้ว ฟังดูน่าสนุก รีบเล่นกันเถอะ”
“มาลองเล่นกัน พวกเราจะพนันด้วยเงินหลังจากที่เล่นกันคล่องแล้ว” มิใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงิน แต่มันเป็นเพียงการสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นเท่านั้น
เซียวฉีเทียนพยักหน้า ‘นี่ดีมากทีเดียว’
เซียวชวี่เฟิงรู้สึกว่าการเล่นไพ่นั้นน่าสนใจไม่น้อย เขาจึงเข้ามาเล่นด้วย
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าพวกเขากำลังเล่นไพ่กัน ก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หญิงสาวประดิษฐ์ไพ่ในตอนที่มีเวลาว่างและไม่มีอะไรทำ แต่นางไม่คิดเลยว่าเขาจะนำมันติดตัวไปด้วยทุกที่เช่นนี้
หญิงสาวนั่งข้างๆ เฉียวเทียนช่างและมองดูพวกเขาเล่นไพ่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซือถูเซวียนและคนอื่นๆ ก็ไปหยิบไพ่จากอวี้เฟิงมาสองสำรับและนั่งเล่นอยู่ข้างๆ อย่างไม่อาจห้ามใจได้ แม้แต่หนานกงเยี่ยนเองก็ยับยั้งใจไม่ไหวเช่นกัน เขาจึงเข้ามาร่วมวงเล่นด้วยอีกคน
หนิงเมิ่งเหยานั่งฟังบทสนทนาของคนกลุ่มนี้ ก่อนจะพิงพนักเก้าอี้และผล็อยหลับไปในเวลาไม่นานนัก
“เทียนช่าง” อวี้เฟิงที่นั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มชี้มาทางเขา เฉียวเทียนช่างหันมองตาม และเห็นว่าภรรยากำลังพิงเก้าอี้และหลับอยู่
ชายหนุ่มวางไพ่ในมือลงก่อนอุ้มหญิงสาวเข้าห้องนอน “ที่นี่เสียงดังเอะอะ แต่นางก็ยังคงหลับได้ จริงๆ เลยเชียว”
เฉียวเทียนช่างไม่ได้สนใจอะไรมาก ดีแล้วที่หนิงเมิ่งเหยานอนหลับสบายเช่นนี้
บทที่ 414 เริ่มต้นปีใหม่ด้วยกัน
เมื่อเฉียวเทียนช่างกลับมา ก็พบว่าที่นั่งของเขาถูกผู้อื่นแย่งชิงไปแล้ว แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะนั่งข้างๆ และมองดูพวกเขาเล่นไพ่กัน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงเอนกายอ่านหนังสือที่หนิงเมิ่งเหยาฝากคนอื่นซื้อมาให้แทน
มันคือความเงียบสงบท่ามกลางเสียงดังวุ่นวายของคนกลุ่มนั้น
“ทำไมข้าถึงแพ้อีกแล้ว” เซียวฉีเทียนมองไพ่จำนวนมากในมือ
“เจ้าดวงซวยน่ะสิ” อวี้เฟิงรู้สึกขบขัน
เซียวฉีเทียนเย้ยหยัน “เจ้าก็เหมือนกันนั่นแหละ ยังกล้ามาว่าข้าอีกหรือ”
อวี้เฟิงสำลัก บนโต๊ะนี้ พวกเขาทั้งสองคือผู้ที่แพ้บ่อยที่สุด ส่วนคนที่ชนะมากที่สุดคือเซียวชวี่เฟิง
ผู้เป็นฮ่องเต้มองชายทั้งสองทะเลาะกันก่อนอมยิ้ม รอยยิ้มครั้งนี้แตกต่างจากรอยยิ้มปกติของเขา เพราะมันดูจริงใจกว่าทุกครั้ง
“เทียนช่าง มาช่วยข้าหน่อย” เซียวฉีเทียนรีบขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการให้ข้าช่วยจริงๆ หรือ”
“จริงสิ หากเจ้าช่วย เราต้องชนะพวกเขาแน่” เซียวฉีเทียนโกรธมาก เพราะไพ่ในมือของเขาไม่ดีเลยสักตา ‘มันคงแปลก หากเขาสามารถชนะได้ด้วยไพ่ห่วยแตกพวกนั้น”
เฉียวเทียนช่างวางหนังสือลง ก่อนเดินไปนั่งตรงที่ของเซียวฉีเทียน
เพียงไม่กี่ตาต่อมา เขาก็ชนะ และเอาเงินที่เซียวฉีเทียนเสียไปกลับคืนมาได้ครบจำนวน
เซียวฉีเทียนมองใบหน้าเคร่งขรึมของอวี้เฟิง ก่อนจะพูดจาโอ้อวดและหัวเราะเยาะ
“ตอนนี้ ข้าไม่ใช่คนที่แพ้บ่อยที่สุดแล้วใช่หรือไม่”
“หากเจ้าเก่งจริง ก็อย่าให้เทียนช่างช่วยสิ” อวี้เฟิงกัดฟันกรอด
เซียวฉีเทียนเย้ยหยัน “ข้าว่าเจ้าเป็นคนขี้อิจฉาจริงๆ”
หลังจากอวี้เฟิงจ้องอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ตั้งอกตั้งใจยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงพ่ายแพ้อยู่ดี
แม้ว่าจำนวนเงินจะไม่ได้มากมาย แต่เขาก็รู้สึกปวดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นเซียวฉีเทียน
มู่เฉินมองเฉียวเทียนช่าง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเทียนช่างจะเล่นไพ่เก่งขนาดนี้”
เฉียวเทียนช่างยิ้มโดยมิได้ตอบอะไร เซียวฉีเทียนรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนเองเป็นคนเรียกเขาเข้ามา
คนกลุ่มนี้ยังคงเล่นไพ่กันต่อจนค่ำ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทุกคนต่างคิดว่านี่คือวันปีใหม่ และพวกเขาก็ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นจึงเล่นไพ่ด้วยกันต่อ
หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นมาตอนที่ท้องฟ้ามืดลง เมื่อนางเดินมาถึงห้องโถง นางก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกโครมจนบ้านทั้งหลังแทบจะถล่มลงมา
หญิงสาวเริ่มหงุดหงิดใจ ‘คนพวกนี้ยังเล่นสนุกกันไม่พออีกหรือ’
เมื่อนางเข้าไป ก็เห็นว่าเซียวฉีเทียนและอวี้เฟิงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่” หนิงเมิ่งเหยาลูบหน้าผากก่อนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“เมิ่งเหยา เจ้าตื่นแล้วหรือ มานี่เร็ว ข้าจะแบ่งเงินให้เจ้า” เซียวฉีเทียนถือเงินฟ่อนใหญ่ขณะหัวเราะอย่างร่าเริง
เมื่ออวี้เฟิงเห็นอีกฝ่ายพูดโอ้อวด ก็รู้สึกเจ็บปวด ทั้งหมดนั้นคือเงินที่เขาสูญเสียไป
หากเซียวฉีเทียนชนะได้ด้วยตัวเองก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่เป็นเพราะเฉียวเทียนช่างชนะต่างหาก ส่วนเขาเพียงนั่งดูข้างๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมาพูดจาโอ้อวด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อวี้เฟิงก็รู้สึกหดหู่ใจ
“หากเจ้าแน่จริง ก็เอาชนะด้วยความสามารถของตัวเองสิ” อวี้เฟิงกัดฟันกรอด
เซียวฉีเทียนมองอวี้เฟิงอย่างภูมิใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าอิจฉา”
หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาอย่างแปลกใจ “พวกเจ้าเป็นอะไรกัน” แล้วพวกเขาก็หยุดโต้เถียงกันทันที
มู่เสวี่ยและคนอื่นๆ รีบบอกหนิงเมิ่งเหยาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากฟังจบหญิงสาวก็เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าทันที ช่างน่าสนใจนัก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เขยจึงโมโหเช่นนี้
“มานี่สิ เมิ่งเหยา นี่คือเงินของเจ้า” เซียวฉีเทียนใจดี มอบเงินครึ่งหนึ่งกับหนิงเมิ่งเหยา
หญิงสาวนิ่งและอึ้งไป ก่อนจะรับเงินมาประมาณหนึ่งพันตำลึงเงิน
อวี้เฟิงรู้สึกไม่พอใจขณะมองความร้ายกาจของเซียวฉีเทียน
“มาเล่นกันต่อ ครั้งนี้ ข้าจะไม่ให้เฉียวเทียนช่างมาช่วยเจ้าแล้ว”
“ไม่ช่วยก็ไม่ช่วยสิ” เขาไม่สนใจเงินเล็กๆ น้อยๆ นี้เหมือนกัน ใครจะต้องเกรงกลัวใครกันแน่
เฉียวเทียนช่างมองทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันอย่างดุเดือด ก่อนจะหยุดเล่น แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อสละที่นั่งให้คนอื่น
“พวกเจ้าเล่นกันต่อเถอะ ข้าไม่เล่นแล้ว” เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะหลังจากที่เล่นมาเป็นเวลานาน
หนิงเมิ่งเหยาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มขมวดคิ้วและลูบหน้าผากเบาๆ จึงเข้าใจได้ทันทีว่าเขาคงจะรำคาญเสียงที่คนพวกนั้นทะเลาะกัน
หญิงสาวเดินไปข้างๆ ก่อนจะประคองให้ชายหนุ่มนั่งพัก แล้วบรรจงนวดขมับให้เขา
เดิมที เฉียวเทียนช่างไม่ต้องการให้นางทำเช่นนี้ให้ เขาคิดอยู่เสมอว่านางกำลังตั้งครรภ์ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะตัดสินใจแล้ว และไม่ยอมวางมือ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้นางนวดต่อไป