ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 453 ถวายบังคมฝ่าบาท + บทที่ 454 มันก็แค่ของปลอม
บทที่ 453 ถวายบังคมฝ่าบาท
หลิงหลัวมองหนิงเมิ่งเหยาจากไปอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าสงบและมีความสบายใจปรากฏอยู่บนใบหน้า บางทีเป็นเช่นนี้อาจจะดีก็ได้ พอได้เห็นว่านางสบายดี เขาก็โล่งใจ
ด้านวังหลวงนั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด
มีเสนาบดีถูกสังหารไปแล้วหลายคน คนที่ตายล้วนเป็นคนที่โลเล ส่วนฝ่ายของเซียวชวี่เฟิงนั้น ทุกคนยังคงปลอดภัยดี
นั่นอาจจะเป็นข่าวที่ทำให้เซียวชวี่เฟิงสบายใจที่สุด
เฉียวเทียนช่างนั่งอยู่ตรงมุมห้องและเฝ้ามองหลิงอ๋องที่ยังคงทำตัวเหิมเกริมอยู่ ภายในใจของเขารู้สึกร้อนรุ่ม เจ้านี่ยังพูดไม่จบอีกหรือ
“หลังก่อความวุ่นวายมานานถึงเพียงนี้ องค์ชายหนานกงไม่คิดจะปรากฏตัวออกมาสักหน่อยหรือ” เฉียวเทียนช่างโพล่งขึ้น หลิงอ๋องมองตรงมายังต้นเสียงตามสัญชาตญาณ สายตาของเขาหยุดลงที่ชุดเกราะสีดำของเฉียวเทียนช่าง ขนในร่างของเขาลุกซู่ ความกระวนกระวายปรากฏขึ้นบนใบหน้า
คนที่หลิงอ๋องเกลียดชังที่สุดคือเฉียวเทียนช่าง “แม่ทัพเฉียว เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อยู่หรือ ตอนนี้เจ้ามันก็แค่นักโทษคนหนึ่งเท่านั้น”
เฉียวเทียนช่างเกลียดคนที่พูดกับเขาเช่นนั้น เขาค่อยๆ ยืนขึ้น ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ถูกพิษ
“เจ้า… เจ้ายังอยู่ดีได้อย่างไร” หลิงอ๋องแปลกใจเมื่อพบว่าเฉียวเทียนช่างยังสามารถลุกขึ้นยืนได้
“เจ้าไม่เชื่อข้าเองตอนที่ข้าบอกว่าเจ้ามันโง่ เจ้าไม่รู้หรือว่ามีหมอเทวดาอยู่ในจวนแม่ทัพ ในเมื่อมีหมอเทวดา แน่นอนว่าย่อมมียาแก้พิษ” จู่ๆ เฉียวเทียนช่างก็อารมณ์ดีขึ้นมา มองรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเพียงปราดเดียวทุกคนต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าของหลิงอ๋องเปลี่ยนไป ถ้าเฉียวเทียนช่างสบายดี ”เช่นนั้น…”
เขาหันกลับไปในทันที และเห็นเซียวชวี่เฟิงที่ยืนอยู่บนบัลลังก์ของตน ไม่มีทีท่าว่าเขาจะได้รับพิษแต่อย่างใด
“องค์ชายหนานกง หรือว่าท่านอยากให้ข้าเชิญท่านออกมาเอง” เฉียวเทียนช่างเยียดยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นพลางมองข้ารับใช้ร่างเล็กข้างกายของหลิงอ๋อง
หนานกงเยว่ที่แปลงโฉมกลับถูกเปิดโปงตัวจริงออกมา เขาจึงพยายามหลบหนีอย่างรวดเร็ว
แต่เฉียวเทียนช่างไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาก้าวเข้าไปขวางประตูที่หนานกงเยว่กำลังมุ่งหน้าไป
“เฉียวเทียนช่าง หลบไป” หนานกงเยว่พุ่งเข้าจู่โจม เล็งตรงไปยังจุดตายของเฉียวเทียนช่าง
“ข้านับถือความกล้าของเจ้านัก ส่วนเรื่องที่ช่วยหาข้ออ้างเพื่อให้พวกเราส่งกองทัพออกไปรบกับเมืองหลิงนั้น ข้าต้องขอบใจเจ้าด้วย” เฉียวเทียนช่างต่อสู้กับหนานกงเยว่ขณะกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตอนหนานกงเยว่ถูกจับไว้กับพวกเสนาบดี แน่นอนว่าเขาคิดจะหนีจากที่นี่ไปเสีย เขาเอาแต่ง่วนอยู่กับการหาโอกาสหนี แต่ใครจะรู้เล่าว่าเฉียวเทียนช่างจะหาเขาเจอเสียก่อน
เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเหตุใดการปลอมตัวอันสมบูรณ์แบบของตนจึงถูกคนอื่นมองออกง่ายดายถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ก็หนิงเมิ่งเหยา แล้วมาตอนนี้ยังเป็นเฉียวเทียนช่างอีก เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาถูกลิขิตให้ต้องพลาดท่าในมือของสองสามีภรรยาคู่นี้
หลิงอ๋องมองขุนนางฝ่ายพลเรือนที่อยู่ฝั่งฮ่องเต้ ทุกคนต่างลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาพลันซีดเผือด เขารู้สึกโกรธแค้นเฉียวเทียนช่างมากยิ่งขึ้น
“เซียวชวี่เฟิง เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วหรือ อย่าฝันไปหน่อยเลย” ขณะพูดนั้น เขาก็เอาราชโองการลับและพลุสัญญาณออกมา
ก่อนที่ผู้ใดจะทันได้ตอบโต้ หลิงอ๋องก็ยิงพลุขึ้นก่อนยืนคอยอยู่ตรงนั้น ตราบใดที่เขามีราชโองการลับอยู่ในมือ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไรแน่ เขายังสามารถชนะได้อยู่
เซียวชวี่เฟิงได้ยินคำพูดของหลิงอ๋อง เขามองราชโองการในมือของอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าใบหน้าของตนกำลังกระตุก บางทีคนผู้นี้อาจจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อกบฏ แต่มาแสดงความโง่ของตนต่างหาก
“ฝันไปอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็รอดูแล้วกัน” เซียวชวี่เฟิงมองหลิงอ๋องด้วยรอยยิ้ม บนใบหน้า เขาไม่มีความตื่นตระหนกเลย ราวกับว่าเขาไม่กังวลเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้แม้แต่น้อย
หนานกงเยว่พลาดท่าให้กับเฉียวเทียนช่างในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน
หนานกงเยว่คิดมาตลอดว่าฝีมือของตนเหนือกว่าเฉียวเทียนช่าง แต่บัดนี้เขากลับรู้แล้วว่าระหว่างฝีมือของเขากับเฉียวเทียนช่างนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่คั่นอยู่
เฉียวเทียนช่างใช้ผ้าจากชุดที่หนานกงเยว่สวมจับเขามัดลงกับพื้น “เมื่อครู่เขายิงพลุสัญญาณหรือ”
“ใช่ พวกมันน่าจะมาถึงในเร็วๆ นี้” เซียวชวี่เฟิงหรี่ตา ในดวงตาของเขามีความตื่นเต้นและความคาดหวังอยู่
เป็นจริงดังว่า หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงควบม้าตะบึงเข้ามา ทหารในชุดเกราะเต็มตัวก้าวเข้ามาด้านใน หากมือสังหารหนิงเมิ่งเหยาอยู่ที่นี่และเห็นภาพนี้ พวกเขาจะต้องตกใจจนตาเหลือกแน่ๆ
“ถวายบังคมฝ่าบาท”
บทที่ 454 มันก็แค่ของปลอม
หลิงอ๋องรู้จักชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาคุ้นเคยกับคนผู้นี้เป็นอย่างดี พวกเขาเคยพบกันมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้
“หมายความว่าอย่างไร” ก่อนหน้านี้คนผู้นี้ก็เคยทักทายเขาด้วยคำพูดเดียวกันนี้ แต่บัดนี้คนผู้นี้กลับไม่ได้มองเขา ทว่ามองไปยังเซียวชวี่เฟิงแทน
คนผู้นี้ดูจริงใจยิ่งกว่าตอนพูดกับเขาเสียอีก ท่าทีที่ต่างกันเช่นนี้ทำเอาหลิงอ๋องสังหรณ์ใจไม่ดี
เซียวชวี่เฟิงมองหลิงอ๋องที่ทำท่าเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มุมปากของเขามีรอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นมา “หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ ก็หมายความว่าเขา… อยู่ข้างข้า”
“เป็นไปไม่ได้” หลิงอ๋องโต้กลับโดยไม่ทันคิด เขาไปพบคนผู้นี้ด้วยตัวเอง แล้วเขาจะไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเซียวชวี่เฟิงได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น ราชโองการลับก็อยู่ในมือเขา คนกลุ่มนี้จะยอมทำตามคำสั่งของผู้ที่ถือครองราชโองการลับเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เซียวชวี่เฟิงไม่มีมันมาตั้งแต่แรก แล้วคนพวกนี้จะเกี่ยวข้องกับเซียวชวี่เฟิงได้เช่นไร
เมื่อเห็นว่าหลิงอ๋องไม่เชื่อเซียวชวี่เฟิงก็ไม่ได้อธิบายอะไร “กำจัดกบฏทั้งหมดให้สิ้นซาก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
คนที่เพิ่งมาถึงรีบก้าวออกไปในทันที พลันพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านนอก
หลิงอ๋องคุ้นเคยกับเสียงนั้น นั่นเป็นเสียงคนของเขาเอง
กลิ่นเลือดฉุนๆ ค่อยๆ ลอยเข้ามาภายในวัง สีหน้าของหลิงอ๋องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การตายของคนเพียงหนึ่งหรือสองคนไม่อาจทำให้เกิดกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลขนาดนี้ขึ้นมาได้
เขาหันหลังวิ่งออกไปด้านนอก และเห็นว่าคนของตนถูกสังหารไปจนหมด ซ้ำร้ายยังถูกสังหารด้วยวิธีการอันโหดร้ายทารุณอีกด้วย
เพราะพวกเขาก่อกบฏ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ
หลิงอ๋องหายใจเข้าปอดลึกๆ เขามองร่างที่ถูกชโลมไปด้วยเลือดขององครักษ์ที่นอนอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยว
“จบกัน…. ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว” หลิงอ๋องมองคนพวกนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า
เขาวางแผนมานานแสนนาน แต่ตอนนี้แผนของเขากลับถูกทำลายด้วยฝีมือของเซียวชวี่เฟิง
หลิงอ๋องไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาหันหน้าไปมองเซียวชวี่เฟิง ก่อนเอ่ยถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “เจ้าทำได้อย่างไร”
เซียวชวี่เฟิงเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม “เจ้าไม่เคยสงสัยว่าราชโองการลับในมือเจ้าเป็นของปลอมเลยหรือ”
ดวงตาของหลิงอ๋องค่อยๆ เบิกขึ้นเพราะคำพูดของเซียวชวี่เฟิง เขาตั้งสติไม่ทัน จึงเอ่ยถามขึ้นอีกว่า “เจ้า.. ว่าอะไรนะ”
“ป้ายในมือเจ้าเป็นของปลอม ของจริงอยู่นี่ต่างหาก” ขณะที่พูด เขาก็หยิบป้ายสีดำธรรมดาๆ ขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้ ของเจ้าต่างหากที่เป็นของปลอม ราชโองการลับที่อยู่กับข้านั้นเป็นอันที่เซียวจื่อเซวียนเอามาจากจวนของเซียวอ๋อง มันจะเป็นของปลอมไปได้อย่างไรกัน” หลิงอ๋องยังคงไม่เชื่อว่าราชโองการลับอันเป็นหนทางรอดชีวิตของตนนั้นจะเป็นของปลอมจริงๆ
เซียวชวี่เฟิงยิ้มอย่างดูถูก “ในเมื่อข้ารู้ว่าจวนตระกูลหลิงนั้นทะเยอทะยานเพียงใด ข้าจะปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไรกันล่ะ แต่ข้าจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง ข้าขอบใจเจ้าจริงๆ ที่ช่วยข้าหากองทัพนี้จนเจอ”
พวกเขาทำเพียงสะกดรอยตามหลิงอ๋องไปและได้พบกับกองทัพ เป็นเรื่องง่ายๆ เช่นนั้น
“เจ้า… อั่ก” หลิงอ๋องหัวเสียกับคำพูดของเซียวชวี่เฟิงจนกระอักเลือด
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะเป็นคนจัดทัพให้เซียวชวี่เฟิงกับพรรคพวกเองกับมือ แต่ตัวเขากลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่างเดียว
เซียวชวี่เฟิงมองสีหน้าอันไร้อารมณ์ของหลิงอ๋อง ริมฝีปากของเขาหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน “จับเขา สามวันจากนี้ทุกคนในจวนตระกูลหลิงและจวนตระกูลเซียวจะต้องถูกประหาร คนที่เข้าร่วมกับหลิงอ๋องวันนี้จะถูกประหารชีวิตสามชั่วโคตร รุ่นต่อจากนั้นจะถูกเนรเทศไปยังดินแดนอันหนาวเหน็บ”
ขุนนางที่เลือกไปอยู่ข้างหลิงอ๋องต่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อรู้ว่าราชโองการลับในมือของหลิงอ๋องนั้นเป็นของปลอม พวกเขาทรุดลงกับพื้นทันทีเมื่อรู้ว่าพวกตนจะต้องถูกตัดหัว
“ฝ่าบาท ได้โปรดไว้ชีวิตพวกกระหม่อมด้วยเถิด”
ในเวลาสั้นๆ เสียงร่ำร้องขอความเมตตาก็ดังขึ้นระงมทั่วทั้งท้องพระโรง เสียงร้องขอความเมตตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป หากพวกเขารู้ว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ พวกเขาคงไม่มีทางหันไปหาหลิงอ๋องแน่ หลิงอ๋องในตอนนี้ยังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมาปกป้องพวกเขาได้อย่างไร
“เอาตัวพวกมันออกไป” เซียวชวี่เฟิงไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ส่วนคนที่ยังมีความคิดลังเลใจนั้น พวกเขารู้ดีว่าพวกตนคงดีใจได้แค่ตอนนี้ แต่ถ้าหากยังเป็นขุนนางอยู่เช่นนี้ พวกเขาก็จะไม่มีอนาคตอีกต่อไป
สำหรับฮ่องเต้แล้ว การทำตัวเป็นกลางในเวลาที่มีการก่อกบฏถือเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นความเมตตาของเซียวชวี่เฟิงที่ให้พวกเขายังมีชีวิตอยู่