ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 457 พิธีเสกสมรส + บทที่ 458 ผองเพื่อนมาแล้ว
บทที่ 457 พิธีเสกสมรส
วันนี้นอกจากเซียวฉีเทียนจะเชิญคนที่มู่เสวี่ยรักและห่วงใยมาร่วมด้วยแล้ว เขายังเชิญกระทั่งคนจากจวนราชครูแห่งเมืองเฟิงที่ไม่สนิทกับมู่เสวี่ยมาร่วมพิธีด้วยเช่นกัน
มู่เฉินมีความสุขมากเมื่อเห็นว่าน้องสาวของตนได้พบคู่ครองที่เหมาะสมกับตนแล้ว เขาหันหน้าไปมองซือถูเซวียนข้างกาย มุมปากของเขาหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาเองก็มีคู่ครองที่เหมาะสมกับตนอยู่เช่นกัน
ซือถูเซวียนหันมายิ้มให้กับมู่เฉิน
“รอหลังจากเสร็จพิธีนี้แล้ว พวกเราค่อยแต่งงานกันนะ”
“อืม”
เมื่อพิธีการเสร็จสิ้นลง มู่เสวี่ยก็ถูกส่งตัวไปยังห้องหอ หลังจากเซียวฉีเทียนเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ อีกสองสามคนจึงเดินตามนางไป
“เจ้ามีความสุขหรือเปล่า”
“มีความสุขสิ” มู่เสวี่ยพยักหน้าอย่างเขินอาย เพราะการกระทำอันแสนเอาใจใส่ของเซียวฉีเทียน ทำให้มู่เสวี่ยรู้สึกว่าตนไม่ได้เลือกคู่แต่งงานผิดคน
“เจ้าต้องมีความสุขตลอดไปให้ได้นะ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
เซียวฉีเทียนหัวเราะอย่างขมขื่นพลางมองคนรอบข้างที่กำลังดื่มอวยพรให้กับเขา “พวกเจ้าละเว้นข้าสักวันไม่ได้หรือ”
“ไม่มีทางเสียล่ะ เจ้าอยากเข้าไปขนาดนั้นเชียวรึ” อวี้เฟิงเลิกคิ้วขณะกล่าวพร้อมสีหน้าชั่วร้าย
เซียวฉีเทียนพลันรู้สึกว่าวันนี้ตนคงถูกมอมเหล้าจนเมาไม่ได้สติแน่
“เทียนช่าง…” เซียวฉีเทียนหันหน้าไปมองเฉียวเทียนช่าง แต่วันนี้เฉียวเทียนช่างจะช่วยเขาหรือ ใครๆ ก็รู้ว่าในวันแต่งงานของชายผู้นี้ เขาดื่มกันจนทุกคนในงานเมาหลับกันไปข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาคอแข็งมากเพียงใด
“เอาคืนจากที่เจ้าดื่มฉลองให้ข้าในวันแต่งงานยังไงล่ะ ถึงปริมาณมันจะไม่ได้มากขนาดนั้นก็เถอะ” เฉียวเทียนช่างไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ตอนแรกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างรู้สึกเป็นกังวล แต่ใครจะรู้ว่าเฉียวเทียนช่างจะกล่าวเช่นนั้นออกมา
เซียวฉีเทียนมีสีหน้าหดหู่ทันที ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่มีทางดื่มฉลองให้คนผู้นี้แน่ๆ ถ้าจะทำให้เฉียวเทียนช่างเมา เห็นทีว่าเขานี่แหละที่จะเป็นคนเมาไปเสียก่อน
มู่เฉินกับคนที่เหลือยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วหยิบเอากาสุราออกมา
เซียวฉีเทียนกลืนน้ำลาย คนพวกนี้เอาจริงหรือ สุรากานี้เป็นสุราฤทธิ์แรงที่สุดจากโรงกลั่นของหนิงเมิ่งเหยาเชียวนะ เจ้าพวกนี้อยากให้เขาตายหรืออย่างไร
“ไม่มากเท่าไรหรอกน่า แค่สิบกาเอง หลังจากหมดแล้วเจ้าก็ไปได้”
“ไม่… มี… ทาง…”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”
เซียวฉีเทียนมองคนสองสามคนรอบกาย และตระหนักได้ว่าทุกคนล้วนมีสีหน้าแบบเดียวกัน เขาควรยอมรับชะตากรรมและเริ่มดื่มได้แล้ว ทว่าหลังจากดื่มไปได้หกกา เขาก็เมาฟุบจนไม่ได้สติอยู่กับโต๊ะ
มู่เฉินมองเซียวฉีเทียนที่สลบไสลแล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ข้าคิดว่าเขาจะสลบตั้งแต่หมดกาที่ห้าแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะดื่มจนถึงกาที่หกได้จริงๆ”
“พวกเจ้าควรรู้จักขีดจำกัดของตนบ้าง” ราชครูหลินมองหลานชายตัวเองพลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
วันนี้เขามีความสุขยิ่งนักที่หลานสาวของตนได้แต่งงาน มีความสุขมากเหลือเกิน
เฉียวเทียนช่างและเซียวชวี่เฟิงพาเซียวฉีเทียนไปยังห้องหอ
“เหตุใดเขาจึงเมาเสียขนาดนี้ได้เล่า” หนิงเมิ่งเหยาทำได้เพียงมองเซียวฉีเทียนที่เมาแอ๋ไม่ได้สติ ชายผู้นี้คอแข็งมิใช่หรือ แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ในสภาพเช่นนี้เสียนี่ ต้องดื่มไปมากขนาดไหนกัน
“เขาดื่มสุราฤทธิ์แรงที่สุดที่เจ้ากลั่นไปหกกา”
หนิงเมิ่งเหยามองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านางอย่างพูดไม่ออก นางยกมือขึ้นบีบแก้มเขา “เจ้ากำลังแก้แค้นอยู่ใช่ไหม”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“พวกข้าขอตัวก่อนล่ะ มู่เสวี่ย เจ้าจัดการเขาได้หรือเปล่า” หนิงเมิ่งเหยาเป็นห่วงเหลือเกินว่านางจะเอาคนเมาไม่อยู่
มู่เสวี่ยยิ้มแล้วพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
หลังจากคนอื่นๆ ออกจากห้องไป เซียวฉีเทียนที่สลบและกำลังนอนอยู่บนเตียงพลันลืมตาตื่นขึ้น เขาลุกขึ้นนั่ง
มู่เสวี่ยที่กำลังจะถอดชุดของเขาออกถึงกับผงะด้วยความตกใจ “เจ้าไม่เป็นไรหรือ”
“ไม่เป็นไร หลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาต้มสุราชนิดนี้ ข้าก็เริ่มดื่มพวกมันทุกวัน แค่หกกาไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดเลย แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย” แต่พวกนั้นไม่รู้เรื่องนี้ จึง ไม่รู้ว่าเขาแกล้งทำเป็นเมา
มู่เสวี่ยมองบุรุษตรงหน้าของตนอย่างพูดไม่ออก นางไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
“วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า ข้าจะดื่มจนสลบได้อย่างไรกันเล่า” เซียวฉีเทียนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
มู่เสวี่ยอายม้วน แก้มของนางร้อนผ่าว
เซียวฉีเทียนเดินเข้ามา เขาดึงนางให้นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับศีรษะของนางออก
เซียวฉีเทียนขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักบนมือทั้งสอง “ทำไมมันถึงหนักขนาดนี้ล่ะ”
“นี่เบาที่สุดแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาช่วยนางออกแบบเครื่องประดับศีรษะอันนี้ มันถูกทำขึ้นด้วยช่างฝีมือหลายคนจากทงเป่าไจ และพวกเขาพยายามลดน้ำหนักให้อย่างสุดความสามารถแล้ว หากเป็นอันอื่น คอของนางคงปวดระบมแน่หลังจากต้องสวมมันทั้งวัน
บทที่ 458 ผองเพื่อนมาแล้ว
เซียวฉีเทียนขมวดคิ้ว เขามองเครื่องประดับศีรษะอันงดงามนั้นด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ ก็จริงที่มันเบากว่าชิ้นอื่นเอามากๆ
จากนั้นเขาจึงเอามันไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ กัน เซียวฉีเทียนมองมู่เสวี่ยในกระจก “เจ้าหิวหรือไม่ อยากกินอะไรไหม”
“ก่อนหน้านี้เหยาเอ๋อร์เอาอาหารมาให้แล้ว” นอกจากมู่เฉินและอวี้เฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เสวี่ยอยู่ใกล้ชิดกับชายคนอื่นมากขนาดนี้ นางรู้สึกเขินอายยิ่งนัก ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางของนางแดงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เซียวฉีเทียนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นมู่เสวี่ยมีท่าทีเช่นนั้น
“เขินขนาดนี้แล้วหรือ แล้วจากนี้เจ้าจะเป็นอย่างไรกันล่ะนี่”
ตอนที่ได้ยินนั้นมู่เสวี่ยยังไม่ทันได้ตั้งสติ แต่เมื่อนางได้สติ ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ “เจ้า… คนลามก”
“ข้าจะเป็นคนลามกได้อย่างไร หากข้าไม่ทำตัวลามกใส่ภรรยาตัวเอง” ในขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็อุ้มนางขึ้นและเดินไปที่เตียง
เขาวางนางลงบนเตียง แล้วกวาดเอาเมล็ดพุทราจีนกับเมล็ดลำไยลงไปที่พื้น
เขามองมู่เสวี่ยที่หันรีหันขวางอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเซียวฉีเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากของมู่เสวี่ย ก่อนค่อยๆ เลื่อนลงมาด้านล่างทีละน้อย
มู่เสวี่ยถูกทับจนตัวแนบกับเตียงโดยไม่รู้ตัว เสื้อผ้าบนร่างกายถูกโยนทิ้งระเกะระกะไว้บนพื้น
ทว่าในขณะที่ทั้งสองกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน เสียงทุบประตูก็ดังขึ้น คนที่ไม่รู้คงคิดว่ามีคนกำลังพยายามพังประตูอยู่เป็นแน่
เมื่อได้ยินเสียงคนทุบประตูดังขึ้นอีก เซียวฉีเทียนที่อดทนมาเป็นเวลานานพลันมีสีหน้าน่ากลัวราวกับอยากจะกัดใครสักคนขึ้นมา
“เซียวฉีเทียน รีบออกมา” เป็นเสียงของหนานอวี่ ในน้ำเสียงของเขามีความมุ่งร้ายผสมอยู่
“ถ้าเจ้ายังไม่ออกมา พวกข้าจะพังประตูเข้าไปแน่ พวกข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะอับอายแค่ไหน” คราวนี้เป็นเสียงของมู่เฉิน
เซียวฉีเทียนขมวดคิ้ว คนพวกนี้ตั้งใจจะทำอะไรกัน
มู่เสวี่ยที่เดิมทีนั้นกำลังรู้สึกประหม่า หลังจากได้ยินเสียงเหล่านั้น ใบหน้าของนางก็ขึ้นสี นางรีบผลักเซียวฉีเทียนออกไปและหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างตน สายตาของนางมองไปทั่ว แต่ไม่มองเซียวฉีเทียน
เซียวฉีเทียนเกือบจะกลายร่างเป็นหมาป่าผู้หิวโหยและเขมือบร่างของหญิงสาวผู้นี้เข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่เสียงจากด้านนอกก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เซียวฉีเทียน ข้าจะนับถึงสาม หากเจ้ายังไม่ออกมา อย่ามาหาว่าพวกข้าหยาบคายก็แล้วกัน” อวี้เฟิงกล่าว
เซียวฉีเทียนลุกขึ้นอย่างจำใจ เขาหยิบชุดบนพื้นขึ้นมาใส่แล้วเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทางแค้นเคือง เขามองกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างพูดไม่ออก “พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไร”
“โธ่เอ๊ย เจ้าแกล้งทำเป็นเมาจริงๆ ด้วย พวกข้าอุตส่าห์เตรียมของดีไว้ให้เจ้า พวกข้าไม่รบกวนเจ้าแน่หากเจ้าดื่มสิ่งนี้เข้าไป” อวี้เฟิงมองเซียวฉีเทียนพลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
อวี้เฟิงยื่นมือออกมา ขาดก็แต่แกว่งมันไปมาเท่านั้น
เซียวฉีเทียนมองอวี้เฟิงอย่างระแวง “ท่านจะเป็นคนดีถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“เจ้าจะดื่มสิ่งนี้หรือจะไปดื่มกับพวกข้าข้างนอก” อวี้เฟิงมองเซียวฉีเทียน มีท่าทีหาเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เซียวฉีเทียนเลือกด้วยตัวเอง
แล้วเซียวฉีเทียนมีตัวเลือกด้วยหรือ เขายื่นมือไปรับขวดนั้นมาอย่างอับจนหนทาง ก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม
ในวินาทีที่ของเหลวนั้นเข้าไปในปาก เซียวฉีเทียนถึงกับพ่นมันออกมา “ท่านเตรียมอะไรมาเนี่ย” รสชาติมันแปลกพิลึกยิ่งนัก
อวี้เฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่มีอะไรสักหน่อย แค่น้ำที่มีส่วนผสมของรสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด แล้วก็เค็มเอง”
เซียวฉีเทียนมองพวกเขาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ คนพวกนี้ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ทำกันแล้วหรือไง ถึงได้ลงมือผสมน้ำรสชาติพิศดารมาให้เขาดื่มเช่นนี้
“ชีวิตคนเราก็มีหลายรสชาติมิใช่หรือ ทุกอย่างรอเพียงแค่ให้เจ้าได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง คงไม่เลวเลยทีเดียว” มู่เฉินกล่าวเรื่อยเปื่อย แต่คำพูดของเขาไม่เรื่อยเปื่อยเลยแม้แต่น้อย
“แล้วทำไมทีตอนงานแต่งของเทียนช่าง ถึงไม่มีสิ่งนี้เล่า” คนพวกนี้ตั้งใจมาแกล้งเขาหรือ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของอวี้เฟิงและมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ แน่นอนว่าพวกเขาเตรียมมันไว้แล้ว และยังเตรียมไว้เป็นจำนวนมากเสียด้วย แต่ใครจะรู้เล่าว่าเฉียวเทียนช่างจะเป็นคนคอแข็งขนาดนั้น ไม่เพียงแต่ไม่เมา เจ้าหมอนั่นยังมอมเหล้าพวกเขาจนสลบไปกับพื้นเสียด้วยซ้ำ
ถึงพวกเขานึกอยากจะลงมือจัดการเฉียวเทียนช่าง แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำเช่นนั้นได้
เมื่อเห็นสีหน้าอันอึมครึมบนใบหน้าของทั้งสอง เซียวฉีเทียนจึงเข้าใจสิ่งที่พวกเขาคิดได้ในทันที “พวกเจ้าแตะต้องเทียนช่างไม่ได้ ก็เลยหันมาเล่นงานข้าแทนใช่ไหม”
“มันเป็นกฏ” อวี้เฟิงกับมู่เฉินมองหน้ากันก่อนเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียว
เซียวฉีเทียนกัดฟันกรอดขณะมองมู่เฉิน “กฏหรือ จะว่าไปพี่ใหญ่ก็ยังไม่ได้แต่งงาน เห็นทีว่าข้ายังมีเวลาเอาคืนอยู่” ขณะที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็กระดกของเหลวรสชาติพิศดารในขวดเข้าปากจนหมด สำหรับบุรุษนั้นสิบปีก็ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้แค้น และพวกเขาคงไม่รอให้สิบปีก่อนแล้วค่อยแต่งงานแน่