ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 481 ข้าเลือกคนรักที่แสนดี + บทที่ 482 เด็กน้อยผู้นี้ช่างน่ารักน่าชัง
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 481 ข้าเลือกคนรักที่แสนดี + บทที่ 482 เด็กน้อยผู้นี้ช่างน่ารักน่าชัง
บทที่ 481 ข้าเลือกคนรักที่แสนดี
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกอบอุ่นหัวใจขณะมองสามีที่ง่วนอยู่กับการดูแลลูกชาย
หลังจากที่หญิงสาวคลอดลูก เฉียวเทียนช่างก็เป็นคนดูแลเขาทุกคืน ทันทีที่ได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้ เขาก็จะรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนผ้าอ้อมและดูแลเรื่องอื่นๆ แม้ว่ามันจะทำให้หนิงเมิ่งเหยาต้องตื่นขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นชีวิตปกติของทั้งสองคนไปแล้ว
“ไม่เป็นไรเลย มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีลูก” หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ลูกน้อยเปรียบดั่งสิ่งล้ำค่าที่พ่อแม่ยินดีจะดูแลเสมอ
เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ “เจ้านอนหลับไม่สนิทมากว่าครึ่งเดือนแล้ว และช่วงกลางวันยังมีแขกมาเยี่ยมอยู่เสมอ จนทำให้เจ้านอนหลับไม่เพียงพอ แล้วจะมีสุขภาพที่ดีได้อย่างไรกัน” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างไม่พอใจ
“แต่เจ้าก็ตื่นตอนกลางดึกบ่อยมากเหมือนกัน” หากนางทนกับเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วเฉียวเทียนช่างที่ต้องลุกขึ้นตื่นทุกครั้งที่เด็กน้อยร้องไห้ยามค่ำคืน ก็ต้องเสียสุขภาพยิ่งกว่านางมิใช่หรือ
“ข้าไม่เป็นไร” เฉียวเทียนช่างคุ้นชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะหลังจากอยู่ในกรมทหารที่มักจะมีคนแอบเข้ามาลักลอบขโมยสิ่งของในยามวิกาล บางครั้งสิ่งที่เข้ามาอาจจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ร้าย ดังนั้นเขาจึงต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
หลังจากย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านไป๋ซาน นิสัยของเขายังคงเหมือนเดิม หากมีเสียงลมพัดเพียงแผ่วเบาในช่วงกลางคืน ดวงตาของเขาก็พร้อมที่จะเปิดกว้างเสมอ
แต่หลังจากที่เขาแต่งงานกับหนิงเมิ่งเหยา พฤติกรรมดังกล่าวก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป และเริ่มนอนหลับสนิทมากขึ้นเมื่ออยู่กับนาง
ส่วนตอนนี้พวกเขามีลูกด้วยกันแล้ว ทำให้นิสัยเดิมๆ ในอดีตกลับมาอีกครั้ง หากลูกน้อยส่งเสียงเพียงแผ่วเบา เขาก็จะตื่นขึ้นมาดูทันที
หนิงเมิ่งเหยามองสามีพลางคิดในใจ ‘เขาอาจจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดเท่าที่ใครสักคนจะเป็นได้ ข้าคิดว่าแม้แต่เหล่าพ่อบ้านที่อยู่ในเรือนทุกวันนี้ ก็ยังเทียบเขาไม่ได้เลย นอกจากนี้เขายังเป็นสามีที่ดีมากคนหนึ่งอีกด้วย’
“เทียนช่าง ข้าคิดว่าข้าเลือกสามีได้ดีจริงๆ ” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยพลางยิ้มกว้าง
เฉียวเทียนช่างมิได้โกรธ หนำซ้ำ แต่ยิ้มพลางเอ่ยตอบ “ถ้าเช่นนั้นก็รักษาไว้ให้ดี อย่าให้ถูกขโมยไปได้”
หญิงสาวผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึม “หากใครบังอาจแย่งเจ้าไปจากข้า ข้าจะให้คนผู้นั้นลิ้มลองโอสถของพวกเรา”
ชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะวางสิ่งของในมือลงและเดินไปหาภรรยา เขาประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากสีแดงของนาง “ข้าชอบเวลาที่เจ้าพูดจาเช่นนั้น”
“อ๊ะ เจ้าจูบข้าตอนที่มีกลิ่นตัวเหม็นไปหมดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกรังเกียจตัวเองเล็กน้อย
ตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา นางมิได้สระผมหรืออาบน้ำเลย จนในที่สุด นางต้องอ้อนวอนสามีอย่างขมขื่น เขาจึงยอมให้นางเช็ดตัวด้วยน้ำเปล่าทุกคืน แต่จริงๆ แล้ว ท่านยายฉินบอกว่าหญิงสาวไม่ควรสัมผัสกับน้ำ
เฉียวเทียนช่างทำหน้าบึ้งตึงและพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครพูดเช่นนั้น ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะเหม็นสักนิด”
หนิงเมิ่งเหยามีกลิ่นน้ำนมติดตัวเหมือนกับลูกชายของพวกเขา แล้วจะมีกลิ่นเหม็นได้อย่างไรกัน นางคิดไปเองทั้งนั้น
เมื่อมองไปที่เฉียวเทียนช่างด้วยความเศร้า หนิงเมิ่งเหยาก็กล่าวอย่างหดหู่“มีเพียงเจ้าและลูกชายของเราเท่านั้นที่ไม่รังเกียจข้า” ไม่อย่างนั้น นางที่เป็นแบบนี้…ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“ไม่เอาน่า ตอนนี้ก็ผ่านมาได้เกือบยี่สิบวันแล้ว หากครบหนึ่งเดือนเมื่อไหร่ เจ้าก็จะสามารถอาบน้ำได้แล้ว พวกเราต้องทำเช่นนี้เพื่อสุขภาพของเจ้า อดทนอีกหน่อยเถิด ตกลงไหม” เฉียวเทียนช่างปลอบใจนางเช่นนี้ทุกวัน
หนิงเมิ่งเหยาเป็นคนรักสะอาด แม้ในช่วงฤดูหนาว นางก็ยังต้องอาบน้ำ แต่ตอนนี้ นางกลับไม่ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำหรือสระผมเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน นั่นไม่ต่างอะไรกับการฆ่านางเลย
ดังนั้น ทุกๆ วันเฉียวเทียนช่างจึงปลอบประโลมผู้เป็นภรรยา จนในที่สุดนางก็ยอมรับ แต่ใครจะคิดว่าวันนี้ นางจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
หนิงเมิ่งเหยามองหน้าสามีด้วยดวงตาที่เหมือนกับกำลังร่ำไห้อย่างโศกเศร้า ทำให้ชายหนุ่มอยากจะยอมตามใจนางในทันที
“มาดูผ้าห่มผืนน้อยที่ข้าเตรียมไว้ให้ลูกชายของเราสิ เจ้าคิดว่ามันดูเข้ากับกับเขาหรือไม่” เฉียวเทียนช่างรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
เมื่อไม่ได้ตามที่หวังไว้ หนิงเมิ่งเหยาจึงรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยอมมองดูผ้าห่มผืนเล็กในมือของสามี “มันบางไปหน่อย แต่เราสามารถใช้ผ้าห่มผืนเล็กอีกผืนที่อยู่ในตู้ด้วยได้”
เฉียวเทียนช่างพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเปิดตู้ และหยิบผ้าห่มสีแดงผืนเล็กออกมาวางไว้บนเตียง
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เฉียวเทียนช่างก็นึกถึงของเล่นที่เขายังทำไม่เสร็จ ชายหนุ่มจึงลองประกอบชิ้นส่วนดู หลังจากเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็สบายใจขึ้น
บทที่ 482 เด็กน้อยผู้นี้ช่างน่ารักน่าชัง
หลังจากเหมยรั่วหลินได้พักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว นางก็เข้ามายังห้องของหนิงเมิ่งเหยาและไล่เฉียวเทียนช่างออกไป จากนั้นทั้งสองจึงพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
เหมยรั่วหลินมองดูเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูนัก เจ้าตั้งชื่อให้เขาแล้วหรือยัง”
“ข้าอยากเรียกเขาว่าเจ้าลิงน้อย แต่เทียนช่างไม่เห็นด้วยเลยตั้งชื่อเขาว่าเฉียวโม่ซาง และพวกเราก็หวังเพียงให้เขาพบเจอแต่ความสุขในชีวิตเท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยขณะยิ้มให้กับลูกชายของตน
เหมยรั่วหลินมองหญิงสาวที่แสดงออกถึงความเป็นแม่คน ก็รู้สึกอิจฉา “นั่นคือความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่หรือ”
“หา อะไรนะ”
“พวกเขาจะปรารถนาให้ลูกๆ ของตนเองเจอแต่สิ่งดีๆ เหมือนกับที่เจ้าเป็นหรือ” แม้แต่ชื่อของเด็กคนนี้ยังเป็นคำอวยพรของผู้เป็นพ่อแม่ และทุกสิ่งที่เฉียวเทียนช่างทำให้ลูกของตนนั้น ทำให้เหมยรั่วหลินสัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้ช่างเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “แน่นอน พ่อแม่ทุกคนย่อมต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตนเองทั้งนั้น” หญิงสาวนึกถึงการกระทำทุกอย่างของสามีในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
เมื่อเหมยรั่วหลินได้ยินว่าเฉียวเทียนช่างช่วยดูแลลูก ไม่ว่าจะเปลี่ยนผ้าอ้อม เสื้อผ้า ช่วยเขาอาบน้ำ หรืออื่นๆ นางก็รู้สึกไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่ใครๆ ต่างมองว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทหยาบกระด้างจะทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาเล่าให้ฟังนั้น ทำให้เหมยรั่วหลินเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเฉียวเทียนช่าง
“พี่เหมย จริงๆ แล้ว ข้าคิดว่าท่านกับพี่เขยน่าจะมีลูกด้วยกันนะ มันไม่ได้แย่อย่างที่ท่านคิดหรอก ดูเจ้าลิงน้อยสิ เขาน่ารักมาก จริงไหม” หนิงเมิ่งเหยาพูดอย่างจริงจัง และชี้ลูกชายของตนที่กำลังหลับปุ๋ย
เหมยรั่วหลินมองเด็กน้อยที่ดูน่ารักน่าชังคนนั้น เขามีแก้มยุ้ย ขนตายาวสวย ใบหน้าของเขาคล้ายคลึงกับหนิงเมิ่งเหยาอย่างยิ่ง และมือเล็กๆ ทั้งสองก็แนบอยู่ข้างแก้มของเขา ดูคล้ายกับว่าเขากำลังยกมือขึ้นอย่างยอมจำนน ไม่ว่านางจะมองอย่างไร เขาก็ช่างน่ารักมากจริงๆ
ความจริงแล้ว เหมยรั่วหลินรู้ดีว่าอวี้เฟิงนั้นอยากมีลูกมาตลอด แต่นางไม่ต้องการ จึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ และทำเป็นไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
ในตอนที่พวกเขาแวะมาเยี่ยมเยียนหนิงเมิ่งเหยาที่เริ่มตั้งครรภ์ อวี้เฟิงยังพูดหยอกล้อว่าอยากจะมีลูกสักคนหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่เหมยรั่วหลินยังคงยืนกรานว่าตนเองไม่อยากมีลูก แม้ว่าตอนนั้นอวี้เฟิงจะยิ้มให้ แต่นางก็รู้ดีว่าสามีต้องรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ เป็นแน่
“พี่เหมย ท่านน่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก ข้ามั่นใจว่าท่านจะได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าการมีลูกนั้นน่ากลัวอย่างที่ท่านคิดหรือไม่” เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าเหมยรั่วหลินดูลังเล จึงรู้ได้ทันทีว่านางกำลังคิดมาก ดังนั้นหญิงสาวจึงมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายและพูดขึ้นอย่างจริงจัง
เหมยรั่วหลินเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า “ตกลง”
ตั้งแต่ที่อวี้เฟิงรู้จักเหมยรั่วหลิน และแต่งงานกับนาง จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลนางอย่างดีมาตลอด
เมื่อเหมยรั่วหลินไม่อยากมีลูก อวี้เฟิงก็ขอให้ชิงซวงไปหายาคุมกำเนิดมาให้ แต่ชิงซวงบอกว่าผู้หญิงไม่ควรกินยานี้จำนวนมากเกินไป เพราะจะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีนัก เขาจึงเป็นฝ่ายกินยาตัวนี้แทน
เมื่อเหมยรั่วหลินนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่สามีทำให้ นางก็รู้สึกผิดต่อเขา
“เหยาเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าข้าทำตัวไม่ดีกับอวี้เฟิงหรือไม่” นางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามหนิงเมิ่งเหยา
“เหตุใดจึงพูดเช่นนั้นเล่า”
“ข้ารู้ว่าเขาอยากมีลูกโดยไม่สนใจว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ขอเพียงแค่เป็นลูกของพวกเรา แต่ว่าข้า…” เหมยรั่วหลินพยายามอธิบาย แต่ในที่สุดก็ก้มศีรษะลงและไม่อาจจะพูดต่อได้อีก
หากเป็นชายอื่น เขาคงจะไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้ว จริงไหม แต่อวี้เฟิงกลับไม่ทำเช่นนั้น และยังอยู่เคียงข้างนาง เพื่อรอวันที่นางพร้อมจะมีลูกด้วยกัน
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมองอีกฝ่ายและพูดขึ้น “พี่เขยอายุเกือบสามสิบปีแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาอยากจะมีลูก แต่ในเมื่อท่านไม่ต้องการ เขาก็ไม่เคยบังคับท่านเลย แต่ทว่าพี่เหมยเคยคิดหรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่นั้น ก็ไม่ยุติธรรมกับเขานัก”
จริงๆ แล้ว อวี้เฟิงไม่ใช่คนงุ่มง่ามอย่างที่ใครๆ เห็น แต่เขาทำตัวเช่นนั้นเพียงเพื่อต้องการจะเรียกร้องความสนใจจากเหมยรั่วหลินเท่านั้น
“ข้ารู้”
“อีกอย่าง ข้าคิดว่าพี่เหมยสนใจพี่เขยน้อยเกินไป จนบางที ข้าก็คิดว่าท่านมิได้รักพี่เขยเลย เขามักจะเป็นฝ่ายเข้าหาและพยายามทำความเข้าใจท่านเพียงฝ่ายเดียวมาโดยตลอด” หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขานัก แต่ในเมื่อวันนี้ เหมยรั่วหลินพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางจึงพูดขึ้นบ้าง
เหมยรั่วหลินตัวแข็งเกร็งและถอนหายใจ “มันมิใช่ว่าข้าไม่รักเขา แต่ข้าไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร ไม่สิ จริงๆ แล้วคือข้ารู้สึกกังวลใจต่างหาก”
ครั้งหนึ่ง พ่อแม่ของนางเป็นคู่รักที่ใครๆ ต่างรู้จักกันดี แต่สุดท้ายแล้วท่านพ่อก็นอกใจท่านแม่ และนั่นก็ทำร้ายจิตใจของท่านแม่อย่างสาหัส จนนางจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน