ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 495 ส่งนางกลับไป + บทที่ 496 จะไม่สูญเสียสิ่งใดไป
บทที่ 495 ส่งนางกลับไป
นางหยางปรายตามองหยางซู่อวิ๋น “ซู่อวิ๋น ไม่ใช่ว่าอาไม่อยากให้เจ้าอยู่ แต่ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเมื่อวานก็คงไม่เป็นอะไร เราบอกไปว่าเจ้าเป็นคนขยัน แต่ดูสิ่งที่เจ้าทำลงไปสิ ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
ร่างกายของเด็กนั้นอ่อนแอ จะทนเจอสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไรกัน ไม่น่าแปลกเลยที่เขาจะมีอาการเช่นนั้น
หยางซู่อวิ๋นรู้ว่าพวกเขาจะไม่ช่วยนางแน่นอนไม่ว่าจะพูดเช่นไร
“ส่งนางกลับไปเถิด” หยางจู้ชำเลืองมองหยางซู่อวิ๋นแล้วพูดขึ้น
เดิมเขาไม่ยินดีให้มีหญิงม่ายมาอยู่ในบ้านอยู่แล้ว เพราะจะเป็นลางร้าย
นางหยางพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
พวกเขาเข้าไปหยิบของบางชิ้นแล้วเก็บข้าวของของหยางซู่อวิ๋นก่อนจะพาตัวนางไป
หยางซู่อวิ๋นเดินตามหลังนางหยาง นางรู้สึกเสียใจยิ่งนัก
“ท่านอา ข้ารู้ว่าทำผิดไป ข้า…”
“พอแล้ว ซู่อวิ๋น มีเรื่องอีกมากที่เจ้าควรรู้ไว้ เจ้าทำผิดแล้วก็ต้องรับผิดชอบ” นางหยางขัดคอหยางซู่อวิ๋นอย่างเย็นชา
หยางซู่อวิ๋นปิดปากเงียบ
พี่ชายของนางหยางรู้สึกสงสัยที่เห็นน้องสาวส่งบุตรสาวของตนกลับมา “น้องหญิง เกิดอะไรขึ้น”
นางมองพี่ชายด้วยความโกรธ จากนั้นก็กล่าวอย่างอ่อนแรง “เจ้าถามหยางซู่อวิ๋นเองว่านางทำอะไรลงไป”
พี่ใหญ่หยางมองหยางซู่อวิ๋น เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านพ่อ…ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หยางซู่อวิ๋นอธิบายเสียงแหบ
“ไม่ได้ตั้งใจหรือ เมื่อวานที่งานเลี้ยงบุตรชายของหนิงเมิ่งเหยา ซู่อวิ๋นยืนกรานจะไป เรารู้ว่านางยังไว้ทุกข์อยู่และยังใส่ชุดไว้ทุกข์อยู่ด้วย จะให้นางไปย่อมไม่เหมาะสม เราให้นางอยู่บ้าน ไม่คิดเลยว่าแม่นางน้อยคนนี้จะไม่เพียงแต่ไปที่งานเอง แต่ยังพยายามโปรยเสน่ห์ใส่หัวหน้าตระกูลเขาอีกด้วย” ก่อนพูดขึ้นมานางยังไม่เป็นอะไร แต่เมื่อได้พูดถึงแล้ว หน้านางหยางก็ขึ้นสีแดงด้วยโทสะ
ใบหน้าของพี่ใหญ่หยางเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาว นางหยางกล่าวต่อ “แล้วคืนนั้นเอง ลูกพวกเขาก็ร้องไห้จนถึงกลางดึก แม้ว่าข้าจะไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่เด็กที่ว่าง่ายจู่ๆ ก็กลายเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็ต้องคิดว่าเพราะซู่อวิ๋น” นางหยางกล่าวอย่างหมดหนทางพลางมองสีหน้าซีดเซียวของพี่ใหญ่หยาง
พี่ชายของนางหยางและพี่สะใภ้มองบุตรสาวของพวกเขาอย่างไม่พอใจ
เดิมทีทุกอย่างล้วนเป็นไปด้วยดีจนบุตรสาวกลับมาจากบ้านฝั่งสามี เขาจึงส่งนางไปบ้านท่านอาของนางเพื่อหางาน ให้นางทำ จะได้สบายใจขึ้น ไม่คิดเลยว่านางจะสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้
ร่างของหยางซู่อวิ๋นสั่นเทา นางพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “ตระกูลนั้นดียิ่งนัก ข้าผิดหรือที่อยากแต่งงานกับเขา แล้วเด็กร้องไห้เกี่ยวอะไรกับข้ากัน”
นางหยางโกรธจนลมแทบจับ “เกี่ยวอะไรกับเจ้ารึ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครจะไปแต่งงานกับเขา”
เฉียวเทียนช่างเป็นแม่ทัพ และมีหนิงเมิ่งเหยาเป็นภรรยา หยางซู่อวิ๋นคิดว่าตนเป็นเทพยดามาเยือนโลกมนุษย์หรือ ถึงคิดว่าเขาจะชอบนาง
พี่ใหญ่หยางหัวเสีย เขาเงื้อมือขึ้นแล้วตบหน้าหยางซู่อวิ๋นสองฉาด
มารดาของหยางซู่อวิ๋น นางเฉิง มองบุตรสาวของตนแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “ซู่อวิ๋น เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าบอกเจ้าไว้เช่นไรตอนเจ้าไปบ้านของท่านอา”
“ท่านแม่ ข้า…”
ตอนนางจะไป นางเฉิงบอกว่านางยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไม่ควรออกไปข้างนอกมากนัก และได้บอกให้นางเชื่อฟังอาของนาง
“อะไร เพราะเจ้า ท่านอาของเจ้าและคนอื่นๆ ถึงโดนตระกูลนั้นกล่าวโทษเอา ถ้าให้พูดชัดกว่านี้ ในตระกูลใหญ่ของเรา พี่ชายเจ้าทำงานหนัก ไม่พูดปด ไม่คดโกง ไม่ขโมย เพียงท่านอาของเจ้าพูดคำเดียว พี่ชายเจ้าได้ไปทำงานที่นั่นแล้วทำเงินได้เดือนละสองถึงสามตำลึงเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอาและคนอื่นๆ มีหรือเขาจะให้เงินเราขนาดนั้น” นางเฉิงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของตระกูลน้องสะใภ้
เพราะน้องสะใภ้ของนางช่วยให้บุตรชายได้งาน ตระกูลจึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้น กระทั่งสามีของนางเองยังไปหางานเล็กน้อยทำยามว่าง เพียงแค่นั้นก็ทำให้เขาได้มากกว่าร้อยอีแปะต่อวัน ดีกว่าให้ไปเป็นจับกังอยู่ข้างนอกยิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้นางจึงกังวลว่าบุตรสาวของนางจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลของน้องสะใภ้เข้า ก่อนไป นางจึงบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เชื่อฟัง ไม่คิดเลยว่านางจะสวมชุดไว้ทุกข์ไปงานฉลองครบหนึ่งเดือนของบุตรผู้อื่น
บทที่ 496 จะไม่สูญเสียสิ่งใดไป
นางเฉิงโกรธบุตรสาวจนแทบคลั่ง กระทั่งพี่ใหญ่หยางยังรู้สึกเช่นเดียวกัน “ซู่อวิ๋น เจ้ากลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
หยางซู่อวิ๋นเคยคิดว่าบิดามารดาต้องเข้าข้างตน กลับกลายเป็นว่านอกจากจะไม่เข้าข้างแล้วยังเอาแต่ดุด่า ทำให้หยางซู่อวิ๋นเศร้าสร้อย
“ท่านพ่อ ข้าชอบคนผู้นั้นแล้วผิดอะไร เขาหน้าตาหล่อเหลาและมีพื้นเพดี พวกท่านไม่เห็นว่าคฤหาสน์หลังนั้นสวยเพียงใด” ดวงตาหยางซู่อวิ๋นเป็นประกายยามนึกถึงบ้านหลังนั้น นางอยากแต่งงานกับเฉียวเทียนช่าง ต่อให้ต้องเป็นเพียงอนุภรรยาก็ตาม
ขอเพียงนางได้เป็นอนุภรรยา สถานะของนางก็จะสูงขึ้นแน่นอน ยิ่งคิดดวงตาหยางซู่อวิ๋นยิ่งเป็นประกาย ท่าทีของนางทำให้นางหยางเดือดดาลจนหน้าซีด
เมื่อเห็นหลานสาวของตนเป็นเช่นนี้ นางก็กล่าวออกมาอย่างผิดหวัง “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ข้าไม่ได้ไม่อยากช่วย แต่เห็นหยางซู่อวิ๋นทำตัวเช่นนี้แล้ว ข้าไม่มีทางช่วยได้จริงๆ”
พี่ใหญ่หยางไม่คิดว่าหยางซู่อวิ๋นจะกลายเป็นเช่นนี้ในเวลาไม่ถึงปีนับตั้งแต่นางแต่งงาน
“น้องหญิง ขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้เจ้า” พี่ใหญ่หยางจะทำอะไรอื่นได้อีก นอกจากขอโทษนาง
นางหยางส่ายศีรษะ “พี่ใหญ่ ข้าต้องขอตัวก่อน ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากที่บ้าน”
“ท่านอา ช่วยข้าด้วยเถิด ขอแค่ท่านช่วยให้ข้าได้แต่งงานกับเขา ท่านจะได้ผลตอบแทนแน่นอน” หยางซู่อวิ๋นเห็นนางหยางกำลังจะไปก็รีบเข้าไปรั้งนางไว้
นางหยางปัดมือหยางซู่อวิ๋นออกไป “อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”
หลังจากนางหยางไปแล้ว พี่ใหญ่หยางตบหน้าหยางซู่อวิ๋นอีกหนึ่งฉาด ทั้งตัวเขาสั่นเนื่องจากโทสะ
“จากนี้ไป เจ้าอย่าคิดออกไปไหนเชียว”
หนิงเมิ่งเหยาฟังจากหยางเล่อเล่อว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลหยาง นางแทบสำลักน้ำชา
“นางพูดเช่นนั้นจริงรึ” หนิงเมิ่งเหยาถามหยางเล่อเล่อด้วยความตกตะลึง ดวงตาหยางเล่อเล่อเต็มไปด้วยความรังเกียจ “แน่นอน ข้าก็บอกแล้วอย่างไรเล่า”
นางหยางเล่าให้ฟังว่าหยางซู่อวิ๋นพูดกับนางเช่นไรเมื่อกลับมาบ้าน บอกว่านางอยากให้นางหยางช่วยให้ตนได้แต่งงานกับเฉียวเทียนช่าง ถึงขั้นบอกว่านางหยางจะได้ผลตอบแทน หยางซู่อวิ๋นกล้าดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
ยิ่งหยางเล่อเล่อคิด นางยิ่งเดือดดาล
“ข้าไม่โกรธด้วยซ้ำ แล้วเจ้าโกรธอะไรกัน” หนิงเมิ่งเหยาเห็นเป็นเรื่องขบขันจึงพูดออกไป
เหมยรั่วหลินขมวดคิ้ว “หญิงนางนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง” พวกนางควรทำเช่นไรดีถ้าหยางซู่อวิ๋นเกิดใช้ลูกเล่นสกปรกกับเฉียวเทียนช่าง
หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ “ลืมไปเสียเถอะ วันหน้าเราจะไม่ค่อยเห็นนางนักหรอก”
เดิมทีนางคิดว่าพวกนางจะไม่ออกไปข้างนอกมากนักและอยู่แต่ในหมู่บ้าน ใครจะรู้ว่าหยางซู่อวิ๋นจะมาข้องแวะกับพวกนางมากขึ้นในภายภาคหน้า
หยางเล่อเล่อยังไม่ยอมแพ้แล้วพูดขึ้น “ข้าคิดว่าพี่เหมยพูดถูก เราควรสั่งสอนนางเสียบ้าง นางจะได้เลิกคิดเป็นตุเป็นตะ” ครั้นนึกถึงพฤติกรรมของหยางซู่อวิ๋น หยางเล่อเล่อก็ต้องเอื้อมมือไปลูบแขนตัวเอง หญิงนางนั้นน่ารังเกียจเกินไปแล้ว
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกหมดหนทาง “ทำไมพวกเจ้าพูดเช่นนั้น”
“มันเป็นความจริง” หยางเล่อเล่อหน้าง้ำ พูดอย่างไม่ชอบใจ
หนิงเมิ่งเหยานึกขบขัน นางส่ายศีรษะ “สำหรับคนพรรค์นั้น นางจะไม่มีจุดจบที่ดีหรอก” ไม่ว่าจะเป็นในยุคโบราณหรือปัจจุบัน คนประเภทนั้นย่อมไม่มีฉากจบที่สุขสม
หยางเล่อเล่อคิดตามแล้วรู้สึกเห็นด้วย แต่นางยังคงพึมพำอย่างแผ่วเบา
“เอาล่ะ อย่าไปยุ่งกับคนพรรค์นั้นเลย” หนิงเมิ่งเหยายื่นมือไปหยิกแก้มหยางเล่อเล่อพลางพูดอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก
หยางเล่อเล่อยังคงหงุดหงิด “ท่านลุงและท่านป้าเป็นคนดี ลูกพี่ลูกน้องของข้าคนนี้ก็เคยนิสัยดี ไม่รู้ว่านางจะกลายเป็นแบบนี้หลังแต่งงาน”
พอพูดถึงตรงนี้ หยางเล่อเล่อนึกผิดหวัง
นางเคยชอบเล่นกับหยางซู่อวิ๋นเมื่อสมัยทั้งสองยังเด็ก นางคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของนางคนนี้นิสัยดี แต่ตอนนี้นางกลับเปลี่ยนไป ทำให้นางรับไม่ได้
“เล่อเล่อ คนเราต้องมองไปข้างหน้า ไม่จมอยู่กับอดีต คนเราเปลี่ยนไปได้” หนิงเมิ่งเหยายิ้มอ่อนโยน
ในยุคปัจจุบัน มีคำกล่าวว่า โลกกลมและคนเปลี่ยนกันได้
หัวใจมนุษย์นั้นยากเกินจะคาดเดา
“จริงด้วย เสี่ยวเล่อเล่อ อย่าคิดมากนักเลย ไม่อย่างนั้นแล้วคนที่จะทุกข์ก็คือเจ้าเอง” เหมยรั่วหลินพิงเก้าอี้แล้วยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก
“ข้าแค่ไม่เข้าใจว่านางคิดอะไรอยู่”