ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 509 หญิงผู้เป็นตำนาน + บทที่ 510 ทำไมถึงหลอกข้า
บทที่ 509 หญิงผู้เป็นตำนาน
หยางอี้เปิดประตูแล้วมองไปที่ประตูทางเข้าที่ว่างเปล่า เขาส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง เขาผิดหวังในตัวลูกพี่ลูกน้องของเขายิ่งนัก
นางเฉียวเดินมาหา เอื้อมมือลูบไหล่เขา
“เลิกคิดเสียเถิด นางทำตัวของนางเอง”
หยางอี้ยิ้มแล้วพยักหน้า จริงด้วย หยางซู่อวิ๋นทำตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครบังคับให้นางทำเช่นนี้
หยางซู่อวิ๋นกลับไปบ้านของนางพร้อมความเดือดดาล โชคดีว่าประตูที่นั่นไม่ปิด เมื่อเข้าไป นางมองบิดามารดาด้วยแววตาเคืองโกรธ “ท่านแม่ นี่หมายความว่าอย่างไร”
ท่าทีของหยางซู่อวิ๋นทำให้นางขมวดคิ้ว นางเฉิงอยากจะพูดบางอย่างแต่ยั้งตัวเองไว้
นางอยากได้ยินว่าหยางซู่อวิ๋นจะมีคำพูดไร้ยางอายอะไรอีก
หยางซู่อวิ๋นเห็นว่าคนในตระกูลไม่พูดอะไร เอาแต่มองจ้องนาง นางจึงหลงคิดว่าพวกเขารู้ตัวแล้วว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิดจึงไม่กล้าพูดอะไร
นางจึงยิ่งทำตัวโอหัง “ท่านแม่ พวกท่านไม่ได้ยินข้าหรือ”
“หยางซู่อวิ๋น พอได้แล้ว” หยางเซินมองน้องสาวตัวเอง สีหน้าโกรธจัด นี่ยังเป็นน้องสาวของเขาจริงหรือ นางช่าง…น่าขายขี้หน้านัก
หยางซู่อวิ๋นมองหยางเซิน “ข้าผิดตรงไหน หรือท่านจะบอกว่าทิ้งข้าไว้เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร พวกท่านไม่ช่วยข้าก็ไม่เป็นไร พวกท่านทำกับข้าเช่นนี้ ยังเห็นข้าเป็นคนในตระกูลหรือไม่”
นางเฉิงและคนอื่นๆ ปิดปากสนิท เอาแต่มองต่อไป พวกนางอยากรู้ว่านางคนอกตัญญูจะพล่ามอะไรอีก
“ไยพวกท่านถึงโง่นัก ถ้าข้าแต่งงานเข้าตระกูลเฉียว ตระกูลเราก็จะสูงส่งขึ้นไปอีก เราจะมีชีวิตที่ใครก็ชื่นชม โรงงานใหญ่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าทำเงินได้ปีละเท่าไร ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกท่านไม่อยากได้” หยางซู่อวิ๋นพูดต่อพอเห็นว่าพวกเขานิ่งเงียบ
นางพูดดั่งว่าผู้อื่นเห็นแก่ตัวและไร้ยางอายเหมือนนาง
ผู้เฒ่าหยางมองหลานสาวที่โอ้อวดตนด้วยสีหน้าซีดเซียว ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวน่ากลัว
“พี่ใหญ่ เจ้าจัดการเรื่องนี้เสีย ตระกูลหยางอันเก่าแก่ของเราไม่มีหญิงไร้ยางอายเช่นนี้” เขากัดฟันเค้นคำพูดออกมา ผู้เฒ่าหยางสะบัดแขนเสื้อ เดินออกไป ไม่แม้แต่ปรายตามองหยางซู่อวิ๋น แสดงให้เห็นว่าโกรธหยางซู่อวิ๋นเพียงใด
หยางซู่อวิ๋นไม่พอใจ นางมองผู้เฒ่าหยาง ใจเต็มไปด้วยความชิงชัง ตาแก่คนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
หยางเซินมองพี่ใหญ่หยาง “ท่านพ่อ ข้าก็ไม่มีน้องสาวเช่นนี้”
เขาทำงานที่โรงงานสงบสุขดี สี่ชั่วยามต่อวัน ถ้ามีงานที่ต้องเร่งมือ เขาก็ได้รับเงินเพิ่มเป็นเท่าตัว และเพราะเขาทำงานได้ดี ตอนนี้จึงเป็นผู้ดูแลเล็ก แต่ละวันค่อยๆ ดีขึ้น แต่ตอนนี้หยางซู่อวิ๋นกลับมาแล้วและกำลังสร้างปัญหาให้กับเจ้านายเขา ซึ่งทำให้เขาโกรธยิ่งนัก
หยางซู่อวิ๋นชำเลืองมองหยางเซิน พี่ชายที่รักนางยิ่งในอดีตตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้วหรือ
“พี่ใหญ่ ท่านก็ทำกับข้าเหมือนพวกเขาด้วยหรือ” หยางซู่อวิ๋นยังไม่เข้าใจว่าตนทำผิด นางเห็นว่าพวกเขาต่างหากที่ผิด
พวกเขาไม่ช่วยนางเอง
เมื่อเห็นหยางซู่อวิ๋นทำตัวเช่นนี้ หยางเซินก็ส่ายหน้าผิดหวัง “น้องสาวที่น่ารักไร้เดียงสาของข้าหายไปไหนแล้ว”
“ข้า…”
“เจ้าเปลี่ยนไป หยางซู่อวิ๋น ใจเจ้ายังมีท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ ท่านย่าอยู่อีกหรือไม่ ไม่เลย เจ้าคิดถึงแต่ตัวเอง เจ้าไม่เคยคิดว่าใครทำให้ตระกูลเรามีทุกวันนี้ได้” หยางเซินส่ายศีรษะผิดหวัง
คนเราต้องรู้จักบุญคุณและไม่ใช่สักแต่อยากจะได้ไม่มีที่สิ้นสุด
“นางแค่ได้แต่งงานกับคนมีเงิน นอกจากนั้นแล้วนางทำอะไรได้บ้าง” หยางซู่อวิ๋นแผดเสียง
หยางเซินมองหยางซู่อวิ๋นที่ยังคงทำตัวเช่นเดิมแล้วก็ต้องส่ายศีรษะเสียใจ “เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้น ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องผิดหวัง เพราะโรงงานนั้นเป็นของหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างรับเพียงส่วนแบ่งบางส่วนเท่านั้น”
“เป็นไปไม่ได้” หยางซู่อวิ๋นกรีดร้อง โรงงานใหญ่โตเช่นนั้นกลับไม่ใช่ของเฉียวเทียนช่าง แต่เป็นของหญิงผู้นั้นหรือ
“นางเป็นคนก่อตั้งโรงกลั่นสุราและโรงงานทำน้ำปรุงรส ทำไมนางจะเปิดอีกโรงงานไม่ได้เล่า” ในสายตาของหยางเซินและคนอื่นๆ หนิงเมิ่งเหยาเป็นสตรีระดับตำนาน
บทที่ 510 ทำไมถึงหลอกข้า
หยางซู่อวิ๋นทรุดลงกับพื้น สีหน้าตะลึงงัน นางยังคงไม่เชื่อว่าสิ่งที่นางหมายไขว่คว้าไว้ทุกวิถีทางนั้นกลับไม่ใช่ของผู้ชายแต่เป็นของหญิงผู้นั้น
เมื่อนางคิดตาม สีหน้านางก็เหมือนกับคนเพิ่งกลืนแมลงวันเข้าไป
“ท่านหลอกข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่มีทางเสียหรอก ข้าต้องไปหาเฉียวเทียนช่าง เจ้าคนหลอกลวง” นางพูดแล้ววิ่งออกไป
ทว่านางโดนหยางเซินลากตัวกลับมาตอนเพิ่งจะออกไป หยางเซินผลักนางลงกับพื้นแล้วพูดอย่างฉุนเฉียว “เจ้าเป็นบ้าอะไรอีก”
ตลอดมานี้ เฉียวเทียนช่างไม่ได้ชายตามองนางเลย มีแต่นางที่คอยตื๊อเขา ยัดเยียดความชื่นชมให้อีกฝ่ายที่ไม่สนใจสักนิด แต่ตอนนี้นางกลับโทษคนอื่น ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
พี่ใหญ่หยางและคนอื่นต่างมองหยางซู่อวิ๋นเช่นกัน นางทำให้พวกเขาผิดหวัง “นับจากวันนี้ไป ห้ามเจ้าก้าวออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ไม่เช่นนั้น ข้าจะหักขาเจ้า” พี่ใหญ่หยางกล่าวอย่างดุดัน
นางเฉิงไม่สนเสียงร้องไห้โวยวายของบุตรสาว นางหันหนีแล้วกลับเข้าบ้าน คงจะดีถ้าไม่มีบุตรสาวเช่นนี้
หลังจากวันนั้นมา หยางซู่อวิ๋นก็ถูกขังไว้ในบ้าน ไม่ว่านางจะทำอะไร นางเฉิงก็จะอยู่กับนางเสมอ
จนถึงวันที่มีงานเฉลิมฉลองในหมู่บ้าน นางเฉิงและคนอื่นออกไปข้างนอก หยางซู่อวิ๋นจึงสบโอกาสหนีออกไป
เมื่อออกจากบ้าน หยางซู่อวิ๋นก็รีบไปที่หมู่บ้านไป๋ซาน นางเผอิญเห็นเฉียวเทียนช่างกับหนิงเมิ่งเหยาและบุตรของทั้งสองกำลังเดินเล่นอยู่
นางรีบวิ่งไปหาพวกเขาแล้วขวางทางไว้ “เฉียวเทียนช่าง เจ้าหลอกข้า เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วมองหยางซู่อวิ๋น “ข้าหลอกเจ้ารึ ข้าไปหลอกเจ้าเมื่อใดกัน”
เหตุไฉนเขาไม่รู้ตัวว่าตนเกี่ยวข้องอะไรกับหญิงนางนี้
หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างอย่างสงสัย “เทียนช่าง เกิดอะไรขึ้น”
เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้ บางทีนางอาจจะสติไม่ดี”
หยางซู่อวิ๋นถลึงตาใส่เฉียวเทียนช่างแล้วกล่าวอย่างฉุนเฉียว “ในเมื่อโรงงานไม่ใช่ของเจ้า แล้วทำไมเจ้าไม่บอกข้า”
น้ำเสียงสั่งการของนางทำให้หนิงเมิ่งเหยานึกขบขันยามมองสตรีตรงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เป็นใจ นางคงถามไปแล้วว่าหญิงสาวนางนี้สติไม่ดีหรือไม่ เหตุใดจึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา
ผู้คนรอบข้างพากันมองหยางซู่อวิ๋นอย่างสงสัย หญิงนางนี้ลืมหัวไว้ที่บ้านหรือ ทำไมจึงโง่นัก
เรื่องอะไรคนอื่นจะต้องบอกนางว่าโรงงานเป็นของใคร ดูจากท่าทีแล้ว นางทำเหมือนโดนใครต้มตุ๋นให้เสียเงินก้อนใหญ่
“แล้วทำไมข้าต้องบอกเจ้ากัน” ถ้ามีหัวคิดสักนิด ย่อมรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นคนสร้างโรงงาน มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเข้าใจผิด
พอได้ยินเช่นนั้น สีหน้าหยางซู่อวิ๋นก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สายตาที่นางมองเฉียวเทียนช่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดั่งว่ากำลังมองสิ่งโสโครก สายตานางเช่นนั้นทำให้หนิงเมิ่งเหยาปวดตา
“เจ้าก็เพียงเกาะผู้หญิงกิน ยังจะมาภูมิใจอะไรอีก”
หนิงเมิ่งเหยากลั้นขำไม่อยู่ มีคนหาว่าแม่ทัพใหญ่เกาะผู้หญิงกินหรือนี่ จะมีอะไรตลกไปกว่านี้อีก
“เทียนช่าง นางหาว่าเจ้าเกาะผู้หญิงกินหรือ” หนิงเมิ่งเหยาทำตาเป็นประกายมองเฉียวเทียนช่าง
เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างเอ่ยอย่างรักใคร่ “ข้าก็เกาะผู้หญิงกินจริงไม่ใช่หรือ”
เขาอาศัยในบ้านของภรรยา เงินที่ได้ก็มาจากภรรยา แล้วเขาไม่ได้เกาะผู้หญิงกินตรงไหนกัน
“จริงด้วย” หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างซื่อตรงและยิ้มแย้ม
หยางซู่อวิ๋นเห็นหนิงเมิ่งเหยายิ้ม ส่วนตัวเฉียวเทียนช่างก็ไม่ได้นึกอายสักนิด ดั่งว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปเช่นนั้นและถูกต้องแล้วสำหรับพวกเขา
“หนิงเมิ่งเหยา อย่าทำตัวไร้ยางอาย เจ้าเป็นคนให้นะ ไม่ใช่คนรับ” หยางซู่อวิ๋นเห็นหนิงเมิ่งเหยากับเฉียวเทียนช่างแล้วรู้สึกระคายตานัก ไม่เพียงเท่านั้น นางยังรู้สึกว่าหนิงเมิ่งเหยาช่างทำตัวต่ำต้อยสิ้นดี
มีเงินมากขนาดนั้น ทำไมนางไม่ไปแต่งงานกับขุนนางเล่า กลับมาแต่งงานกับพรานป่า ช่างเป็นความอับอายของสตรีทุกคนเสียจริง
หนิงเมิ่งเหยาปิดหน้าตัวเอง หญิงนางนี้จะหน้าไม่อายได้มากกว่านี้หรือไม่
เฉียวเทียนช่างหรี่ตา แววตาเขาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง