ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 535 การต่อสู้ของเหล่ากู่พิษ + บทที่ 536 อู๋เฉินมาถึงแล้ว
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 535 การต่อสู้ของเหล่ากู่พิษ + บทที่ 536 อู๋เฉินมาถึงแล้ว
บทที่ 535 การต่อสู้ของเหล่ากู่พิษ
ขณะที่อู๋เฉินกำลังมองรอยนูนทั้งสามจุดบนข้อมือของหนานอวี่ ใบหน้าของชายหนุ่มก็เผยให้เห็นถึงความสมเพชในตนเอง และดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมามากขึ้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาจึงมักจะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง เวลาที่มีหญิงสาวเข้ามาหา หรือตอนที่เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับหญิงอื่น
ด้วยเหตุนี้เอง หญิงสาวทั้งหลายรวมถึงคนอื่นๆ จึงค่อยๆ ตีตัวออกห่าง ทำให้เขาต้องอยู่ตัวคนเดียว อู๋เฉินเคยคิดว่าสาเหตุนั้นอาจเกิดจากกู่พิษ แต่ก็ทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น เขาอาจจะคิดผิดก็เป็นได้
หญิงสาวที่เอากู่พิษมาใส่ในร่างกายของอู๋เฉินนั้น นับเป็นการกระทำที่กดขี่ข่มเหงอย่างมาก หากวันนี้หนิงเมิ่งเหยาไม่เข้ามาหา เขาก็คงไม่มีวันได้รู้เรื่องราวเหล่านี้เป็นแน่
หนิงเมิ่งเหยาดึงเฉียวเทียนช่างให้ลุกขึ้น และมองดูรอยนูนทั้งสามจุด ก่อนจะถามด้วยความใคร่รู้ “พวกมันทำอะไรอยู่หรือ”
หนานอวี่เอ่ยอย่างสุขุม “พวกมันกำลังต่อสู้กันอยู่ขอรับ”
หญิงสาวมองเขาอย่างตกตะลึง พร้อมกับอยากจะแตะหน้าผากของอีกฝ่ายเพื่อตรวจดูว่าเขาไม่สบายหรืออย่างไร
“เจ้าปกติดีอยู่หรือไม่ ทำไมถึงให้กู่พิษทั้งสามตัวต่อสู้กันในร่างกายของตนเองเช่นนี้เล่า”
“ราชากู่จะสามารถกลืนกินพวกมันได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้นขอรับ” หนานอวี่อธิบายอย่างใจเย็น เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลายครั้ง จนเขาไม่ได้สนใจนัก
นอกจากหนิงเมิ่งเยาแล้ว อู๋เฉินเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน ดูเหมือนว่าผู้คนที่อยู่รอบตัวหนิงเมิ่งเหยานั้นเป็นคนไม่ปกติทั้งสิ้น
หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็พบว่าหนึ่งในรอยนูนทั้งสามจุดได้หายไปแล้ว “มีตัวหนึ่งถูกกินไปแล้วใช่หรือไม่”
“ขอรับ”
เมื่อกู่พิษตัวแรกหายไป จากนั้นกู่พิษตัวที่สองก็หายไปด้วยเช่นกัน ไม่นานนัก กู่พิษเพียงหนึ่งตัวที่หลงเหลืออยู่นั้น ก็ค่อยๆ หายไปจนหมด
หนิงเมิ่งเหยายื่นมือไปสะกิดบริเวณที่เคยมีรอยนูนอยู่
“ตอนนี้มันไปไหนแล้วหรือ”
หนานอวี่เห็นแววตาอันเยือกเย็นของเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะรีบวางแขนลง
“มันอยู่ในร่างกายของข้าเอง”
หญิงสาวรู้สึกอึ้งจนไม่รู้จะพูดอย่างไร “เจ้าไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่มีพวกมันอยู่ในร่างกายของตนเองบ้างหรือ”
“มันเป็นเช่นนี้มากว่าสิบปีแล้ว” หนานอวี่ตอบอย่างสุขุม คนอื่นอาจจะเห็นว่าชายผู้นี้เป็นคนประหลาด แต่เขาคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้มาเป็นเวลานานแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นเงียบๆ “เจ้าน่าทึ่งยิ่งนัก”
หลังจากที่ราชากู่กลืนกินกู่พิษเหล่านั้นจนหมด ขณะเดียวกันนั้นเอง ณ วังหลวงอันงดงามแห่งเหมียวเจียง จู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งในชุดอันงดงามก็กระอักเลือดถึงสองครั้งติดต่อกันในทันที
หญิงสาวคนนั้นเอามือขึ้นมาทาบหน้าอกของตนเอง และก้มมองดูเลือดบนพื้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก “ใคร…ใครฆ่าของรักของข้า”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ องค์หญิง” ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆ เห็นเลือดของนาง จึงรีบเดินเข้ามาถามไถ่อย่างเป็นกังวล
“ไปให้พ้น”
“เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้สาวรู้สึกตกใจเมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของอีกฝ่าย นางจึงไม่กล้าอยู่ต่อ และรีบออกไปในทันที
หญิงสาวคนนั้นทรุดตัวลงเบาๆ พร้อมกับกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องประทินโฉมนั้นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
“อยากจะหลุดพ้นจากการควบคุมของข้าเช่นนั้นหรือ อย่าแม้แต่จะคิด!”
อู๋เฉินไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนั้น เขารู้เพียงว่าตนเองรู้สึกสบายขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ไม่มีกู่พิษอยู่ในร่างกายอีกต่อไป
กู่พิษเหล่านั้นคอยทำร้ายร่างกายของเขาเป็นเวลาถึงสิบปีเต็ม และในที่สุดวันนี้มันก็ถูกเอาออกไปจนหมดสิ้น
อู๋เฉินมองหนิงเมิ่งเหยาพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร เราเองก็ได้รับของที่ต้องการแล้วเช่นกัน” อู๋เฉินตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “นั่นสินะ”
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จสิ้น หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างก็เดินออกมา ก่อนจะไถ่ถามเพื่อความมั่นใจว่าอู๋เฉินจะไม่เจอปัญหาใดๆ ตามมา “ตอนนี้ อีกฝ่ายน่าจะรู้แล้วว่ากู่พิษในร่างกายของเจ้าถูกทำลายลงแล้ว เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อหรือ” ก่อนที่หนิงเมิ่งเหยาจะกลับ จู่ๆ นางก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
อู๋เฉินมองไปที่ห้องนี้พร้อมกับยิ้มมุมปาก “ที่แห่งนี้ไม่มีค่าอะไรกับข้าอีกแล้ว” ถึงเวลาที่เขาต้องจากไปเช่นกัน
“เจ้าควรระวัง ไม่ให้ถูกกดขี่ข่มเหงอีก” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
แต่ทว่าอู๋เฉินกลับหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ข้าอยากจะติดตามเจ้าไปด้วย”
“หา” หนิงเมิ่งเหยาตกตะลึง เพราะนั่นอาจทำให้พวกเขาเดือดร้อน
เฉียวเทียนช่างครุ่นคิดก่อนพยักหน้าตอบรับ “ก็ได้ คืนนี้ เจ้าออกมาตามลำพังก็แล้วกัน”
“ตกลง”
หนิงเมิ่งเหยาเดินออกมา ก่อนจะพบว่าหลัวเฟยรออยู่ตรงบันไดขึ้นชั้นสาม ทันใดนั้น สีหน้าของหญิงสาวก็เผยให้เห็นความขุ่นเคืองทันที “ร้านอาหารแห่งนี้ช่างดูธรรมดายิ่งนัก”
บทที่ 536 อู๋เฉินมาถึงแล้ว
หนานอวี่หนังตากระตุก พี่สะใภ้ของเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ พวกเขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบไม่พออีกหรือ ทำไมพี่สะใภ้คนนี้ถึงดูไม่พอใจนัก
หลัวเฟยอึ้งและมองหญิงสาวตรงหน้าเงียบๆ “ฮูหยิน พวกเราผิดไปแล้วขอรับ ท่านต้องการอะไรหรือขอรับ พวกเราจะอำนวยความสะดวกสบายให้ท่านอย่างสุดความสามารถเลยขอรับ” คนเหล่านี้พูดคุยอะไรกับนายท่านที่ชั้นบนกันแน่ เหตุใดพวกเขาจึงลอยหน้าลอยตาเดินออกมาได้เช่นนี้
ยิ่งหลัวเฟยครุ่นคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช่างแปลกพิกล จากนั้น อู๋เฉินก็พูดเสียงดังขึ้นมา
“ชดเชยเงินให้กับหญิงสาวผู้นี้จำนวนสองหมื่นตำลึงเงิน”
“ขอรับ” หลัวเฟยรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า นายท่านกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของคนพวกนี้หรืออย่างไรกัน
หญิงสาวยิ้มกรุ้มกริ่มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษไม่เบา
หลัวเฟยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมองหนิงเมิ่งเหยาเดินจากไป โดยเขายังคงมีรอยยิ้มให้เช่นเคย
เมื่อเสี่ยวเอ้อร์พันแผลเสร็จ เขาก็พบว่านายท่านปล่อยให้คนที่ก่อเรื่องเดินจากไปเฉยๆ ทำให้หัวใจของเขานั้นเย็นยะเยือก เขาเป็นฝ่ายที่โชคร้ายเสียเองเช่นนั้นหรือ
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาออกมาจากที่นั่น ก็เดินทางไปยังจวนของผู้สำเร็จราชการต่อ และเมื่อมาถึง ชิงซวงก็อุ้มเจ้าลิงน้อยมาต้อนรับ
เมื่อเด็กน้อยเห็นหนิงเมิ่งเหยาทำท่าลิงอยู่อย่างเงียบๆ เขาก็โบกมือไปมา พร้อมกับเบะปาก ราวกับว่ากำลังเสียใจอย่างมาก
หลังจากที่เห็นลูกชายแสดงท่าทีเช่นนั้น ผู้เป็นแม่ก็รู้สึกปวดใจ นางเข้าไปอุ้มเด็กน้อยมาประคองไว้แนบอก ก่อนจะสะกิดใบหน้าของเขา “พ่อกับแม่เสร็จธุระแล้ว พวกเราจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหนอีกแล้ว”
เจ้าลิงน้อยเอนตัวพิงหน้าอกของหญิงสาว พลางเม้มปากแล้วหลับตาช้าๆ ก่อนจะผล็อยหลับไป
หนิงเมิ่งเหยามองเด็กน้อยที่มีค่าที่สุดในชีวิตของตนเองอย่างเงียบๆ เขาคงไม่ได้รอให้พวกนางกลับมาก่อน จึงจะนอนหลับได้หรอกใช่ไหม
“อุ้มซางเอ๋อร์เข้าจวนกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างมองหน้าหนิงเมิ่งเหยาที่ทำอะไรไม่ถูก พลางรู้สึกขบขัน
หนานกงหมิงมองดูหนิงเมิ่งเหยาอุ้มซางเอ๋อร์เข้าไป นายน้อยของพวกเขาช่างน่ารักน่าเอ็นดู และเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังอย่างมาก เขาแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
ชิงซวงมองอนานอวี่ด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะเพื่อบอกว่าตนเองไม่เป็นไร นางจึงรู้สึกโล่งใจ
“หากมีคนชื่ออู๋เฉินมาที่นี่ ก็ให้เขาเข้ามาข้างในได้เลย” เมื่อเฉียวเทียนช่างกลับมาถึงที่จวน เขาก็ออกคำสั่งทันที
“ขอรับ”
“เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่าให้คนอื่นรู้เด็ดขาด” ชายหนุ่มมองหนานกงหมิงขณะพูดกำชับ
หนานกงหมิงตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะผงกศีรษะอย่างรวดเร็ว “ทราบแล้วขอรับ”
เฉียวเทียนช่างเดินกลับเข้าห้องและเห็นว่าภรรยากำลังนั่งดูลูกชายอยู่ตรงข้างเตียง ราวกับว่านางกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดบางอย่าง
“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ”
“ข้ากำลังสงสัยว่าควรจะเปิดโปงเรื่องนี้อย่างไรดี” หากต้องการจะกำจัดมัน ก็ต้องกำจัดแบบถอนรากถอนโคน มิเช่นนั้นก็จะไม่มีประโยชน์
เฉียวเทียนช่างเดินมาหาหนิงเมิ่งเหยา ก่อนจะโอบไหล่หญิงสาว “ทุกอย่างมีเวลาของมันเสมอ”
“จริงหรือ”
“ตอนนี้อีกฝ่ายรู้แล้วว่ากู่พิษในตัวของอู๋เฉินนั้นได้ถูกเอาออกไปแล้ว อีกไม่ช้า พวกเขาก็คงจะส่งคนมาที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้น เราก็จะมีโอกาสเอง ระหว่างนี้ เจ้าก็สนุกกับเรื่องอื่นๆ ของพวกเขาไปก่อนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็น
เฉียวเทียนช่างมองว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นของเล่นที่ทำให้หนิงเมิ่งเหยาเพลิดเพลินได้เท่านั้น
หญิงสาวเอียงศีรษะของตนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าพูดถูก”
กลางดึกคืนนั้น มีเสียงผิวปากอันแผ่วเบาดังขึ้นในจวนของผู้สำเร็จราชการ หนานกงหมิงและคนอื่นๆ อีกสองสามคนเท่านั้นที่รู้ว่าอู๋เฉินจะมาที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายมากนัก
“ตามข้ามา”
วันรุ่งขึ้น อู๋เฉินพบกับเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยา โดยนางกำลังอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน เมื่อเขาเห็นเด็กชายคนนี้ ก็รู้สึกถูกชะตากันในทันที “ช่างน่ารักน่าชังอย่างยิ่ง”
“ใช่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้าอย่างหลงใหล เจ้าลิงน้อยของนางจะไม่น่ารักได้อย่างไรกันเล่า
อู๋เฉินมองเพียงเด็กทารกคนนั้น โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีท่าทีหลงตัวเองเพียงใด ขณะนั้นเอง เฉียวโม่ซางก็ลืมตามองอู๋เฉิน เขาอ้าปากหาว พร้อมกับเอามือเล็กๆ ขึ้นมาปิดปาก ดวงตาคู่นั้นมีน้ำตาหยดใสๆ ร่วงลงมาคลอ เมื่ออู๋เฉินเห็นดังนั้น ก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอุ้มเด็กน้อยคนนี้อย่างมาก
“ข้า…ขออุ้มเขาได้หรือไม่” ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานมากแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ
อู๋เฉินอุ้มเฉียวโม่ซางไว้แนบอก ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่งดงาม จนหญิงสาวรู้สึกตะลึงไปเล็กน้อย
ใบหน้าจิ้มลิ้มของเฉียวโม่ซางนั้นขมวดคิ้วย่นราวกับว่ากำลังรู้สึกอึดอัด หนิงเมิ่งเหยาจึงรีบบอกชายหนุ่ม “อ่อนโยนกับเขากว่านี้อีกหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้น อู๋เฉินก็ผ่อนคลายอาการเกร็งลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับท่วงท่าให้เด็กน้อยรู้สึกสบายตัวขึ้น จากนั้นไม่นานคิ้วที่ขมวดของเฉียวโม่ซางก็กลับมาเป็นปกติ