ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 597 ทางลับ + บทที่ 598 ทางเดิน
บทที่ 597 ทางลับ
ดูเหมือนเฉียวเทียนช่างจะสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของภรรยากำลังแปรปรวน เขาจึงปลอบประโลมให้นางสงบลงในทันที
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะพร้อมขมวดคิ้วแน่น “เข้าใจแล้ว”
พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปด้านในด้วยความระมัดระวัง แล้วจู่ๆ มือของหนิงเมิ่งเหยาก็ไปสัมผัสถูกบางสิ่งที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มีเสียงราวกับอะไรบางอย่างกำลังพุ่งออกมา
“ระวัง” เฉียวเทียนช่างหมุนตัวมากอดหนิงเมิ่งเหยา ในขณะที่เขากำลังหลบเหล่าลูกธนูที่พุ่งเข้ามา
คำเตือนของชายหนุ่มทำให้หงอิงและคนอื่นๆ ไม่ได้รับบาดเจ็บ และเมื่อทุกคนเริ่มเดินกันต่อ ก็เพิ่มความระมัดระวังกันมากกว่าเดิม
พวกเขาเดินอยู่ในทางลับที่ค่อนข้างลึกแห่งนี้มาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ
ทันใดนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็ชะงักฝีเท้าลง “หยุดก่อน พวกเจ้าได้ยินเสียงแปลกๆ หรือไม่”
พวกเขาหลับตาลงเพื่อฟังเสียง ทางเดินแห่งนี้จึงเงียบลงยิ่งกว่าเดิมเพราะทุกคนหยุดเดิน
“ใช่ ฟังดูคล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังถูพื้นอยู่” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างไม่มั่นใจนัก
“อืม นั่นสิ แต่เสียงนี้เหมือนจะดังมาจากที่ไกลมากๆ แต่ก็ดูเหมือนจะอยู่ใกล้ด้วยเช่นกัน” เฮยอีหลับตาลงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองพวกเขาและพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสับสน
“พวกเราเดินกันต่อเถอะ”
หลังจากได้ยินเสียงปริศนานั้น เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ก็เดินลึกเข้าไปด้านใน พวกเขาหยุดเดินเป็นระยะ เพื่อตรวจสอบดูว่ายังได้ยินเสียงก่อนหน้านี้อยู่หรือไม่
ท่ามกลางความมืดมิดนั้น จู่ๆ หนิงเมิ่งเหยาก็ตัวสั่น “เทียนช่าง เหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงกรีดร้อง”
“อืม เจ้าพูดถูก มันดังมาจากด้านในที่อยู่ลึกเข้าไปอีก เราไปกันเถอะ” ชายหนุ่มผงกศีรษะ เขาได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่มิได้หวาดกลัวอะไร
แต่หญิงสาวกลับไม่สามารถทำอารมณ์ให้สงบลงได้ นางเริ่มคิดฟุ้งซ่าน
“เทียนช่าง ข้ารู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยาจะทำเช่นไรหากท่านพ่อของตนคือผู้ที่ถูกทรมานเช่นนั้น
หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงท่านพ่อของนางอย่างยิ่ง
เฉียวเทียนช่างหันกลับมากอดภรรยาไว้แนบอก “เรามีชิงซวงอยู่ทั้งคน จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหนานกงเยี่ยน แต่ถ้ามีชิงซวงอยู่ใกล้ๆ เขาก็จะไม่เป็นอะไร
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่น พวกเขาเริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
หงอิงลดเสียงลงต่ำ “คนพวกนั้นจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง ถึงได้พยายามอย่างมากที่จะนำตัวท่านลุงมาที่นี่ ดังนั้นเขาจะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน”
สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างดูดีทีเดียว เว้นแต่ว่ามันเงียบสงัดเกินไปจนอาจทำให้คนในนั้นเสียสติได้
“พวกเรารีบเดินเถอะ” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกละอายใจเล็กน้อย พวกเขามาที่นี่เพื่อตามหาหนานกงเยี่ยน แล้วหญิงสาวจะปล่อยให้ทุกคนมาคอยปลอบตนเองได้อย่างไร
พวกเขาเริ่มเดินหน้าต่อไป แต่โชคไม่ดีที่เฉียวเทียนช่างก้าวเท้าพลาด ตรงพื้นด้านล่างถูกเปิดเป็นหลุมลึกทันที หนิงเมิ่งเหยาคว้าตัวสามีไว้ได้ก่อนที่เขาจะร่วงลงไป แต่สุดท้าย ทั้งคู่กลับตกลงไปด้านล่างด้วยกัน
ในขณะที่หงอิงและคนอื่นๆ กำลังจะเข้าไปช่วย ทั้งสองคนก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา และหลุมนั้นก็ปิดผนึกตัวเองลงอีกครั้ง
“บัดซบ” ไป๋อีสบถ สถานที่แห่งนี้มันช่างบ้าบอสิ้นดี
“พวกเราไปตามหาท่านพ่อของเหยาเอ๋อร์ก่อนเถอะ” พวกเขารู้จักผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิง จึงจำใบหน้าของเขาได้
แม้ว่าไป๋อีจะรู้สึกแค้นเคืองอยู่เต็มหัวใจ แต่เขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของเฮยอี
ยิ่งพวกเขาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นอันตรายเท่านั้น นอกจากนี้ เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ยังให้พวกเขาเป็นคนดูแลเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดการมันให้สำเร็จให้ได้
ในตอนที่หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างกำลังร่วงลงมา หญิงสาวจับมือของชายหนุ่มเอาไว้แน่น โดยที่เขาเองก็ดึงนางเข้าไปกอดไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง พลางคอยคำนวณดูว่าพวกเขาจะตกลงไปที่ไหนกันแน่
“เทียนช่าง หลุมนี้มันลึกเพียงใดกัน” พวกเขาตกลงมาสักพักแล้วแต่ยังไม่ถึงก้นหลุมสักที นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกหมดคำพูด
“ข้าไม่รู้เลย อดทนอีกหน่อยเถิด”
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เฉียวเทียนช่างก็เป็นคนที่ตกลงมาถึงด้านล่างก่อน ตามมาด้วยหนิงเมิ่งเหยาที่หล่นทับตัวเขา
จู่ๆ แสงสว่างก็ส่องเข้ามาทำให้หญิงสาวปรับสายตาไม่ทัน จนต้องหลับตาลง
จากนั้นนางจึงลืมตาขึ้น ก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง หลังจากที่เห็นสิ่งของรอบๆ ตัว
ที่นี่คือห้องศิลาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยทองคำ เงิน อัญมณี รวมถึงสิ่งของล้ำค่าจำนวนมาก
“เทียนช่าง ที่นี่คือสถานที่ที่ราชครูคนนั้นเก็บซ่อนสมบัติของเขาหรือ” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“เป็นไปได้” เฉียวเทียนช่างมองไปรอบๆ และตระหนักได้ว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นสมบัติล้ำค่าจำนวนมากที่อาจจะมากกว่าสมบัติของเซียวชวี่เฟิงเลยทีเดียว
บทที่ 598 ทางเดิน
หนิงเมิ่งเหยาลูบคางด้วยมือข้างหนึ่ง สีหน้าของนางดูราวกับกำลังรู้สึกเสียดาย “จะดีแค่ไหนหากพวกเราสามารถเอาของทั้งหมดนี้ไปด้วยได้”
ของล้ำค่าในที่แห่งนี้น่าจะมีจำนวนมากกว่าสมบัติของเมืองเซียวเสียอีก
เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปลูบศีรษะหญิงสาว “เรายังมีโอกาสอีก”
หนิงเมิ่งเหยามองไปรอบๆ ก่อนจะจับจ้องอยู่ที่กระบี่อ่อนด้ามหนึ่งซึ่งอยู่ในกองที่เต็มไปด้วยอาวุธทั้งหลาย
“กระบี่เล่มนี้ช่างงดงามยิ่งนัก”
“กระบี่หิมะโปรย ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่ที่นี่” เฉียวเทียนช่างประหลาดใจอย่างมากที่พบกระบี่หิมะโปรยอยู่ที่นี่ มันจัดอยู่ในอันดับสามของยุทธภพทีเดียว
“เทียนช่าง เจ้ารู้จักมันหรือ” หนิงเมิ่งเหยาหันไปมองชายหนุ่มและเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เขายิ้มและผงกศีรษะ “ใช่ กระบี่หิมะโปรยคือกระบี่ที่เหมาะกับผู้หญิง มันจัดอยู่ในลำดับที่สามของยุทธภพ หากกล่าวถึงพลังที่แท้จริงของมันแล้ว ก็ถือว่ามันอยู่ในอันดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่เพราะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถแสดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้อันดับของมันตกลงมาที่อันดับสามนั่นเอง”
“ข้าชอบมัน”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็นำมันมาด้วยสิ” ชายหนุ่มไม่รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อพวกเขาตกลงมาที่นี่แล้ว หากไม่ได้เอาอะไรออกไปด้วยก็คงจะเสียใจน่าดู
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ ก่อนจะเดินไปหยิบกระบี่เล่มนั้น มันเบามากจนนางรู้สึกราวกับว่ามิได้ถืออะไรอยู่เลย
“ช่างเบาอะไรเช่นนี้” หญิงสาวพูดอย่างประหลาดใจ
“คุณสมบัติแรกของกระบี่เล่มนี้คือน้ำหนักเบาราวกับขนนก ทำให้ผู้ที่ครอบครองนั้นสามารถควบคุมมันได้อย่างถนัดมือ” ชายหนุ่มยิ้มและมองสีหน้าของของภรรยาที่ดูประหลาดใจ ก่อนจะกล่าวเสริม “แต่หากไม่มีตำราการใช้กระบี่ กระบี่หิมะโปรยเล่มนี้ก็จะไร้ค่า”
“ถ้าเช่นนั้น เราลองดูกันว่าที่นี่มีตำราการใช้กระบี่อยู่หรือไม่” หญิงสาวพูดอย่างกระตือรือร้น
ตอนนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร ดังนั้น อาจจะเจอสิ่งที่นางต้องการก่อนก็เป็นได้
“มันบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร” เพียงแค่ได้กระบี่หิมะโปรยมาครองนั้นก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยแล้ว จะไปมีตำราการใช้กระบี่ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น เฉียวเทียนช่างก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าภรรยาของตนกำลังถือตำราการใช้กระบี่เล่มหนึ่งอยู่ในมือ และภาพที่อยู่บนปกนั้นคือกระบี่หิมะโปรย
ริมฝีปากของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อย ‘เหยาเหยาจะดวงดีเกินไปแล้ว’
“ข้าเจอมันแล้ว” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่าอีกฝ่ายดูมีความสุข เขาก็ยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะ “เจ้าเดินไปดูทางด้านนั้นเถอะ ข้าจะไปหาทางออก”
สถานที่แห่งนี้ช่างกว้างขวางใหญ่โต จึงยากที่จะหาทางออกให้พบ
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะ “ข้าจะไปหากับเจ้าด้วย”
ทั้งสองคนเดินค้นหารอบๆ แต่ก็ไม่เจอกลไกสำหรับทางออกเลย
หญิงสาวนั่งลงกับพื้นอย่างท้อแท้ และมองสามีอย่างเคร่งเครียด “เทียนช่าง ถ้าหากพวกเราหาทางออกไม่เจอจะทำอย่างไรดี”
“ไม่เป็นไรหรอก ลองนึกถึงที่ๆ พวกเราอาจจะมองข้ามไปดู” ชายหนุ่มรู้สึกตะหงิดใจเช่นกัน สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องแยกเดี่ยวก็จริง แต่เขาไม่เชื่อว่ามันจะไม่มีทางออก หรือกลไกใดๆ เลย
“ตกลง”
หนิงเมิ่งเหยาก้มศีรษะลงเพื่ออ่านตำราเล่มนั้นอย่างจริงจัง และไม่นานนัก นางก็หมกมุ่นอยู่กับมัน เฉียวเทียนช่างมองภรรยาเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปด้านข้าง จากนั้นจึงสำรวจจุดที่น่าสงสัยรอบๆ อีกครั้ง
หลังจากเดินครบอีกหนึ่งรอบ รวมถึงค้นหาตรงตำแหน่งที่เต็มไปด้วยสมบัติแล้ว เขาก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ อยู่ดี
เฉียวเทียนช่างยืนอยู่ตรงกันข้ามกับหนิงเมิ่งเหยา และมองอีกฝ่ายที่กำลังนั่งขัดสมาธิอ่านตำราการใช้กระบี่ โดยวางกระบี่หิมะโปรยไว้ข้างตัว
ทันใดนั้น เฉียวเทียนช่างก็มองเห็นอะไรบางอย่าง จึงเดินเข้ามาข้างๆ หญิงสาว จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองแสงสว่างจากด้านบนห้องศิลาแห่งนี้ ลำแสงนั้นส่องมาตกกระทบที่กระบี่หิมะโปรยเล่มนั้นพอดี
ดูเหมือนว่าแสงนั้นจะมีคำบางคำปรากฏอยู่
เฉียวเทียนช่างมองหาบันได แต่ก็ไม่เจอ เขาจึงขยับหีบขนาดใหญ่ใบหนึ่งมา ก่อนจะกระโดดขึ้นไปยืนบนนั้น
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบรรทัดที่มีอักษรตัวเล็กๆ ปรากฏอยู่เหนือห้องศิลา ก่อนจะยิ้มอย่างแผ่วเบา ในที่สุดเขาก็เจอจนได้
เฉียวเทียนช่างกระโดดลงมาและเลื่อนหีบนั้นออกไป
เขาเดินไปนั่งข้างๆ ภรรยาพร้อมกับมองนางอ่านตำราการใช้กระบี่เล่มนั้น
หนิงเมิ่งเหยาไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งที่เฉียวเทียนช่างทำลงไป เพราะมัวแต่หมกหมุ่นอยู่กับการอ่านตำราการใช้กระบี่เล่มนี้ และตอนนั้นเอง หญิงสาวก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงไม่มีใครสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของกระบี่หิมะโปรยเล่มนี้ได้