ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 599 เสียงจากห้องแห่งความลับ + บทที่ 600 ห้องแห่งความลับช่างมืดมิด
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 599 เสียงจากห้องแห่งความลับ + บทที่ 600 ห้องแห่งความลับช่างมืดมิด
บทที่ 599 เสียงจากห้องแห่งความลับ
เฉียวเทียนช่างนั่งลงข้างๆ และมองดูหนิงเมิ่งเหยาที่กำลังอ่านตำราการใช้กระบี่อย่างตั้งใจ หลังจากนั้น นางก็ลุกขึ้นยืนและเริ่มฝึกใช้กระบี่หิมะโปรย
หญิงสาวรู้สึกราวกับว่ากระบี่ในมือนั้นไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง และมันมิได้ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายของนางนั้นสะดุดเลยแม้แต่น้อย
เฉียวเทียนช่างเหลือบมองร่างกายของภรรยาที่พลิ้วไหว พลางคิดว่ากระบี่เล่มนี้ราวกับถูกสร้างมาเพื่อนางโดยเฉพาะ
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาวางกระบี่ลงบนพื้น ดวงตาของชายหนุ่มก็ดูมีความสุขขึ้นมา “เป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้ารู้สึกดีมาก เทียนช่าง ข้าชอบกระบี่เล่มนี้จริงๆ “ หญิงสาวมองสามีด้วยแววตาเป็นประกาย ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ควรออกไปจากที่แห่งนี้กันได้แล้ว” เฉียวเทียนช่างพูดขึ้น ในขณะที่หนิงเมิ่งเหยายังคงมีความสุขอยู่
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองเขาด้วยความแปลกใจ และเอ่ยถาม “เจ้าหาทางออกเจอแล้วหรือ”
“ใช่ เจอแล้ว แต่ข้ายังต้องการให้เจ้าใช้มันต่อ” เฉียวเทียนช่างยิ้มและมองอีกฝ่าย
หนิงเมิ่งเหยาสับสนเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไรกัน”
“เราต้องใช้กระบี่หิมะโปรยนั่นเปิดประตูห้องศิลาแห่งนี้”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกงุนงงยิ่งกว่าเดิม นางมองสามีด้วยแววตาว่างเปล่า “เทียนช่าง ข้าไม่เข้าใจ ทำไมจึงต้องใช้กระบี่หิมะโปรยเปิดประตูด้วยเล่า”
หลังจากชายหนุ่มอธิบายให้นางฟังอย่างอ่อนโยน เขาก็ยิ้มและพูดว่า “บางที แม้แต่เจ้าของที่แห่งนี้ อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มีห้องศิลาที่เต็มไปด้วยสมบัติเช่นนี้อยู่”
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาทอเป็นประกายในทันที นางมองเฉียวเทียนช่างอย่างตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหวัง “เทียนช่าง เจ้าหมายความว่าสมบัติเหล่านี้ไม่มีเจ้าของหรือ แปลว่าข้าสามารถเอาของทั้งหมดนี้ออกไปได้ใช่หรือไม่”
“ใช่ จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ชายหนุ่มผงกศีรษะ
หญิงสาวหัวเราะอย่างตื่นเต้น แม้ว่าตอนนี้ นางจะไม่รู้ว่าตนเองมีเงินอยู่เท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครไม่ชอบให้มีเงินอยู่ในมือมากมายหรอก จริงไหม นอกจากนี้ นางยังไม่มีสมบัติที่อยู่ที่นี่อีกด้วย
“เอาล่ะ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้กัน สิ่งที่พวกเราต้องทำคือหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องสมบัติของที่นี่กันในภายหลัง”
“ตกลง”
หนิงเมิ่งเหยาทำตามคำแนะนำของเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะยกกระบี่หิมะโปรยขึ้นมาแล้วถ่ายเทพลังภายในเข้าไป ทันใดนั้นกระบี่ในมือของนางก็กระเด็นหลุดออกจากมือและพุ่งไปทางด้านหลังตรงพื้นที่ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นด้านหลังทันที
ทั้งสองเดินไปตรงนั้น และมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “ที่นี่แตกต่างกับที่อื่นๆ อย่างไรหรือ”
หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปหยิบกระบี่ตรงผนังอย่างลืมตัว และทันทีที่ยกมันออกมา ก็มีประตูบานหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็น
หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อเห็นว่ามีบันไดทอดลงมาสู่ห้อง “ที่นี่มีห้องลับกี่ห้องกันแน่”
“ข้าไม่รู้ แต่พวกเราไปกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างเดินนำหน้าและจับมือภรรยาอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งคอยสอดส่องสิ่งรอบข้างเป็นครั้งคราว
หลังจากที่ทั้งคู่เดินมาได้ระยะหนึ่ง ชายหนุ่มก็หยุดฝีเท้าลง “เหยาเหยา เจ้าได้ยินเสียงหรือไม่”
หนิงเมิ่งเหยาตั้งใจฟัง ก่อนจะพยักหน้า “ได้ยินแล้ว ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้อยู่บ้าง เทียนช่าง เดินตามเสียงนี้ไปกันเถอะ”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันนั้น ทำให้พวกเขาค่อยๆ ย่างฝีเท้าอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลั้นลมหายใจไปด้วย
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปที่นั่น แต่หลังจากเดินมาได้ไม่นานนัก เสียงนั้นก็เงียบลง
หนิงเมิ่งเหยาเงยหน้ามองอย่างงุนงง “หรือว่าพวกเราเข้าใจผิด แต่ข้ามั่นใจว่าเคยได้ยินเสียงนั้นมาจากที่ใดสักแห่งมาก่อน”
หญิงสาวเคยได้ยินเสียงนี้อย่างแน่นอน แต่นางไม่ค่อยคุ้นเคยกับเสียงนี้มากนัก หรืออาจจะพูดได้ว่านางไม่ได้คุ้นเคยกับเจ้าของเสียงนั้นมากกว่า
ทางเดียวที่จะทำให้นางรู้สึกเช่นนี้ได้คือนางไม่ได้ยินเสียงของคนๆ นี้บ่อยครั้งนัก
“ไป๋โม่” จู่ๆ เฉียวเทียนช่างก็พูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา
หนิงเมิ่งเหยาตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะนึกถึงเสียงที่ตนเองได้ยินเมื่อครู่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับเสียงของไป๋โม่ จากนั้นสีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปในทันที “ฟังดูเหมือนกับเสียงของไป๋โม่จริงๆ”
บทที่ 600 ห้องแห่งความลับช่างมืดมิด
“อย่าเพิ่งรีบร้อน พวกเราไปดูกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างรู้ดีว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ หากไป๋โม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหนานกงเยี่ยน เขาก็น่าจะถูกคุมขังเช่นเดียวกันกับท่านพ่อของนาง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผู้สำเร็จราชการก็ต้องอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
หนิงเมิ่งเหยาข่มความตื่นเต้นในใจ ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งทั้งสองคนเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ หัวใจของหญิงสาวก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นราวกับว่ามีบางอย่างดึงดูดนาง
“เทียนช่าง พวกเรา…”
“ชู่ เงียบก่อน มีใครบางคนกำลังมาที่นี่” จู่ๆ เฉียวเทียนช่างก็ปิดปากภรรยา และดึงตัวนางหลบไปทางด้านข้าง
ทั้งสองคนรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นว่ามีใครมา จากนั้นหนิงเมิ่งเหยาก็ไม่อาจกลั้นลมหายใจได้อีกต่อไป
“เทียนช่าง เจ้าเข้าใจผิดไปหรือไม่” หญิงสาวขมวดคิ้วและเอ่ยถาม
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่”
“แต่…”
“ที่แห่งนี้น่าจะมีทางลับเส้นอื่นอีก พวกเรารีบไปกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างดึงนาง ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในต่อ และครั้งนี้เขาเร่งฝีเท้ายิ่งกว่าเดิม
หนิงเมิ่งเหยามองสามี และต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่เห็นท่าทีอันเคร่งขรึมของเขา นางจึงเงียบต่อไป
พวกเขาทั้งสองคนเดินอยู่ในเส้นทางลับนี้อยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่พบเจออะไร และไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณหรืออะไรก็ตาม แต่เมื่อทั้งคู่ออกมาจากห้องศิลาได้แล้ว ทุกอย่างก็ดูเงียบสงบ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทางลับแห่งนี้มีระยะทางเท่าไหร่
“สถานที่แห่งนี้มันลึกเข้าไปเพียงใดกัน” หนิงเมิ่งเหยาพึมพำเสียงเบา
“เรากำลังจะถึงจุดสิ้นสุดในอีกไม่ช้า อย่ากังวลเลย” จริงๆ แล้วเฉียวเทียนช่างก็เป็นกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อหญิงคนรักอยู่ข้างๆ เขาจึงจำเป็นต้องกำจัดความกังวลของตนทิ้งไป
หนิงเมิ่งเหยารอชายหนุ่มด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “เทียนช่าง…”
“เด็กดี เราต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด” แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะชื้นไปหน่อย แต่ก็มิได้ร้อนอบอ้าว นั่นหมายความว่าอากาศที่นี่ถ่ายเทดี พวกเขาเพียงแค่ต้องมองหามันให้เจอเท่านั้น
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าฝ่ามือของตนเองนั้นเกร็งและตึง หญิงสาวจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้ว่าทำไมกล้ามเนื้อบนร่างกายของนางจึงดูตึงขนาดนี้
“ข้าไม่รู้เลยว่าเส้นทางนี้จะพาพวกเราไปที่ใด เพราะฉะนั้น เหยาเหยา เจ้าต้องระวังตัว หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะต้องหนีออกจากที่แห่งนี้เป็นคนแรก เข้าใจหรือไม่” ทันใดนั้น เฉียวเทียนช่างก็หยุดเดิน และหันมาหาหญิงสาว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมหรือ”
“ที่นี่คือชั้นใต้ดินของวังหลวงที่มีใครสักคนสร้างขึ้นมาแน่ๆ เมื่อพวกเราออกไปจากที่นี่ได้ ก็อาจจะโผล่ขึ้นไปยังสถานที่ที่ไม่คาดคิด หรือบางที มันอาจจะพาเราไปหาใครสักคนหนึ่งก็ได้” ชายหนุ่มพูดประเด็นของตนเองอย่างชัดเจน หากหนิงเมิ่งเหยายังไม่เข้าใจว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร นางก็คงจะโง่เขลาเต็มที
“เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง”
“ตกลง” เฉียวเทียนช่างเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะอย่างหนักแน่น
หนิงเมิ่งเหยาเดินไปตามทางอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำของสามี
เมื่อทั้งสองคนเดินมาจนสุดทางเดินลับแห่งนี้ จู่ๆ เสียงที่เคยเงียบหายไปก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็ฟังดูคล้ายกับเสียงของไป๋โม่อย่างมาก
หนิงเมิ่งเหยามองชายหนุ่ม ก่อนจะเดินตามเขาไป และคอยฟังเสียงนั้นอย่างเงียบๆ
หลังจากได้ยินเสียงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็เกิดความสงสัย “เทียนช่าง ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ไป๋โม่อยู่ที่นั่น”
“มีคนอื่นด้วย” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ
คำพูดที่ไป๋โม่เอ่ยออกมานั้นฟังดูเหมือนว่าเขากำลังสนทนากับใครอีกคนอย่างแน่นอน แต่ทำไมคนที่เขาพูดด้วยนั้น กลับเฉยเมยและไม่ตอบอะไรเขาเลยเล่า เมื่อเฉียวเทียนช่างฟังถ้อยคำของไป๋โม่ ก็คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่สามารถพูดโต้ตอบ หรืออาจจะหมดสติก็เป็นได้
ทันใดนั้น ฝ่ามือของเฉียวเทียนช่างก็สั่น ดวงตาของเขาดูร้อนรนเล็กน้อย
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขานึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมา มีเพียงเขาคนนั้นเท่านั้นที่จะอยู่ในเหตุการณ์เช่นนี้ได้
หนิงเมิ่งเหยาที่กำลังตั้งใจฟังคำพูดของไป๋โม่นั้นไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของสามีเลย ยิ่งหญิงสาวฟังเสียงของอีกฝ่ายเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสับสนมากขึ้นเท่านั้น “เทียนช่าง เจ้าคิดว่าท่านพ่อกำลังถูกไป๋โม่ทำร้ายอยู่หรือไม่”
หลังจากฟังเสียงจากมุมกำแพงเป็นเวลานาน หนิงเมิ่งเหยาก็เข้าใจได้ว่าไป๋โม่นั้นไม่ได้ถูกจับตัวอยู่แต่อย่างใด จึงหมายความได้เพียงอย่างเดียวว่า เขาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหนานกงเยี่ยนไม่ผิดแน่