ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 627 ฝากพวกเจ้าด้วย ข้าจะตอบแทบให้ในชาติหน้า + บทที่ 628 นางต้องการล้างแค้น
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 627 ฝากพวกเจ้าด้วย ข้าจะตอบแทบให้ในชาติหน้า + บทที่ 628 นางต้องการล้างแค้น
บทที่ 627 ฝากพวกเจ้าด้วย ข้าจะตอบแทบให้ในชาติหน้า
หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้แนะนำอะไรนางต่อเมื่อเห็นความตั้งใจอันแน่วแน่ของนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก็ตาม
หนิงเมิ่งเหยามองเว่ยลั่วเงียบๆ อับจนด้วยคำพูด
หากนางไม่มีลูก นางก็คงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเว่ยลั่วจึงตัดสินใจเช่นนั้น แต่ตอนนี้นางเข้าใจอย่างสุดซึ้ง หากคนอื่นทำกับเจ้าลิงน้อยเหมือนดังเช่นที่เฟิงเอ๋อร์เคยโดน เป็นนาง นางก็คงจะคลั่งแน่
“เจ้า…”
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะบอกว่าข้ากำลังประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป ข้าจะไปสู้กับคนทั้งตระกูล บางทีอาจจะสองตระกูลด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร ไม่ใช่ข้าไม่เข้าใจตรรกะนี้หรอกนะ แต่ข้าคงนอนตายตาไม่หลับแน่ เจ้าอย่ากังวลไปเลย ถ้าพวกมันไม่ตาย ข้าจะไม่ยอมตายแน่” เว่ยลั่วขัดหนิงเมิ่งเหยา นางมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว
หนิงเมิ่งเหยารู้ว่าเว่ยลั่วคงเป็นบ้าในไม่ช้านี้แน่หากไม่ปล่อยให้นางได้ทำตามใจ
“เจ้าวางแผนว่าจะทำอย่างไร” หนิงเมิ่งเหยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนมองเว่ยลั่ว
“ก่อนอื่นข้าต้องซ่อนตัว” มีแต่ซ่อนตัวจนไม่มีใครหาพบเท่านั้น นางจึงจะสามารถแก้แค้นได้
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หนิงเมิ่งเหยาจึงกลับไปที่ห้องของตน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงกลับมาพร้อมกับผ้าชิ้นเล็กๆ จำนวนหนึ่ง
“ข้างในนี้มีหน้ากากหนังมนุษย์อยู่สิบอัน คงพอให้เจ้าใช้” ตอนนี้นางช่วยได้เพียงเท่านี้
เว่ยลั่วเบิกตากว้างอย่างตกใจ ของพวกนี้นับว่าช่วยร่นเวลาให้นางมากยิ่งนัก
นางยื่นมือไปรับถุงใส่หน้ากากจากมือหนิงเมิ่งเหยา เว่ยลั่วล้วงมือเข้าไปในชุดของตน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหยิบเอาจี้หยกสีดำขึ้นมา “นี่สำหรับลูกข้า ตอนนั้นข้าไม่ได้มอบมันให้กับเขาเพราะอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
“ของพ่อเขาหรือ” หนิงเมิ่งเหยาหยุดคิดเล็กน้อย นางพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใช่ ข้าโล่งใจนักที่ลูกของข้าอยู่กับเจ้า หากเกิดชาติหน้า ข้า เว่ยลั่วขอเกิดเป็นวัวหรือม้าให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาเพื่อตอบแทนบุญคุญในครั้งนี้ ข้าไม่หวังว่าเด็กผู้นั้นจะต้องร่ำรวย ข้าเพียงหวังว่าเขาจะเติบโตมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น” เว่ยลั่วคุกเข่าลงกับพื้น นางคำนับหนิงเมิ่งเหยาสามครั้ง
หนิงเมิ่งเหยารีบดึงนางให้ลุกขึ้นยืน “เขาเรียกพวกข้าว่าท่านพ่อกับท่านแม่ ดังนั้นพวกข้าต้องปกป้องเขาอยู่แล้ว”
เว่ยลั่วยิ้ม “ข้าจะจดจำความใจกว้างของเจ้าเอาไว้ หากข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไปหาเจ้า” แม้ในเวลานั้นบุตรชายของนางจะไม่มีนางอยู่ในหัวใจ แม้ว่าตอนนั้นเขาจะเป็นลูกของคนอื่นไปแล้ว แต่นางก็พร้อมที่จะยอมรับความจริงเรื่องนั้น
“เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะหาเราเจอที่หมู่บ้านไป๋ซานในเมืองเซียว” เมื่อเห็นการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวนั้น หนิงเมิ่งเหยาจึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างจนใจ ถ้านางห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ทำเช่นนั้นนางคงต้องเป็นบ้าในไม่ช้านี้แน่
เว่ยลั่วชะงัก จากนั้นจึงพยักหน้า “ตกลง ข้าจะมุ่งหน้าไปที่นั่น ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน”
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว “เจ้าจะไม่ไปเจอลูกก่อนหรือ”
“ไม่จำเป็น ก่อนหน้านี้ข้าก็เห็นเขาแล้ว พวกเจ้าดูแลเขาดียิ่งนัก” เขาตัวสูงกว่าเมื่อก่อน สีหน้าเขาก็เปล่งปลั่งเมื่อชายผู้นั้นคุยด้วย แม้สีหน้าของชายผู้นั้นจะดูเย็นชา แต่นางรู้ได้ว่าเขาเอ็นดูบุตรชายของนางยิ่งนัก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
หลังเว่ยลั่วออกไป หนิงเมิ่งเหยาจึงมองห้องอันว่างเปล่านั้นพลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา บางทีหากพวกนางได้พบกันอีกครั้ง คนผู้นั้นอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
แต่บางทีพวกนางอาจไม่ได้พบกันอีก
เฉียวเทียนช่างเห็นหนิงเมิ่งเหยาเดินออกมาเพียงผู้เดียว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “นางไปไหนเสียล่ะ”
“นางไปแล้ว นางทิ้งสิ่งนี้เอาไว้ บอกว่าให้เฟิงเอ๋อร์ นางอยากจะเป็นแม่ทูนหัวของเฟิงเอ๋อร์จึงทิ้งสิ่งนี้ไว้ให้” เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กๆ มีบางเรื่องที่นางไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ หนิงเมิ่งเหยารู้ดี
เฉียวโม่เฟิงกะพริบตาเมื่อเห็นจี้หยกในมือของมารดา “ท่านแม่ขอรับ”
“ใส่เสีย นี่สำหรับเจ้า” หนิงเมิงเหยาวางจี้หยกลงบนมือของเด็กชาย
เฉียวโม่เฟิงยื่นมือไปรับสร้อยมาจากหนิงเมิ่งเหยา เขาใช้นิ้วลูบมันเบาๆ ในดวงตาของเขามีความสับสน เหมือนมีบางสิ่งพันกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัว
นางยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา “อย่าคิดมากนัก”
เฉียวโม่เฟิงพยักหน้า เขาสวมจี้หยกลงบนคอแล้วจึงเอามันไว้ข้างในเสื้อราวกับมันเป็นสมบัติอันล้ำค่า
หนิงเมิ่งเหยามีรอยยิ้มอันล้ำลึกอยู่ในดวงตาเมื่อเห็นเขาทำราวกับสร้อยเส้นนั้นเป็นสมบัติของตน แม้จะสูญเสียความทรงจำ แต่เมื่อดูจากการกระทำของเด็กชายแล้ว หนิงเมิ่งเหยาก็รู้ว่าลึกๆ แล้วเขายังจำมันได้
เฉียวเทียนช่างหรี่ตามองสีหน้าอันแปลกประหลาดของหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นจึงก้มหน้าลงและเพื่อป้อนข้าวเฉียวโม่ซางต่อ
ดูเหมือนความสัมพันธ์ของเว่ยลั่วกับเฟิงเอ๋อร์จะไม่ธรรมดา
บทที่ 628 นางต้องการล้างแค้น
เฉียวโม่เฟิงสวมจี้หยกเอาไว้ราวกับมันเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่เขาได้รับมา บางครั้งเด็กชายก็รู้สึกพะวงและคอยยกมือยกมือขึ้นสัมผัสหน้าอกตัวเองอยู่เนืองๆ เพราะกลัวว่าจี้จะหล่นหายไป
หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวโม่เฟิงด้วยสีหน้าจนปัญญา “เฟิงเอ๋อร์ จี้หยกไม่หล่นหรอก ไม่ต้องกังวล”
เฉียวโม่เฟิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาเกาศีรษะของตัวเอง “ท่านแม่ ข้าชอบจี้หยกเส้นนี้มากเลยขอรับ”
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกายขึ้นวูบหนึ่ง หรือนี่จะเป็นสายสัมพันธ์ในครอบครัว
หลังทานข้าวเสร็จ เฉียวโม่เฟิงก็ออกไปกับพวกหนานอวี่ เหลือเพียงหนิงเมิ่งเหยากับเฉียวเทียนช่างที่ยังคงอยู่ในห้องอาหาร ทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเว่ยลั่วและเฉียวโม่เฟิง
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเฟิงเอ๋อร์จะเป็นลูกของเว่ยลั่ว” หนิงเมิ่งเหยายิ้มอย่างขมขื่นขณะมองเฉียวเทียนช่าง
พวกนางช่วยทั้งแม่และลูกเอาไว้ ระหว่างที่กำลังรู้สึกอับจนคำพูดกับสิ่งที่เกิดขึ้น นางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าขันนัก บางทีนางอาจถูกลิขิตมาเพื่อให้พบกับแม่ลูกคู่นี้ก็เป็นได้
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า เขาเพียงคิดว่าเว่ยลั่วคงจะเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับเฉียวโม่เฟิง แต่ไม่นึกเลยว่าทั้งสองจะเป็นแม่ลูกกัน
“เช่นนั้นทำไมนางจึงจากไปทั้งแบบนี้เล่า”
“นางต้องการล้างแค้น” หนิงเมิ่งเหยาว่า นางไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะบอกให้เว่ยลั่วตัดใจจากความแค้นได้ ในเมื่อภายในหัวใจของหญิงผู้นั้นเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่อาจลบเลือนได้อยู่
เฉียวเทียนช่างเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขามองหนิงเมิ่งเหยาแล้วจึงพูดว่า “หากเป็นเช่นนั้น เฟิงเอ๋อร์จะไปอยู่กับเรา”
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า นางเองก็คิดเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ เว่ยลั่วจึงตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะล้างแค้น
ขณะที่ทั้งสองกำลังปรึกษากันเรื่องนี้ เว่ยลั่วก็กำลังสะกดรอยตามชิงซวงและคนอื่นๆ ไป นางเฝ้ามองเฉียวโม่เฟิงที่เดินตามคนที่เหลือไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
นางกลับไปเมื่อพวกเขาทั้งสามกลับมาที่โรงเตี๊ยม
เมื่อมองดูพวกเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยม เว่ยลั่วก็กระชับดาบในมือ นางเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น แล้วจึงหันหลังเดินจากไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะต้องรอดชีวิตกลับมาให้จงได้
หนิงเมิ่งเหยายืนอยู่ริมหน้าต่าง นางเห็นเว่ยลั่วเดินตรงไปทางประตูเมือง หนิงเมิ่งเหยาถอนหายใจออกมาเบาๆ นางรู้ว่าเว่ยลั่วคงไม่จากไปทั้งอย่างนี้แน่
นางปิดหน้าต่างแล้วเรียกเฉียวเทียนช่าง อุ้มลูกแล้วกลับไปที่ห้องของตน
“ท่านแม่ พวกข้ากลับมาแล้วขอรับ”
“เจ้ารู้อะไรมาบ้าง” หนิงเมิ่งเหยายิ้มพลางมองเฉียวโม่เฟิง
เฉียวโม่เฟิงพยักหน้า “รู้ขอรับท่านแม่ พวกเราควรเตรียมตัวเดินทางออกจากที่นี่ขอรับ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“พวกเราคงไปไม่ถึงเมืองถัดไปแน่ หากไม่ออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนนี้” จากการสอบถามของเขา ดูเหมือนจะต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันถึงจะถึงเมืองถัดไป
“พวกเราจะยังไม่ออกเดินทางวันนี้ เราจะไปพรุ่งนี้” หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้า แม้พวกนางจะออกเดินทางตอนนี้ แต่การเดินทางคงจะรีบเร่งนักเพราะจำต้องไปให้ถึงอีกมือง นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ เจ้าลิงน้อยไม่มีทางรับไหวแน่
เฉียวโม่เฟิงชะงัก สายตาของเขาหยุดอยู่ที่มือทั้งสองข้างที่เฉียวโม่ซางยื่นออกมา เด็กชายยกมือขึ้นเกาจมูกแก้เขิน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเขินๆ “ท่านแม่ ข้าลืมไปเลยขอรับว่าน้องยังเด็กอยู่”
“ไม่เป็นไร” นางยื่นมือไปจับมือของเฉียวโม่เฟิง ให้กำลังใจเขาผ่านสายตา นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวที่เขาตระหนักถึงเรื่องนี้ได้
ยังพอมีเวลา หนิงเมิ่งเหยาฟังเฉียวโม่เฟิงพูดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบเมือง ในใจนางรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย นางรีบพาพวกเฉียวเทียนช่างออกไป พร้อมกับนำม้วนกระดาษไปด้วย
เช้าวันถัดมา ทั้งตระกูลจึงเดินทางออกจากเมืองนี้และมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
ณ จวนราชครู ราชครูที่ยังสวมชุดสีขาวยืนหันหลังให้กับลูกน้องของตน เขาหันหน้าไปทางหน้าต่างแล้วพึมพำเบาๆ ว่า “ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงแล้วหรือ”
“นายท่าน ท่านต้องการให้พวกข้าหยุดพวกเขาเอาไว้หรือไม่ขอรับ” คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นถามอย่างไม่มั่นใจ
ราชครูหัวเราะ “ไม่จำเป็น ไม่ช้าก็เร็วนางต้องมาที่นี่แน่ ข้าเพียงไม่คิดว่ามันจะเร็วถึงเพียงนี้ แต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าหนานกงเยี่ยนกับคนที่เหลือไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ยังไม่มีข่าวอะไรอีกหรือ”
“ไม่มีขอรับ พวกข้าค้นหาเขาสองสามลูกในบริเวณที่พวกมันหายตัวไปแล้วขอรับ แต่ยังหาพวกมันไม่พบ” มีเหงื่อเย็นๆ ซึมชื้นอยู่บนตัวของคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ในใจของเขารู้สึกเสียววาบด้วยกลัวว่าจะถูกลงโทษ
ราชครูมองคนที่คุกเข่าอยู่อย่างแปลกใจ เขาหรี่ตาลง “แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีร่องรอยหรือ”
เขาเริ่มนึกสงสัย คนเราไม่อาจมุดดินหรือบินขึ้นฟ้าได้ เหตุใดพวกเขาจึงหาตัวคนพวกนั้นไม่พบเสียที
“ขอรับ พวกเขาหายตัวไปบริเวณใกล้ๆ กับภูเขาเหล่านั้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลยขอรับ”