ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 643 ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงลงมือ + บทที่ 644 ค่าตอบแทนของการทำตัวโอหัง
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 643 ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงลงมือ + บทที่ 644 ค่าตอบแทนของการทำตัวโอหัง
บทที่ 643 ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงลงมือ
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจกับท่าทางที่ซ่งลี่แสดงออกมา แต่เพื่อรักษาชีวิตของตน ฮ่องเต้จึงจำยอมต้องระงับโทสะของตัวเองเอาไว้ภายใน เมื่อเห็นฮ่องเต้ในสภาพหัวเสียแต่ไม่กล้าทำอะไรตน ซ่งลี่จึงหัวเราะเยาะออกมา
ชายผู้นี้ช่างไม่เอาไหนเสียจริง ยาพิษยังไม่ทันแล่นเข้าสู่กระแสเลือดเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับทนไม่ไหวและหวาดกลัวเสียขนาดนี้แล้ว นางอยากเห็นนักว่าตอนที่พิษแล่นเข้าไป เขาจะทำหน้าเช่นใด
ฮ่องเต้แห่งเหมียวย่อตัวลงมองหญิงผู้คลุ้มคลั่ง สายตาของเขาเย็นชา “ซ่งลี่ เจ้าควรทำตัวให้ดีกว่านี้ ข้าทำให้เจ้ามาถึงจุดนี้ได้ ข้าก็สามารถทำให้เจ้าร่วงหล่นลงไปได้เช่นกัน อีกอย่าง อย่าลืมเรื่องตระกูลซ่งเสียล่ะ”
สีหน้าของซ่งลี่เปลี่ยนไป จากนั้นนางจึงหัวเราะออกมา “ข้ารู้ว่าตัวเองควรทำอะไร หากท่านกล้าแตะต้องตระกูลซ่งแม้แต่เส้นผม ข้าไม่ปล่อยท่านไปแน่”
“ตระกูลซ่งคงไม่ต้องให้ข้าลงมือเอง ในไม่ช้าตระกูลเจ้าจะต้องล่มสลายด้วยฝีมือของเว่ยลั่วแน่” พวกเขาตามล่าตัวบุตรชายของนาง คิดหรือว่านางจะยอมตกเป็นเหยื่อให้ถูกกระทำได้ง่ายๆ เช่นนั้น
ขณะที่ซ่งลี่อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฮ่องเต้พลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป เขาไม่แม้แต่จะมองหน้านางเสียด้วยซ้ำตอนที่เดินผ่านนางไป
ข้ารับใช้ส่วนตัวของซ่งลี่ปรี่เข้ามาพยุงนางขึ้น นางมองสภาพตอนนี้ของซ่งลี่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง “พระชายา เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้เจ้าคะ การทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อท่านเลย”
“ข้าทำตามการตัดสินใจของข้าเอง”
“แต่ฮ่องเต้เปลี่ยนไปแล้วนะเจ้าคะ”
ซ่งลี่ดูไม่สนใจเรื่องนั้น นางสนใจเพียงแค่ว่าชายผู้นั้นจะสามารถเติมเต็มความต้องการที่จะสังหารหนิงเมิ่งเหยาได้หรือไม่เท่านั้น
เพื่อความอยู่รอด ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงไม่อาจนิ่งนอนใจในการจัดการเรื่องนี้ได้ หลังออกจากวัง เขาจัดการส่งคนออกไปตรวจสอบทันทีและพบสถานที่ที่หนิงเมิ่งเหยาพักอยู่อย่างรวดเร็ว
คืนถัดมา ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงในชุดสีดำสนิทก็ปรากฏกายขึ้นในสวนของหนิงเมิ่งเหยา เขามาเพียงผู้เดียว
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงมองแสงไฟริบหรี่รอบบริเวณนั้น ฝีเท้าของเขาเบาเสียยิ่งกว่าเบา กระทั่งลมหายใจก็เงียบจนแทบไม่ได้ยิน
แต่กระนั้น หนิงเมิ่งเหยากลับยังสังเกตเห็นเขาได้
หนานอวี่และคนอื่นๆ เองก็สังเกตเห็นเช่นกัน
เมื่อฮ่องเต้คิดจะสาวเท้าเดินเข้าไป ประตูห้องของหนิงเมิ่งเหยาพลันเปิดออก ชายในชุดดำสองสามคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขาล้วนแต่มีสายตาอันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง สายตาของพวกเขาเหมือนมองคนที่กำลังจะถึงฆาต
สีหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นคนพวกนั้น ดูจากการเคลื่อนไหวก็รู้ว่าพวกเขาล้วนมีฝีมือ
“พวกเจ้าเป็นใคร” คำถามเช่นนั้นทำเอาหนิงเมิ่งเหยาที่กำลังเดินออกมาถึงกับหยุดชะงัก
“ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงบุกเข้ามาบ้านคนอื่นยามวิกาลเพื่อจะถามคำถามเช่นนี้หรือ” น้ำเสียงอันเย็นชาของหนิงเมิ่งเหยาดังขึ้นจากในบ้าน ทำเอาสีหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนไปอีกครา
เมื่อเขาเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากบ้าน ดวงตาของฮ่องเต้พลันเบิกกว้าง เขานึกว่าซ่งลี่เป็นหญิงผู้มีรูปโฉมงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาแล้ว แต่หลังจากเห็นหนิงเมิ่งเหยา เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าหญิงผู้นี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าซ่งลี่เสียอีก
บวกกับฐานะและพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังนาง หากเขาสามารถทำให้หญิงผู้นี้ยอมศิโรราบต่อตนได้ล่ะก็…
เมื่อคิดเช่นนั้นขึ้นมาได้ ร่างกายของฮ่องเต้ก็รุ่มร้อน แต่สายตาของหนิงเมิ่งเหยากลับยิ่งเย็นชา
“หนานอวี่ ข้ามอบให้เจ้าจัดการ”
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาเอ่ยตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้ออกมา หนานอวี่ก็รู้ได้ในทันทีว่าคนผู้นี้คือคนที่นำความตายมาสู่คนในตระกูลของเขาเมื่อตอนนั้น
ความเกลียดชังและจิตสังหารในดวงตาของเขาระเบิดออกมาในทันใด
หนานอวี่มองฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงด้วยสายตามุ่งร้าย
เขาเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน ในที่สุดมันก็มาถึง ในที่สุดเขาก็จะได้ล้างแค้นให้กับตระกูลเสียที
ชื่อของหนานอวี่ไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้ประหลาดใจแต่อย่างใด แต่เป็นปีศาจร้ายที่อยู่ภายในจิตใจของเขาในสมัยนั้นต่างหาก”ไอ้ลูกหมาอย่างแกยังมีชีวิตอยู่จริงๆ หรือนี่”
หนานอวี่ยิ้มหยัน “เจ้ายังไม่ตาย แล้วข้าจะตายได้เช่นไร”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว” ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน เขาพุ่งตัวเข้าใส่หนานอวี่พร้อมกับวัตถุสีดำในมือ
เมื่อเห็นวัตถุสีดำเหล่านั้น หนานอวี่กลับทำเพียงกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ทั้งที่ผ่านมาต้ังหลายปี แต่ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงกลับเรียนเคล็ดวิชาได้เพียงเท่านี้เองหรือ ของพวกนี้ยังไม่ครณามือภรรยาของข้าเสียด้วยซ้ำ”
ราวกับเป็นการยืนยันคำพูดของหนานอวี่ ชิงซวงจัดการส่งเจ้าวัตถุสีดำเหล่านั้นร่วงหล่นลงกับพื้น
บทที่ 644 ค่าตอบแทนของการทำตัวโอหัง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำอะไรลงไป”
หนานอวี่คิดอยู่บ่อยครั้งว่าถ้าสุดท้ายแล้วเขาได้พบกับศัตรูคู่อาฆาตผู้นี้เข้า เขาจะจัดการกับคนผู้นั้นอย่างไร ทว่าบัดนี้เมื่อเขาได้พบกับฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเข้าจริงๆ หัวใจของเขากลับเยือกเย็นเสียจนน่าประหลาดใจ ราวกับสิ่งเหล่านั้นไม่อาจทำให้ความเคียดแค้นกลืนกินตัวเขาได้อีกต่อไป
เขารอมานานถึงเพียงนี้ ระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้จะสามารถทำให้เขาเปลี่ยนไปได้หรือ
ชิงซวงยืนอยู่ข้างหนานอวี่ หนิงเมิ่งเหยามองฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงจากทางด้านหลังของทั้งสอง นางกอดอก บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้ม แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียง ดูท่าท่านคงมีฝีมือไม่เท่าไหร่”
“เจ้า… ส่งราชากู่มา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” จู่ๆ ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงที่ตอนแรกรู้สึกหัวเสียกับคำพูดของหนิงเมิ่งเหยากลับมองไปที่หนานอวี่ แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สิ่งเดียวที่เขานึกออกคือหนานอวี่จะต้องใช้ราชากู่สะกดกู่พิษเอาไว้แน่ มิฉะนั้นหญิงจากจงหยวนคงไม่มีทางทำอันตรายต่อกู่พิษอันแสนล้ำค่าของเขาได้เป็นอันขาด
หนานอวี่แบมือออก กู่พิษรูปร่างน่าเกรงขามตัวหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา มันแผ่บรรยากาศชวนพิศวงออกมาจากร่าง
“เจ้าอยากได้มันหรือ แน่ใจหรือว่าจะไม่ถูกมันฆ่าหลังจากได้ไป” ราชากู่ในตอนนี้อยู่คนละระดับกับเมื่อสิบปีก่อนลิบลับ เขากล้าพอที่จะมอบกู่ให้ แต่ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงจะกล้ารับหรือไม่เล่า
เมื่อเห็นราชากู่ ดวงตาของฮ่องเต้ก็เป็นประกาย เขาจ้องกู่พิษตัวนั้นไม่วางตา
มันคือราชากู่จริงๆ เขาตามหามันมาหลายปี ในที่สุดก็หาเจอเสียที
“ส่งมันมาให้ข้า” ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงลืมจุดประสงค์ในการมาเยือนของตนเสียสนิท ตอนนี้ในหัวเขามีความคิดอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการครอบครองราชากู่
ราชากู่ในมือของหนานอวี่ค่อยๆ บินเข้าไปหาฮ่องเต้ แต่ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้จะได้ยินดีกับภาพนั้น เขาก็กรีดร้องออกมาและล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้น สองมือของเขายกขึ้นกุมหน้าอก
กู่พิษที่เคยอยู่บนข้อมือของตนหายไป
“เจ้า เจ้าทำอะไร”
“ข้าทำอะไรน่ะหรือ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกรึ ข้าก็มอบมันให้เจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าได้มันไปสมใจอยากแล้ว แต่น่าเสียดายนักที่เจ้าคงไม่มีชีวิตได้อยู่ใช้มัน” หนานอวี่มองฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงอย่างดูแคลน ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าราชากู่จะไม่กลับมาหาตน
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงมองหนานอวี่อย่างมุ่งร้าย เขาคิดที่จะหนีออกจากที่แห่งนี้ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความทรมานอันแสนสาหัสภายในอก จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าอกของตนชื้นๆ อย่างไรชอบกล ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังไหลออกมา
เขากระชากเสื้อของตนออกในทันที ดวงตาของฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว
ในไม่ช้ารอยเลือดก็ปรากฏขึ้น หนานอวี่หัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “เจ้าอยากได้ราชากู่มิใช่หรือ ดูสิว่ามันรับใช้เจ้าดีเพียงใด”
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปยิ่งนัก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าราชากู่ในเวลานี้จะกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว
“เอามันออกไป” ฮ่องเต้สะบัดมือราวกับกำลังกระเสือกกระสน
หนานอวี่เยาะขึ้นว่า “ทรมานมากใช่ไหม ตอนนั้นข้ากับน้องชายต่างก็ต้องทรมานเช่นนี้เหมือนกัน ตระกูลของข้าก็ต้องพบกับความทรมานนี้เช่นกัน เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่เห็นสภาพเจ้าก่อนสิ้นใจเช่นนี้แล้ว ข้าว่ามันยังถือว่าเบาไปเสียด้วยซ้ำ”
สุดท้าย หนานอวี่จึงเรียกราชากู่ให้ออกมาจากร่างของฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียง เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสราชากู่ที่อยู่บนฝ่ามือของตน “เจ้า… ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เจ้าอยากได้ตำแหน่งนี้มากนักหรือ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นตอนที่ตำแหน่งนี้ถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา ตระกูลของข้าถูกสังหารเช่นไร ข้าจะให้เจ้าชดใช้คืนเป็นสองเท่า”
หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียวนางกำลังนึกสงสัยอยู่ในใจว่าเหตุใดฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงจึงกล้ามาที่นี่เพียงคนเดียว
เขามั่นใจในกำลังของตัวเองถึงเพียงนั้นเชียวหรือ หรือเพราะว่าเขาประเมินพวกนางไว้ต่ำเกินไป
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด ทว่าสาเหตุที่ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงต้องมาลงเอยเช่นนี้นั้นล้วนเกิดจากความโอหังของตัวเอง
“หนานอวี่ คนผู้นี้ยังมีประโยชน์อยู่ อย่าเพิ่งฆ่า”
หนิงเมิ่งเหยาโพล่งออกมาห้ามในสิ่งที่เขากำลังจะทำ
หากฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงตายไปตอนนี้ ราชครูก็มีแต่จะเป็นต่อ ใช่หรือไม่
แม้ราชครูจะเป็นคนที่คอยชักใยทั้งเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่ในสายตาของคนทั่วไป คนที่เป็นผู้นำก็ยังคงเป็นฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงอยู่ดี
หากฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงมาสิ้นใจในมือของพวกนางเอาตอนนี้ คงจะเกิดปัญหาน่ารำคาญขึ้นมาอีกมากนัก และอาจทำให้ราชครูสามารถโยนความผิดทั้งหมดมาให้พวกนางก่อนที่เขาจะยอมเปิดเผยตัวก็เป็นได้